วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เข้ารับการอบรมหลักสูตร OSCC ผู้ช่วยเหลือสังคม (๓๐-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันที่ ๓๐-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ผู้เดินทางเข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้ช่วยเหลือสังคม OSCC (One Stop Crisis Center) ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ผู้เข้ารับการอบรมในรุ่นผมประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ หน่วยงานละ ๒ คนซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนจากตำรวจ,แรงงาน,สาธารณสุขและ พม.ของจังหวัดเชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, ลำพูน, เชียงราย, น่าน, พะเยา, แพร่, ตาก, พิษณุโลกและสุโขทัย โดยผู้เข้ารับการอบรมครั้งนี้หลังจากเสร็จสิ้นการอบรมแล้วจะไปทำหน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ได้รับให้แก่เจ้่าหน้าที่ของหน่วยงานหลักที่กล่าวถึงอีกทอดหนึ่ง

สำหรับการอบรมของแต่ละวันมีดังนี้

วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ อบรมที่โรงแรมท็อปแลนด์ อำเภอเมืองพิษณุโลกตามตารางการอบรมดังนี้

* ๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน
* ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. ความเป็นมาและนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการจัดตั้ง OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมและกระบวนการในการรับแจ้งเบาแส ๔ ปัญหาหลัก (ตั้งครรภ์ไม่พร้อม,การค้ามนุษย์,แรงงานเด็กและการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและคนพิการ) โดยวิทยากรจาก พม.
* ๑๐.๐๐-๑๑.๐๐ น. การดำเนินงาน OSCC ของสายด่วน ๑๓๐๐ และบ้านเด็กและครอบครัวโดยวิทยากรจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
* ๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประัสบปัญหาการตั้งครรภฺ์ไม่พร้อมหรือคุณแม่วัยใสโดยวิทยากรจากกระทรวงสาธารณสุข
* ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
* ๑๓.๐๐-๑๔.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาค้ามนุษย์โดยวิทยากรจากกองสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
* ๑๔.๐๐-๑๕.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการใช้แรงงานเด็กโดยวิทยากรจากกระทรวงแรงงาน
* ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและคนพิการโดยวิทยากรจาก พม.
* ๑๖.๐๐-๑๗.๓๐ น. การบูรณาการความช่วยเหลือทั้ง ๔ ประเด็นหลักโดยวิืทยากรที่บรรยายมาตั้งแต่ชั่ืวโมงแรกถึงชั่วโมงสุดท้าย

วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ อบรมที่ศูนย์ภาษาและวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันราชภัฏพิบูลย์สงคราม อำเภอเมืองพิษณุโลกตามตารางการอบรมดังนี้


* ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. การบรรยายเรื่องระบบสารสนเทศ OSCC โดยวิยากรจากกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร
* ๑๐.๐๐-๑๒.๐๐ น. การแบ่งกลุ่มฝึกการปฏิบัติการใช้ระบบ OSCC Application






* ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
* ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น. การแบ่งกลุ่มฝึกการปฏิบัติการใช้ระบบ OSCC Application ต่อ
* ๑๕.๐๐-๑๖.๓๐ น. สรุปผลและปิดการอบรม

อนึ่ง ความเป็นมาของศูนย์ช่วยเหลือสังคมมีดังนี้

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีเปิดตัว OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม เพื่อช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ มุ่งเน้นให้ผู้ที่ประสบปัญหาได้รับความคุ้มครองอย่างสะดวกรวดเร็ว ใน ๓ ช่องทาง พร้อมเชิญชวนหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมทำงานขับเคลื่อนศูนย์ช่วยเหลือสังคมให้เป็นศูนย์บูรณาการระบบส่งต่ออย่างสมบูรณ์ เพื่อทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดตัว OSCC (One Stop Crisis Center) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม เพื่อช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ ที่ดำเนินงานโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง โดยมีคณะรัฐมนตรี เอกอัครราชทูต ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนมูลนิธิ และองค์กรเอกชนรวม ๗๐๐ คนเข้าร่วมงาน

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงตึกสันติไมตรี นายกรัฐมนตรีได้ชมนิทรรศการ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม แสดงความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา ๔ กลุ่ม ณ บริเวณโถงกลาง ก่อนชมการแสดงบทบาทสมมติประกอบวิดีทัศน์การช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสังคมผ่าน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม
จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้กล่าวรายงานโดยสรุปว่า สืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลให้เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และผู้พิการ มีโอกาสได้รับผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัญหาสำคัญใน ๔ เรื่องได้แก่
๑. การตั้งครรภ์ไม่พร้อม 
๒. การค้ามนุษย์ 
๓. แรงงานเด็ก 
๔. การใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ 

ซึ่งปัญหาดังกล่าวนับวันจะทวีความรุนแรงและมีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งได้ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาของประเทศโดยรวม ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมตลอดจนความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องพัฒนารูปแบบการให้บริการระบบ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเพื่อบูรณาการความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสังคมอย่างเต็มองค์รวม และดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มุ่งเน้นให้ประชาชนที่ประสบปัญหาได้รับความคุ้มครองอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยในการขอรับความช่วยเหลือได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาเชื่อมโยงกับการดำเนินงาน ซึ่ง พม. ส่วนราชการ มูลนิธิ และองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวางระบบ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเพื่อให้พร้อมดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาช่องทางการรับเรื่องราวและส่งต่อเพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้โดยสะดวกใน ๓ ช่องทาง ประกอบด้วย 
๑. แจ้งด้วยตัวเองโดยตรงที่ส่วนราชการและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศซึ่งมีมากกว่า ๒๐,๐๐๐ หน่วย 
๒. ฮอตไลน์ ๑๓๐๐
๓. ที่เว็บไซต์ www.osccthailand.go.th 
นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบสารสนเทศรองรับการดำเนินงานการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วถึง และการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในการรับเรื่องราวการให้บริการ การส่งต่อ และการติดตามผล เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงานและมอบนโยบายการดำเนินงาน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมสรุปสาระสำคัญว่า วันนี้ประเทศไทยมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม ที่เจริญเติบโตเป็นอย่างมาก ซึ่งบนความเจริญนั้นก็มีผลกระทบต่อสภาวะสังคม โดยเฉพาะต่อวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่โดยรวมในสังคม ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้ประชาชนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งหญิงชายอยู่ได้ด้วยความเสมอภาคและสมศักดิ์ศรี โดยเป็นนโยบายของรัฐบาลที่พร้อมให้การสนับสนุนและทำงานบูรณาการกับทุกกระทรวงมาโดยตลอด ซึ่งเชื่อว่าทุกกระทรวงที่มารวมกันอยู่ในที่นี้และเครือข่ายทั่วประเทศก็ได้ ร่วมกันพัฒนาดูแลช่วยเหลือสังคม ทั้งเด็ก สตรี ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ และผู้พิการ โดยได้มีการทำงานติดตามอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งที่ได้พบก็คือปัญหาต่าง ๆ ยังไม่ได้ลดน้อยลงไป และทุกหน่วยได้มีการประสานงานกันโดยใช้วิธีการติดตาม ส่งต่อซึ่งเป็นกระบวนการต่าง ๆ ที่ใช้เวลายาวนานมาก ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์ในวันนี้คือความแน่วแน่ที่จะร่วมกันในการบูรณาการพัฒนาระบบนี้ให้เป็นระบบที่สมบูรณ์มีการบูรณาการอย่างแท้จริงในทุกระบบของทุกหน่วยที่มีอยู่ ทั้งภาครัฐ เอกชน มูลนิธิ และเครือข่ายภาคประชาชน โดยร่วมกันรวมพลังเป็นด่านหน้ารับเรื่องราวร้องเรียนทั้งหมดแล้วประสานส่งต่อไปยังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกเครือข่ายที่ทำหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบการส่งต่อเกิดความรวดเร็ว มีกระบวนการติดตามอย่างครบวงจร รวมทั้งให้มีการฟื้นฟู เยียวยา ดูแลจิตใจให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นการบูรณาการนี้ และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยู่ในสังคมอย่างปลอดภัย และได้รับสิทธิตามกฎหมาย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าตลอดเวลาในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิตนั้นรัฐบาลก็ได้มีการพัฒนาโครงการต่าง ๆ หลายโครงการตั้งแต่การสร้างระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า การบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ในการบูรณาการระบบส่งต่อ ขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนเป็นหน่วยรับผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนให้เร็วที่สุด รวมทั้งการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากกองทุนของรัฐบาล การขยายโอกาสต่าง ๆ เช่น กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนหมู่บ้านฯ กองทุนตั้งตัวได้ กองทุน SML และอีกหลายโครงการที่ภาครัฐได้จัดสรรให้ เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิเสรีภาพ ได้รับสิทธิ์ที่ภาครัฐดูแลให้อย่างเต็มที่และเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งคือเจตนารมณ์ของการบูรณาการทั้งหมด และประเทศไทยได้ปฏิบัติตามพันธกรณีที่ได้ลงนามกับนานาประเทศ ทั้งการออกกฎหมายรับรอง จัดทำแผนยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก การกระทำรุนแรงในครอบครัวและสังคม ตลอดจนการแก้ปัญหาแม่วัยรุ่น การทำให้สามารถที่จะอยู่ได้จากบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจที่พัฒนา แต่สังคม วัฒนธรรม ประเพณียังอยู่ และคุณภาพชีวิตของคนไทยยังอยู่ ซึ่งเหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของเจตนารมณ์ในการบูรณาการทั้งหมด
นายก รัฐมนตรีกล่าวว่า ศูนย์ OSCC เป็นศูนย์ในการดูแลอย่างครบวงจร โดยภาครัฐยินดีที่จะร่วมทำงานกับทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการบูรณาการระบบส่งต่อ โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อให้การพัฒนาการส่งต่อสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ และสามารถที่จะใช้ติดตามแก้ปัญหา ดูแลประชาชนทุกคนอย่างเต็มที่ พร้อมกับส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างสมบูรณ์ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร และสำนักนายกรัฐมนตรี ในการติดตามบูรณาการและให้คำแนะนำกับทุกกระทรวง ซึ่งรัฐบาลขอเรียนเชิญทุก ๆ มูลนิธิเข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนศูนย์ช่วยเหลือสังคมให้เป็นศูนย์บูรณาการระบบส่งต่ออย่างสมบูรณ์ เพื่อทำให้ปัญหาชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) การดำเนินงาน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จากนั้นนายกรัฐมนตรีทำพิธีกดปุ่มบนแท่นปล่อยขบวนคาราวานรถ ๑,๓๐๐ รถหน่วยเคลื่อนที่เร็วจำนวน ๑๐๕ คัน ณ บริเวณตึกสันติไมตรีด้านน้ำพุ เพื่อออกให้บริการช่วยเหลือประชาชน

ที่มา : http://goo.gl/yc1G7

สุขสันต์วันเกิดคุณแม่เผือน มัจฉา (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้ครบรอบวันเกิด ๗๕ ปีเต็มของคุณแม่เผือน มัจฉา ขออวยพรให้คุณแม่สุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืน อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานตราบนานเท่านาน

รักคุณแม่ครับ

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ตำรวจ สภ.แม่จริมฝึกซ้อมการยิงปืินทางยุทธวิธี (๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.เป็นต้นไปเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมได้จัดให้มีการฝึกซ้อมการใช้อาวุธปืนทางยุทธวิธีขึ้น ณ สนามหน้าอาคารที่พักเจ้าหน้าที่ของ สภ.โดยได้รับการอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดน่านมาทำหน้าที่ครูฝึกให้พวกเรา

การฝึกซ้อมการใช้อาวุธปืนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะและวิธีการใช้อาวุธปืนอย่างถูกต้องตามหลักยุทธวิธีเพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป << ภาพทั้งหมด >>

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ลากิจพาลูกสาวเข้ามหาวิทยาลัย (๒๗-๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันที่ ๒๗-๒๘ พฤษภานี้ไม่ได้ไปทำงานเหมือนปกติที่ผ่านมาเพราะผมขออนุญาตลากิจ ๒ วันเนื่องจากจะต้องนำลูกสาวคนที่สวยที่สุดในโลก (อย่างน้อยก็ในสายตาผมเอง) ชื่้อนางสาวปัทมาพร มัจฉา เข้ามหาวิทยาลัยซึ่งเธอสอบได้คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาเรียน ๔ ปี โดยวันแรก (๒๗ พฤษภาคม) ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๑๒.๐๐ น.เป็นช่วงผู้บริหารพบผู้ปกครองนักศึกษาใหม่ที่หอประชุมศูนย์กีฬากาญจนภิเษกรับราชกาลที่ ๙ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ วันนี้ ผศ.ดร.จำเนียร ยศราช อธิการบดีและคณะผู้บริหารมาพบปะพูดคุย ให้คำแนะนำเรื่องราวต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยอย่างละเอียดละออเลยทีเดียวครับ รวมถึงตอบข้อซักถามที่ผู้ปกครองสอบถามด้วย ทำให้สบายใจอย่างยิ่งที่ลูกไำด้มาเรียน มาใช้เวลาศึกษาต่อที่นี่ตามที่เขาต้องการและคาดหวังไว้ อีกประการหนึ่งก็คือตอนนี้ลูกสาวอาจจะต้องเรียกคุณแม่เขาว่า "พี่" เสียแล้วเพราะคุณแม่เขา (คุณนภาพัน มัจฉา) เป็นศิษย์เก่าและสำเร็จการศึกษาที่นี่ ดีเหมือนกันนะมีแม่เป็นพี่ ฮา


หลังจากเสร็จสิ้ินการพบปะผู้ปกครองแล้วก็ใช้เวลาว่างๆ นั้นทัวร์ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อให้รู้ว่าคณะที่เรียนอยู่ตรงไหน หอพักอยู่ตรงไหน ที่กินที่ทานอาหารอยู่ตรงไหน รวมถึงดูสภาพความเป็นไปภายในมหาวิทยาลัยด้วยซึ่งภรรยาผมพูดว่าเปลี่ยนไปเยอะ สมัยที่เธอเรียนอาคารหลายแห่ง คณะหลายคณะยังไม่มี ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นเยอะมาก แต่เยอะมากในทางที่ดี น่าภาคภูมิใจที่ได้เป็นศิษย์เก่าที่นี่ เธอว่างั้นครับ เสร็จแล้วก็ทัวร์เชียงใหม่ใกล้ๆ นั่นแหละซักหน่อย พอตกเย็นพาลูกสาวคนสวยไปฉลองการเป็นนิสิตใหม่ พอได้เวลาอันสมควรก็กลับเข้าที่พักครับ


วันรุ่งขึ้น (๒๘ พฤษภาคม) ช่วงเช้าพาลูกสาวเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง คราวนี้เข้าแล้วเข้าเลย เพราะเธอต้องกินต้องอยู่ต้องศึกษาเล่าเรียนที่นี่ เนื่องจากมหาวิทยาลัยจัดหอพักให้ โดยนักศึกษาปี ๑ จะไม่อนุญาตให้พักหอพักข้างนอกเด็ดขาด เอ้อ แบบนี้ิซิ่ดี ผมชอบ สบายใจด้วย ทีนี้ก็เหมือนย้ายบ้านนั่นแหละ ต้องเอาข้าวของเครื่องใช้มาค่อนข้างเยอะ เราในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่ดีก็ต้องทำหน้าที่อันสำคัญนี้นั่นก็คือ "แบกหาม" ครับ แต่ไม่ต้องทำอะไรมากเพราะวันนี้มีรุ่นพี่ชั้นปีที่ ๒ ของแต่ละคณะมารับน้องๆ คณะของเขา คณะใครคณะมัน ละลานตาเต็มไปหมดเลย พี่ๆ เขาก็ช่วยยก ช่วยแบก ช่วยหามเอาไปเก็บไว้ที่หอพัก ส่วนลูกสาวพร้อมกับเพื่อนๆ ชั้นปีที่ ๑ พวกพี่ๆ เขาก็จะพาไปแนะนำให้รู้จักกัน รู้กฎ รู้กติกาต่างๆ ของมหาวิทยาลัย แล้วสัปดาห์นี้ืทั้งสัปดาห์เป็นเวลา ๗ วัน มหาวิทยาลัยจะจัดพิธีรับน้องใหม่ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่เติม ซึ่งลูกสาวผมบอกว่า "สบายมากค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วง" เราเป็นพ่อก็สบายใจ แต่ก็ไม่ห่วงเหมือนอย่างที่ลูกพูดนั่นแหละ ดีเสียอีกที่ประเพณีดีๆ งามๆ แบบนี้จะได้ไม่ต้ิองสูญหายไปกับสายลมและกาลเวลา การรับน้องใหม่นั่ืนอาจารย์ของมหาวิทยาลัียก็จะเข้ามาควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดซึ่งรับรองว่าไม่มีการแหวกแนวหรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสมแน่

ดูเด็กๆ เขาทำกิจกรรมอะไรของเขาช่วงเช้าวันนี้ถึงราวเที่ยงๆ วันก็เดินทางกลับบ้่านที่่พะเยาโดยลูกสาวคนสวยอยู่ที่มหาวิทยาลัยเพื่อเรียนและสำเร็จเป็นอนาคตที่มีค่าของประุเทศชาติต่อไป ซึ่งผมและภรรยาก็จะมาเยี่ยมเยียนในช่วงวันหยุดเ้หมือนเดิมเพราะยังไงก็ตามเธอก็คือ "เด็ก" ในสายของของพ่อแม่อยู่วันยังค่ำนั่นแหละ

ตั้งใจเรียนหนังสือนะจ๊ะลูก

<< ภาพทั้งหมด >>

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

บทเรียนไฟดับ ตร.สั่งการผ่าน"ไลน์" อีกหนึ่งช่องทางสื่อสารยามวิกฤติ (๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

บทเรียนไฟดับ-ตร.สั่งการผ่าน"ไลน์" อีกหนึ่งช่องทางสื่อสารยามวิกฤติ
โดย ปกรณ์ พึ่งเนตร, วิศิษฎ์ ชวนพิพัฒน์พงศ์

"ที่ผ่านมาเมื่อเกิดไฟฟ้าดับจะมีปัญหาด้านการสื่อสาร แต่เมื่อวันที่เกิดเหตุเราสั่งการผ่านระบบไลน์ ซึ่งทำได้ดี ครอบคลุมทุกพื้นที่" เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่กล่าวถึงการทำงานของตำรวจในห้วงที่เกิดสถานการณ์วิกฤติ ไฟฟ้าดับทั่วภาคใต้เมื่อค่ำวันอังคารที่ ๒๑ พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ได้รู้ว่าตำรวจยุคนี้ใช้แอพพลิเคชั่น "LINE" หรือแอพฯแชทยอดนิยมบนสมาร์ทโฟนให้เป็นประโยชน์ในการทำงานอย่างกว้างขวาง ไม่เว้นแม้แต่ภารกิจรักษาความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้กันเลยทีเดียว

ตำรวจยุคใหม่ใช้ "ไลน์" สั่งงาน
ร.ต.อ.จอมเดช ตรีเมฆ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ปัจจุบันเป็นนักวิชาการด้านอาชญวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต และได้เกาะติดความเคลื่อนไหวการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อช่วยในการบริหารงานตำรวจมาตลอด กล่าวว่า ช่วงที่แอพพลิเคชั่นไลน์เริ่มได้รับความนิยมเมื่อราวๆ ๑-๒ ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ราคาสมาร์ทโฟนเริ่มต่ำลงพอดี ทำให้ตำรวจทั่วไปโดยเฉพาะระดับสัญญาบัตรหันมาใช้สมาร์ทโฟนกันเป็นส่วนใหญ่ 
       
"แอพฯไลน์นอกจากพูดคุยได้ ยังถ่ายรูปได้ ส่งรูปและวีดีโอก็ได้ แถมยังให้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตำรวจก็เลยนิยมใช้กัน เริ่มมีการจัดกรุ๊ป จัดกลุ่มของโรงพักนี้ หน่วยงานนั้น แล้วผู้บังคับบัญชาก็เริ่มสั่งงานผ่านไลน์ เปลี่ยนรูปแบบจากการตรวจพื้นที่แบบโบราณ ใช้วิทยุแจ้ง ว. เช่น ว.๑๐ ตรงจุดเกิดเหตุแล้ว แต่นายไม่อาจรู้ได้ว่าเราอยู่จริงหรือเปล่า พอมีระบบไลน์ นายก็ให้ถ่ายรูป หรือแชร์โลเคชั่นว่าเราอยู่จุดนั้นจริงๆ ทำให้สะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน"

"ไลน์ของนาย"ดังทั้งวันทั้งคืน
ร.ต.อ.จอมเดช กล่าวต่อว่า จุดเด่นอีกประการหนึ่งของไลน์ คือเมื่อส่งข้อมูลเข้ากลุ่ม จะมีระบบลิสต์แสดงเลยว่ามีใครบ้างที่อ่านแล้ว สมมติในโรงพักมี ๑๐ คน เมื่อลิสต์จากไลน์ขึ้นครบทุกคนว่าอ่านแล้ว ก็แสดงว่ารับทราบหมด จะมาแก้ตัวทีหลังว่าไม่ทราบเรื่องไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นระบบเดียวกับการสั่งงานทางวิทยุสื่อสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนต้องเฝ้าฟัง เมื่อนายพูดออกวิทยุเครือข่ายกลางจะถือว่ารับทราบ ไม่ทราบไม่ได้ ทุกวันนี้ตำรวจจึงเปลี่ยนมาเฝ้าดูไลน์แทน 

นอกจากนั้น ระบบไลน์ยังเป็นการสื่อสาร ๒ ทาง ผู้ใต้บังคับบัญชายังสามารถรายงานผลงานกลับไปยังผู้บังคับบัญชาได้ด้วย จนกลายเป็นช่องทางการนำเสนอผลงานถึงผู้บังคับบัญชาได้เหมือนกัน 


"ทราบว่าไลน์ของผู้ใหญ่บางท่านดังเตือนทั้งวันทั้งคืน เพราะลูกน้องรายงานผลงานให้ทราบ กลายเป็นการช่วงชิงผลงานกันไปก็มี แม้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยังไม่ได้ปรับตัวชี้วัดให้การรายงานผลการปฏิบัติทางไลน์มีผลต่อการพิจารณาความดีความชอบด้วยก็ตาม แต่ก็ทำให้นายได้รู้ว่าลูกน้องคนไหนทำงานมากหรือน้อย"

เสี่ยงถูกแฮค-ไม่กรองชั้นความลับ
สำหรับจุดอ่อนของการใช้ไลน์ ร.ต.อ.จอมเดช กล่าวว่า ในเชิงปฏิบัติการไลน์ยังไม่มีการสร้างระบบป้องกันที่ดีพอ เพราะฉะนั้นอาจเป็นไปได้ที่กลุ่มมิจฉาชีพจะแฮคเข้าไปดูว่าตำรวจสั่งการอะไรกัน หรืออย่างบางกรุ๊ปไลน์ที่มีสมาชิกเยอะมากๆ อาจไม่ได้ตรวจสอบว่ามีคนนอกเข้าไปปะปนอยู่ในกรุ๊ปบ้างหรือเปล่า ก็อาจทำให้ความลับรั่วไหลได้เหมือนกัน บางครั้งเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการไม่ทราบว่าบางเรื่องเป็นชั้นความลับ ก็โยนข้อมูลเข้าระบบไลน์ ทำให้ระดับชั้นความลับไม่ได้ถูกกรอง 

"ผมว่าเทคนิคของไลน์ไม่ได้เชื่อมโยงกับสื่อสังคมออนไลน์เสียทีเดียว เพราะไม่ได้เป็นสื่อที่คนทั่วไปมองเห็นหรือมีส่วนร่วม แต่มันไปเอื้อหรือให้ความสะดวกในการปฏิบัติงานมากกว่า เป็นเรื่องของการบริหารงานยุติธรรม และตำรวจก็ตรวจสอบกันเองได้ง่ายขึ้นว่าคุณทำงานหรือเปล่า ถึงที่สุดแล้วก็ส่งผลลดอาชญากรรมได้เหมือนกัน" ร.ต.อ.จอมเดช สรุป

ครบวงจร "รับคำสั่ง-รายงานนาย"
พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผู้กำกับการ ๕ กองบังคับการปราบปราม (ผกก.๕ ป.) กล่าวว่าปัจจุบันกองปราบใช้ระบบไลน์เข้ามาช่วยในการทำงาน ทั้งงานที่รับผิดชอบ งานที่ได้รับมอบหมาย และรายงานผลการปฏิบัติ เรียกว่าทั้งสั่งและรับคำสั่ง ตลอดจนรายงานผลแบบครบวงจร 

"สาเหตุที่เลือกใช้ก็เพราะความสะดวกในการสั่งงานและการรายงานผล ทั้งยังมีหลักฐานยืนยัน อย่างเช่นผู้การ (พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการปราบปราม) เคยไปประชุมที่ประเทศจีน เมื่อมีข้อหารือมาก็สั่งผ่านไลน์มาเลย การใช้ไลนท์ทำให้มีหลักฐานว่ามีการสั่งการมอบหมายมาแล้ว ลูกน้องที่อยู่ในประเทศไทยก็ไปหาข้อมูลและตอบกลับได้ทันที ถ่ายรูปก็ได้ ส่งคลิปก็ได้ รายงานเหตุการณ์สดจากพื้นที่จริงได้ทันที แม้แต่เอกสารหนังสือราชการก็ส่งทางไลน์ นอกจากนี้ระบบไลน์ยังมีลูกเล่น ช่วยสร้างสีสันและคลายเครียดได้เหมือนกัน" 


พ.ต.อ.วัชรพล กล่าวต่อว่า กรุ๊ปไลน์ของกองปราบมีห้องรวมเรียกว่า "ศูนย์ปฏิบัติการ" โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะอยู่ห้องนี้ และจะมีแยกย่อยไปตามกองกำกับต่างๆ อย่างเช่นกอง ๕ ก็จะมีห้องของตัวเอง ผู้ที่เข้าไปเล่นต้องแสดงตัวตนชัดเจน มีรูปภาพ ชื่อ-สกุล หรือนามเรียกขนานที่รู้กัน คนอื่นที่ไม่ได้อยู่กอง ๕ จะเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด

แชร์ประสบการณ์-สื่อสารภาวะวิกฤติ
"ประโยชน์มันเยอะ ถ้าในทางคดี การส่งภาพผู้ต้องสงสัย ส่งทางไลน์เร็วกว่าอีเมล์ ตำรวจที่อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว (อยู่นอกสำนักงาน) สามารถเปิดดูและนำไปทำงานต่อได้ทันที หรืออย่างบางคดีที่มีปัญหา อยากให้ผู้เชี่ยวชาญดูภาพศพเบื้องต้น ก็สามารถสั่งทางไลน์ไปให้ดูก่อนได้ นอกจากนั้นยังสามารถแชร์ประสบการณ์การทำงานได้ด้วย ตำรวจบางคนไม่มีประสบการณ์ทำคดีลักษณะนี้มาก่อน ผู้ที่มีประสบการณ์ก็สามารถให้คำแนะนำ แบ่งปันประสบการณ์ได้ทันที" 

ส่วนปัญหาเรื่องชั้นความลับนั้น พ.ต.อ.วัชรพล ไม่กังวลนัก โดยบอกว่าปกติในกรุ๊ปของไลน์ก็กรองชั้นความลับได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว และในการประชุมทุกครั้งก็จะเน้นย้ำให้ระมัดระวังการใช้ เรื่องที่เป็นชั้นความลับมากๆ ก็ไม่ได้ใช้ไลน์ ส่วนเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเมื่อวันที่ ๒๒ พ.ค. กอง ๕ ก็ดูแลพื้นที่ภาคใต้อยู่เช่นกัน เมื่อไฟฟ้าดับลูกน้องก็รายงานทันทีว่าเป็นเรื่องทางเทคนิค ทำให้เบาใจไปได้ระดับหนึ่งว่าไม่ใช่การก่อการร้าย นี่คือประโยชน์ของการสื่อสารในภาวะวิกฤติ

เตือนอย่าลืม "แบ็คทูเบสิค"
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าง พ.ต.อ.โพท สวยสุวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) กล่าวว่า ตำรวจในสามจังหวัดนิยมใช้ไลน์ เพราะรวดเร็ว ชัดเจน เก็บความลับได้ ส่งรูปได้ รับข้อมูลแบบเรียลไทม์ และตรวจสอบได้ว่ารับคำสั่งเรียบร้อยแล้ว 

"อย่างเมื่อวันที่ไฟฟ้าดับทั้งเมือง ผู้การสั่งการทีเดียวทางไลน์ ทุกคนก็ได้รับหมด และปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุทุกขั้นตอน" พ.ต.อ.โพท ระบุ


อย่างไรก็ดี พ.ต.อ.โพท บอกว่า การสื่อสารผ่านสมาร์ทโฟนเป็นช่องทางสื่อสารอีกช่องทางหนึ่ง แต่เป็นช่องทางสำรองเท่านั้น ไม่ใช่ช่องหลัก เพราะช่องทางหลักจริงๆ ยังคงเป็นโทรศัพท์กับวิทยุสื่อสาร เนื่องจากในภาวะวิกฤติจริงๆ ถ้าสัญญาณมือถือล่มก็จบ สุดท้ายก็ต้องแบ็คทูเบสิค ใช้วิทยุคลื่นสั้นในการสื่อสารอยู่ดี 


แต่ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารแบบไหน ทันสมัยหรือโบราณ ปัจจัยสู่ความสำเร็จของงานย่อมหนีไม่พ้นความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติ...และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด!

นิสิตใหม่ (๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้เดินทางไปส่งลูกสาว (นางสาวปัทมาพร มัจฉา) ซึ่งผมเรียกว่า "นางสาวไทย" เข้าเป็นนิสิตชั้นปีที่ ๑ ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ใช้เวลาศึกษาเล่าเรียน ๔ ปี ก็ขอให้ลูกตั้งใจเรียนหนังสือนะจ๊ะ เรียนให้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของเราพึงมีเพื่อเป็นอนาคตที่มีค่าของชาติในภายภาคหน้าต่อไป

พ่อรักลูกจ้ะ

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สวัสดีวันหยุด (๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้วันเสาร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ วันหยุดของหลายๆ ท่านรวมทั้งผมด้วย ก็สบายๆ ครับ อยู่บ้านทำนั่นทำนี่เรื่อยเปื่อย ที่สำคัญก็คือความสะอาดของบ้านนั่นแหละ ต้องทำให้ดีเพราะเราอยู่กับมัน บ้านเรือนสะอาดโล่งหูโล่งตาคนอยู่ก็เจริญตาเจริญใจว่างั้น ก็อาศัยเวลาช่้วงนี้ที่ไม่ต้องไปทำงานจัดการบ้านช่องห้องหอซะเลย แหม พอทำแล้ว โล่งจริงๆ อย่างภาพที่นำมาโม้มาอวดนี่แหละ คุณๆ ผู้ชายทั้งหลายจะเอาตัวอย่างไปทำบ้างก็ได้นะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์หรอก

ใกล้ๆ เที่ยงวันออกจากบ้านพาลูกพาเมียไปทานอาหารกลางวันนอกบ้าน เปิดหูเปิดตาซะหน่ือย สถานที่ไปทานกันก็ใกล้ๆ กว๊านพะเยาแหล่งน้ำสำคัญของคนพะเยานั่้นเอง อยู่ห่างจากบ้านไม่มากนัก กว๊านพะเยาวันนี้สวยดีจัง บรรยากาศร่มเย็น บนท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมนิดหน่อยแต่สวยงามากน่าดู ในกว๊านก็ค่อนข้างสะอาดโล่งตาด้วยผักตบชวาที่เคยมีึก่อนหน้านี้หายไปเกือบหมด อาจจะด้วยพี่น้องนำเอาไปทำการฝีมือหรือเจ้าหน้าที่เทศบาลก็เขามาเก็บไปก็แล้วแต่ แต่ก็ทำให้บรรยากาศดูดีขึ้นเยอะ วันนี้มีพี่น้องมาเที่ยวกันพอสมควร สังเกตจากป้ายทะเบียนรถเป็นทะเบียนจังหวัดอื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ นี่แสดงว่ากว๊านพะเยายังคงมีเสน่ห์ติดตราตรึงใจพี่น้องอยู่ไม่รู้เสื่อมคลาย ว่างๆ อย่าลืมไปแอ่วพะเยากันเน้อครับพี่น้อง

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สวัสดีวันวิสาขบูชา (๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

สวัสดีทุกท่าน

วันนี้วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง รัตนโกสินทรศก ๒๓๒ ตรงกับวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของเรา ขอให้พี่น้องมีความสุข มีความเจริญในธรรม มีสติรู้ตัว เบิกบาน จิตใจแจ่มใสสดชื่นทุกท่านนะครับ

วันวิสาขบูชา (บาลี: วิสาขปูชา; อังกฤษ: Vesak) เป็น "วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล" ของชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก, วันหยุดราชการในหลายประเทศและวันสำคัญของโลกตามมติเอกฉันท์ของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติเพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา ๓ เหตุการณ์ด้วยกัน คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั้งสามเหตุการณ์นั้นได้เกิดตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หรือในวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขมาส (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่าเป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง จึงเรียกการบูชาในวันนี้ว่า "วิสาขบูชา" ย่อมาจาก"วิสาขปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" อันเป็นเดือนที่สองตามปฏิทินของอินเดีย ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ ตามปฏิทินจันทรคติของไทยซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน โดยในประเทศไทยถ้าในปีใดมีเดือน ๘ สองหนก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน ๗ หลังตามปฏิทินจันทรคติของไทยซึ่งประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทอื่นที่ไม่ได้ถือคติตามปฏิทิน จันทรคติของไทยจะจัดพิธีวิสาขบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ แม้ในปีนั้นจะมีเดือน ๘ สองหนตามปฏิทินจันทรคติไทยก็ตามและในกลุ่มชาวพุทธมหายานบางนิกายที่นับถือว่าเหตุการณ์ทั้ง ๓ นั้น เกิดในวันต่างกันไปจะมีการจัดพิธีวิสาขบูชาต่างวันกันตามความเชื่อในนิกายของตน ๆ ซึ่งจะไม่ตรงกับวันวิสาขบูชาตามปฏิทินของชาวพุทธเถรวาท

วันวิสาขบูชานั้นได้รับการยกย่องจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลกให้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล เนื่องจากเป็นวันที่บังเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๓ เหตุการณ์ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าและจุดเริ่มต้นของศาสนาพุทธ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นเมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีก่อน ณ ดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล โดยเหตุการณ์แรกเมื่อ ๘๐ ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ" ณ ใต้ร่มสาละพฤกษ์ ในพระราชอุทยานลุมพินีวัน (อยู่ในเขตประเทศเนปาลในปัจจุบัน) และเหตุการณ์ต่อมาเมื่อ ๔๕ ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ณ ใต้ร่มโพธิ์พฤกษ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม (อยู่ในเขตประเทศอินเดียใน ปัจจุบัน) และเหตุการณ์สุดท้าย เมื่อ ๑ ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันเสด็จดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ณ ใต้ร่มสาละพฤกษ์ ในสาลวโนทยาน พระราชอุทยานของเจ้ามัลละ เมืองกุสินารา (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) โดยเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเกิดตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ หรือเดือนวิสาขะนี้ทั้งสิ้น ชาวพุทธจึงนับถือว่าวันเพ็ญเดือน ๖ นี้ เป็นวันที่รวมวันคล้ายวันเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าไว้มากที่สุดและได้นิยมประกอบพิธีบำเพ็ญบุญกุศลและประกอบพิธีพุทธบูชาต่าง ๆ เพื่อเป็นการถวายสักการะรำลึกถึงแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบมาจนปัจจุบัน

วิสาขบูชามีการนับถือปฏิบัติกันในหลายประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้งมหายานและเถรวาททุกนิกายมาช้านานแล้ว ในบางประเทศเรียกพิธีนี้ว่า "พุทธชยันตี" (Buddha Jayanti) เช่นใน อินเดียและศรีลังกา ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ เช่น ประเทศอินเดีย, ประเทศไทย, ประเทศพม่า, ประเทศศรีลังกา, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น (ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมากที่สุด) ในฝ่ายของประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ได้รับคติการปฏิบัติบูชาในวันวิสาขบูชามาจากลังกา (ประเทศศรีลังกา) ในประเทศไทยปรากฏหลักฐานว่ามีการจัดพิธีวิสาขบูชามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย

วันวิสาขบูชาถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล เพราะชาวพุทธทุกนิกายจะพร้อมใจกันจัดพิธีพุทธบูชาในวันนี้พร้อมกันทั่วทั้งโลก (ซึ่งไม่เหมือนวันมาฆบูชาและวันอาสาฬหบูชา ที่เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่นิยมนับถือกันเฉพาะในประเทศไทย, ลาว, และกัมพูชา) และด้วยเหตุนี้ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติจึงยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็น "วันสำคัญสากลนานาชาติ (International Day)" หรือ "วันสำคัญของโลก" ตามคำประกาศของที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ ๕๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒

ปัจจุบันประเทศไทยได้ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ โดยพุทธศาสนิกชนทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ พระสงฆ์และประชาชนจะมีการประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การตักบาตร การฟังพระธรรมเทศนา การเวียนเทียน เป็นต้น เพื่อเป็นการบูชารำลึกถึงพระรัตนตรัยและ เหตุการณ์สำคัญ ๓ เหตุการณ์ดังกล่าวที่ถือได้ว่าเป็นวันคล้ายวันที่ "ประสูติ" ของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาได้ "ตรัสรู้" เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงกอปรไปด้วย "พระบริสุทธิคุณ", "พระปัญญาคุณ" ผู้ซึ่งได้ทรงสั่งสอนประกาศพระสัจธรรม คือความจริงของโลกแก่พหูชนทั้งปวงโดย "พระมหากรุณาธิคุณ" จวบจนทรง "เสด็จดับขันธปรินิพพาน" ในวาระสุดท้าย ซึ่งทั้งสามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องในวันเพ็ญเดือน ๖ ทั้งสิ้นนี้ ทำให้พระพุทธศาสนาได้บังเกิดและสืบต่อมาอย่างมั่นคงจนถึงปัจจุบัน

ที่มา : http://goo.gl/yGAun

ใครจะชอบใครชังช่างเขาเถิด
ใครจะเชิดใครแช่งก็ช่างเขา
ใครจะด่าว่าบนก็ทนเอา
ใครจะเมามากมายไม่หมายมอง

พุทธทาสภิกขุ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมตั้งจุดตรวจ (๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้ตั้งแต่ืเวลา ๐๕.๐๐-๐๘.๐๐ น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมร่วมกันตั้งจุดตรวจที่ถนนหน้าจุดตรวจบ้านนาบัว หมู่ที่ ๖ ตำบลหนองแดงตามแผนการตรวจประจำวันโดยจุดตรวจวันนี้ ร.ต.ต.ราเชนทร์ คำแปงตัน รอง สวป.เป็นหัวหน้าชุด มีกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติรวม ๗ คน

สำหรับการตั้งจุดตรวจครั้งนี้ไม่พบการกระทำผิดกฎหมายใดๆ เกิดขึ้น และในนามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมขออภัยในความไม่สะดวกมายังพี่น้องรวมถึงขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือกับพวกเราเป็นอย่างดียิ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เข้าร่วมประชุม Video conference (๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.ผมเข้าร่วมประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video conference) ที่ห้องประชุม ศปก.ภ.จว.น่านโดยการประชุมครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานสอบสวนซึ่งตำรวจภูธรภาค ๕ ได้จัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุก ภ.จว.และสถานีตำรวจในสังกัด ในส่วนของ ภ.จว.น่านนั้นผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผบก.ภ.จว.น่าน (พล.ต.ต.ณรงค์ชัย วงษ์สามี) , พ.ต.อ.สิรภพ พุ่มเฉลิม รอง ผบก.ฯ ซึ่งรับผิดชอบงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นสัญญาบัตรฝ่ายอำนวยการทุกคน

เสร็จสิ้นการประชุมครั้งนี้ในเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น.

ตรวจค้น/จับกุมผู้ต้องหา (๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๕.๐๐ น.เป็นต้นไปผมถพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริม,ตชด.๓๒๔ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอำเภอแม่จริมนำหมายค้นของศาลจังหวัดน่านเข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายที่บ้านร่มเกล้า ตำบลน้ำพาง อำเภอแม่จริมในห้วงระดมกวาดล้างประจำเดือนของตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ซึ่งผลการตรวจค้นครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ๑ ราย เพศชาย พร้อมด้วยของกลางประกอบด้วยยาบ้า ๔๐ เม็ด,อาวุธปืนยาว ๑ กระบอก,เครื่องกระสุนปืนขนาด .๓๕๗ จำนวน ๑๘ นัด,ขึ้ฝิ่นจำนวนหนึ่งและเงินสดรัฐบาลไทยจำนวน ๗๘,๔๔๐ บาทนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่จริมดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ในนามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมขอขอบคุณพี่น้องตำรวจตระเวนชายแดน,เจ้าหน้าที่อาสาสมัครอำเภอแม่จริมและผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่ร่วมมือปฏิบัติในครั้งนี้เป็นพวกเราเป็นอย่างสูงด้วยนะครับ

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เข้าร่วมประชุมการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดที่ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน (๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้ตำรวจภูธรจังหวัดน่านได้จัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ณ ห้องประชุมหลวงนารถนรานุบาลซึ่งผมเข้าร่วมประชุมด้วยดังนี้

เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.เป็นการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับ ผกก.,หน.สถานี,รอง ผกก.สืบสวน,หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดและหัวหน้าพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจทุกแห่ง (๒๐ สถานี) โดยการประชุมครั้งนี้มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
๑. กำชับการปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของ ผบ.ตร.
๒. รายงานสถิติคดีอาญาที่เกิดขึ้นของแต่ละสถานีตำรวจ
๓. การดำเนินการตามหมายจับที่ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหา
๔. การดำเนินการเกี่ยวกับผู้ต้องหาสำคัญในคดียาเสพติด
๕. เป้าหมายในการดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติด
๖. แต่ละสถานีตำรวจรายงานผลการปฏิบัติ ปัญหาอุปสรรค ข้อขัดข้องและแนวทางแก้ไข
๗. ข้อสั่งการต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติและการดำเนินการอื่นๆ ของ ผบก.ภ.จว.น่านและผู้บังคับบัญชา

การประชุมช่วงเช้าเสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น.

ช่วงบ่ายตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.เป็นต้นไปได้จัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ซึ่งประกอบด้วย รอง ผกก.สืบสวน,สวป.,หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดและหัวหน้าจุดตรวจ ด่้านตรวจทุกแห่งในสังกัดขึ้น ณ ห้องประชุมหลวงนารถนรานุบาล โดยการประชุมช่วงบ่ายนี้มีสาระสำคัญเช่นเดียวกันกับการประชุมช่วงเช้าแต่้ได้เพิ่มเติมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ด่านตรวจอีกส่วนหนึ่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในการดำเนินการและปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว ผบก.ภ.จว.น่านยังได้บรรยายให้ความรู้แก่้พวกเราในกรอบหัวข้อดังปรากฏตามภาพด้านล่างนี้ด้วย

เสร็จสิ้นการประชุมและบรรยายให้ความรู้ช่วงบ่ายนี้เมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๓๐ น.

เฮฮากันหน่อย

ผมว่านะ ภาพขวามือน่ะคงจะเป็นภาพหลังจากทำกิจกรรม ๕ส แน่ๆ เลย เพราะทำซะโล่งออกอย่างนี้ สุดยอดเลย ฝีมือหน่วยงานไหนกันนะเนี่ย

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ร่วมตั้งจุดตรวจกับเจ้าหน้าที่ (๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.ผมร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.แม่จริมตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรตามโครงการ ๓๖๕ วันล้วนอันตรายของสถานีที่ถนนสายแม่จริม-น่าน

การตั้งจุดตรวจครั้งนี้พบว่าพี่น้องส่วนใหญ่ของเราเคารพและปฏิบัติตามกฏจราจรกันดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่หมวกนิรภัยขณะขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์,คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับรถยนต์ เป็นต้น ทำให้ไม่พบการกระทำผิดใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับพี่น้องที่อย่างน้อยที่สุดการเดินทาง การใช้รถใช้ถนนก็จะปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทาง

แต่ถึงแม้จะไม่พบการกระทำผิดกฎจราจรเกิดขึ้นก็ตามพวกเราก็ได้ใช้เวลาช่วงนี้ประชาสัมพันธ์และัขอความร่วมมือพี่น้องในการเผยแพร่บอกต่อเรื่องราวดีๆ ที่พวกเรานำไปให้แก่ญาติมิตรหรือคนรู้จักอีกส่วนหนึ่ง อาทิเช่น การขับรถให้ปลอดภัยควรทำอย่างไร จอดรถอย่างไรถึงจะไม่ถูกขโมย การให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูลเบาะแสที่พี่น้องพบเห็นแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น

พวกเราใช้เวลาในการตั้งจุดตรวจครั้งนี้ประมาณ ๒ ชั่วโมง


ปิืดท้ายด้วยภาพการทำงานบางช่วงบางตอนของตำรวจแม่จริมที่โรงพักครับ



ประชุมเจ้าหน้าที่สายตรวจมอบหมายภารกิจก่อนออกปฏิบัติหน้ิาที่ (๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้เวลา ๐๘.๐๐ ผมนำเจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.แม่จริมผลัดที่จะปฏิบัติหน้าที่ประจำวันนี้เคารพธงชาติ กล่าวคำปฏิญาณตนและอุดมคติตำรวจ ณ หน้าอาคารที่ทำการสถานี จากนั้นได้ชี้แจงและมอบหมายภารกิจก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ชี้แจงและมอบหมายภารกิจได้ตรวจสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในเรื่องเครื่องแต่งกาย,อาวุธปืนประจำกาย,อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายตรวจและยานพาหนะแล้วพบว่าทุกความมีความพร้อมเป็นอย่างดี สำหรับสายตรวจวันนี้ ร.ต.ต.ราเชนท์ คำแปงตัน รอง สว.(ป.) เป็นหัวหน้าชุด

ภารกิจที่ชี้่แจงและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทราบและนำไปปฏิบัติสรุปได้ดังนี้
๑. งานสายตรวจเป็นงานสำคัญยิ่งงานหนึ่งของตำรวจเราในการตรวจตราดูแลทุกข์สุขรวมถึงช่วยเหลือให้บริการพี่น้องประชาชน จึงขอให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ
๒. ช่วงนี้โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจตราและเยี่ยมเยียนสถานศึกษาที่ผ่านขณะออกตรวจด้วย ประการสำคัญก็คือช่วงเวลาใกล้โรงเรียนเลิกให้หมั่นดูแลเป็นพิเศษเพราะอาจจะมีการก่อเหตุของกลุ่มวัยรุ่นสร้างความเดือดร้อนขึ้นได้
. ขณะออกตรวจให้เพิ่มความสังเกตและตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะซึ่งมีลักษณะผิดปกติ เช่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดนานผิดสังเกต หรือพกพาอาวุธ หากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
การปฏิบัติต่อพี่น้องประชาชนให้เป็นไปด้วยความสุภาพ อ่อนน้อมและเป็นมิตรในลักษณะขอความร่วมมือไปเบื้องต้นก่อนเพื่อเป็นการสร้างมวลชนไปในตัว แต่หากการกระทำผิดเป็นความผิดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้งและพี่น้องประชาชนเดือดร้อนให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด
รายงานการปฏิบัติเข้าศูนย์วิทยุ สภ.แม่จริมทุกครั้งหรืออย่างน้อยทุกๆ ๓๐ นาที
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจผลัดนี้ให้บันทึกข้อมูลและผลการปฏิบัติตามแบบฟอร์มเก็บไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการสายตรวจเพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์หรือปรับแผนการตรวจให้เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป

เจ้าหน้าที่รับทราบ

วันนี้ที่ ภ.จว.น่าน (๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้ผมมาปฏิบัติหน้าที่งานอำนวยการที่ตำรวจภูธรจังหวัดน่านครับ ซึ่งสภาพโดยทั่วไปค่อนข้างจะเงียบเหงาะสักนิดเนื่องจากเจ้าหน้าที่ของเราที่นี่เกือบๆ จะครึ่งหนึ่งมีภารกิจเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดเชียงใหม่กรณีมีการประชุมผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกโดยเริ่มไปปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคมที่ผ่านมาจะเสร็จสิ้นวันนี้ช่วงเย็น อีกส่วนหนึ่งเดินทางไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพบิดา พ.ต.อ.สมพงษ์ สวนคร้ามดี รอง ผบก.ภ.จว.น่านที่จังหวัดลำปางทำให้เหลือคนอยู่ปฏิบัติหน้าที่ไม่มากแต่ทุกแผนกงานก็ต้องมีเจ้าหน้าที่เหลืออยู่ ๒-๓ คนเพื่อสะสางหรือทำงานในหน้าที่ความรับผิดชอบที่เข้ามา ตัวผมเองวันนี้ส่วนใหญ่จะทำงานที่ศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) เป็นหลัก สำหรับงานทั่วๆ ไปก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมาครับ
หลังจากเลิกงานที่ ภ.จว.น่านก็ขับรถกลับไปที่แม่จริมซึ่งผมพักที่นี่ วันนี้อากาศค่อนข้างครึ้มฟ้าครึ้มฝนสักหน่อยและระหว่างทางจากน่านพอเข้าเขตแม่จริมฝนตกลงมาก่อนหน้านั้นแล้วด้วยแต่ไม่มากนัก ค่อยยังชั่วหน่อย เย็นลงอีกนิด ไม่เหมือนวันอื่นๆ ที่ร้อนสุดๆ ไปถึงโรงพักก็ทักทายน้องๆ ตำรวจที่นี่ตามธรรมเนียม ตามประสาคนปากเป็น (คนช่างพูด) โม้มั่ง จริงมั่งเพื่อบรรยากาศแห่งความเป็นกันเองของตำรวจบ้านนอก

ที่โรงพักวันนี้งานไม่มีอะไรที่จะต้องทำมากนัก มีเพียงเอกสารเรื่องสองเรื่องที่น้องๆ ตำรวจเขาเรียบเรียงมาเรียบร้อย เราในฐานะหัวหน้างานแค่ตรวจดูความถูกต้องนิดหน่อยก็โอเค เซ็นผ่านได้เลย เสร็จแล้วก็๋ไปดูพืชผักสวนครัวของโรงพักที่พวกเราช่วยกันปลูกหรือทำไว้ซึ่งมีทั้งบ่อเลี้ยงปลาที่ตอนนี้ยังไม่มีปลา กะว่าจะรอหน้าฟ้าหน้าฝนก่อนถึงค่อยเอามาปล่อย อย่างอื่นก็นี่ครับในภาพที่ผมมาแสดง "โครงการปลูกกล้วยน้ำว้า" ของโรงพักแม่จริมเรา พวกเราปลูกไว้เยอะ ตอนนี้ออกผลแล้วทั้งตำรวจเราและเด็กๆ ลูกๆ หลานๆ ตำรวจเก็บกินกันอร่อยพุงกางไปเลย ดีไปอย่างครับ อิ่มท้อง ถูกหลักอนามัยรวมถึงไม่ต้องเสียสตางค์ด้วย พี่น้องท่านใดอยากกินกล้วยน้ำว้าเชิญที่โรงพักแม่จริมได้เลยนะครับ ช้าเดี๋ยวหมด

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สวัสดีวันหยุด (๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้วันเสาร์ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๖ ปีมะเส็ง รัตนโกสินทรศก ๒๓๒ ตรงกับวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๖ ปี วันหยุดสำหรับหลายๆ ท่าน แต่ก็ยังมีพี่น้องอีกมากที่ืยังคงทำงานกันอยู่ไม่มีวันหยุดกับเขาซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราด้วย มีปัญหาอะไรจะให้พวกเรารับใช้เชิญได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะครับ

วันนี้ผมก็ได้หยุดกับเขาด้วยหลังจากทำงานมา ๕ วันเต็มๆ สบายไปอีกแบบ ๑ นะผมว่า ได้ผ่อนคลาย ได้พักผ่อน รวมถึงได้ทำหน้าที่(อันมิอาจปฏิเสธได้)บางอย่างด้วยนั่นก็คือการเป็นพ่อบ้านที่ดีครับพี่น้อง กวาดบ้านเอย เช็ดบ้านเอย ถูบ้านเอย ล้างจาน ตัดหญ้าในสนามหน้าบ้าน ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเสร็จ แต่แม้ว่าจะใช้เวลานานสักหน่อยก็ถือว่าคุ้มค่าครับ คุ้มยังไง ก็...หูงี้โล่งไปเลย ฮ่ะๆๆๆ เงียบสนิท สบายใจไปเปลาะใหญ่ ฝากเรื่องนี้กับคุณผู้ชายทั้งหลายด้วย ถ้ามีเวลาว่างอย่าลืมทำหน้าที่สำคัญ (อันมิอาจปฏิเสธได้) ของท่านซะนะแล้วท่านจะ...โล่งหูเหมือนผม (ฮา)

เสร็จจากภารกิจสำคัญที่บ้านแล้วก็ใช้เวลาว่างๆ เปิดคอมดูนั่ืนดูนี่ ทำนั่นทำนี่ เอ้อ ได้อะไรหลายอย่างเหมือนกัน ได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง รวมถึงได้ความรู้ด้วย เดี๋ยวนี้สบายเนาะไม่ต้องออกไปไหนก็ได้ อยู่กับบ้านเราก็รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวทั่้วโลกผ่านจอสี่เหลี่ยมในบ้านที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ซึ่งรวมไปถึงจากโทรศัพท์มือถืออันเล็กๆ ด้วย เยี่ยมจริงๆ

พูดถึงเรื่องนี้งานหนึ่้งที่ถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญของผมซะแล้วก็คือนำข่าวคราวความเคลื่อนไหวต่่างๆ ที่พี่น้องตำรวจน่านเขาส่งเข้ากลุ่ม Line ออกเผยแพร่ใน Facebook ของตำรวจน่าน https://www.facebook.com/nan.police5 เพื่อให้พี่น้องรับรู้รับทราบกันอีกทอดหนึ่ง การนำเผยแพร่ก็ไม่ยาก ส่วนใหญ่ผมจะใช้มือถือของผมนั่นแหละที่ไม่ว่าจุดนั้นจะเป็นอย่างไร อยู่ไหน เพียงขอให้มีสัญญาณโทรศัพท์เป็นใช้ได้ แ้ล้วก็แทบจะไม่มีจุดไหนซะด้วยที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยทำให้สามารถนำข้อมูลดีๆ ออกเผยแพร่ได้ทุกที่ทุกแห่ง วันนี้ก็มีหลายเรื่อง (เพราะพี่น้องตำรวจน่านเขาส่งมาหลายเรื่อง) เขาส่งเข้ามาผมก็เผยแพร่ต่อจนเ้ป็นเรื่องปกติของผมไปเลยก็ว่าได้

ฝากพี่น้องไว้นะครับอยากรู้ว่าตำรวจน่านของเรามีกิจกรรมดีๆ มีความเคลื่อนไหวอย่างไรติดตามได้ทาง Facebook ของเรา https://www.facebook.com/nan.police5

ขอบคุณครับ

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ละครสั้นเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ๗ ขั้นตอน (๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันนี้หลังจากเสร็จงานประจำบนโต๊ะทำงานแล้วก็เปิดคอมดูอะไรต่อมิอะไรต่อเผื่อว่าจะุมีอะไรๆ ที่พอจะนำไปใช้ในงานอะไรๆ ได้บ้าง โอ้โฮ สุดยอดเลยครับ พอผมเปิดเข้าไปในเว็บไซต์กองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจเจออะไรที่ต้องการพอดีนั่นก็คือเรื่องราวการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ตำรวจทุกคนจะต้องรู้ จะต้องนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป
เรื่องที่ว่านี้ (๗ ขั้นตอนการมีส่วนร่วมของประชาชนฯ) นั้นผมรวมถึงตำรวจคนอื่้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานด้านชุมชนสัมพันธ์ด้วยแล้วเคยศึกษา เคยได้รับการอบรมและนำไปปฏิบัติอยู่ก่อนแต่ก็เป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำำตามสภาพพื้นที่ของชุมชนหรือความคิดของแต่ละคน แต่พอมาเปิดดูในเว็บนี้แล้ว เอ้อ เข้าท่าแฮะ เพราะเขาทำเป็นละครสั้นๆ มีการผูกเรื่องผูกราวไว้เป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญก็คือเชิญนักแสดงที่พวกเรารู้จักกันดีมาร่วมแสดงด้วยนั่นก็คือคุณรอง เค้ามูลคดี ทำให้เข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติได้ดียิ่งขึ้น จึงขออนุญาตนำเรื่องราวนั้นมาบันทึกไว้ในบล็อกวันนี้ รวมถึงขอขอบคุณกองแผนอาชญากรรมเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้

สำหรับละครสั้น ๗ ขั้นตอนนี้เป็นอย่างไรคลิกดูที่ LINK ด้านล่างนะครับ

* ขั้นตอนที่ ๑ : การค้ินหาแกนนนำ
* ขั้นตอนที่ ๒ : การจุดประักายความคิด
* ขั้นตอนที่ ๓ : การศึกษาพื้นฐานชุมชน
* ขั้นตอนที่ ๔ : การสนทนาและวิเคราะห์ปัญหา
* ขั้นตอนที่ ๕ : การตัดสินใจและกำหนดโครงการ
* ขั้นตอนที่ ๖ : การนำกิจกรรมไปสู่การปฏิบัติ
* ขั้นตอนที่ ๗ : การติดตามประเมินผล
* สัมภาษณ์รอง เค้ามูลคดี
ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เข้าร่วมประชุมสัมมนาการปฏิบัติราชการด้านความมั่นคงของประเทศ (๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.เป็นต้นไปผมเข้าร่วมประชุมสัมมนาการปฏิบัติราชการด้านความมั่นคงของประเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่อิมแพคเมืองทองธานี กรุงเทพมหานคร โดยการประชุมสัมมนาครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธาน ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยนายตำรวจระดับผู้บัญชาการและหัวหน้าสถานีตำรวจทุกแห่งทั่้วประเทศรวมประมาณ ๑,๘๐๐ คน

การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

ผบ.ตร.
๑) ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นภัยคุกคามชาติ จำนวนผู้เสพยาทั่วประเทศประมาณ ๑.๒ ล้านคน ชนกลุ่มน้อยต่างๆ รอบประเทศอีก ๗ แสนคน ราคายาเสพติดยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งที่การกดดันจับกุมมากขึ้น ต้องตั้งคำถามและพยายามปราบปรามให้ได้
    
๒) ยุคนี้โลกาภิวัตน์ทำงานยาก ยุคไอทีไร้พรมแดน ยุคข้อมูลข่าวสาร ยุคของสิทธิมนุษยชน ข่าวสาร การตรวจสอบ หากตำรวจไม่เท่าทันจะตกเป็นเหยื่อ ทุกวันนี้ข่าวสารในโลกถึงกัน การแฮกระบบคอมพิวเตอร์ เป็นไซเบอร์ไครม์ อาชญากรรมไอทีซึ่งเป็นภัยคุกคาม ทุกวันนี่จราจรทำหน้าที่ไม่เหมาะก็ถูกถ่ายคลิปแพร่ในโลกออนไลน์ จากสถานการณ์นี้ผู้นำหน่วยตำรวจต้องรู้ มีข้อมูลในการขับเคลื่อน จะโตแบบไร้ทิศทางไม่มีประสบการณ์ไม่ได้แล้ว เหตุระเบิดบอสตัน สหรัฐอเมริกา เราได้เห็นการบริการวิกฤต ใช้เวลา ๗ วันในการสืบสวนจับกุมได้รับคำชมจากประชาชน ตรงนี้ตำรวจไทยต้องเอาอย่าง
    
๓) สำหรับผู้นำหน่วย หัวหน้าสถานีกว่า ๑,๕๐๐สถานีทั่วประเทศท่านได้เน้นย้ำข้อเน้นหนักปี ๒๕๕๖ ซึ่งประกอบด้วย


๓.๑ เรื่องการปกป้องเทิดทูนสถาบันฯ
๓.๒ การปราบปรามยาเสพติด 

๓.๓ การปราบปรามอาชญากรรม 
๓.๔ การพัฒนาโรงพักให้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านให้ได้ 
๓.๕ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง 
๓.๖ ประชาชนต้องเชื่อถือศรัทธา 
๓.๗ เน้นการพัฒนาความรู้ความคิดบุคคลากรในหน่วย 
๓.๘ ผู้บังคับบัญชาอย่าทิ้งลูกน้อง 
๓.๙ ต้องมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ 
๓.๑๐ เน้นภาวะผู้นำหน่วยซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเคลื่อนนโยบาย 
๓.๑๑ ย้ำว่าไร้ไพร่พลเลว มีแต่แม่ทัพนายกองเลว
    
ในการขับเคลื่อนหน่วยจะเกิดขึ้นได้ความเป็นผู้นำหน่วยนั้นสำคัญ มีเป้าหมายในการทำงาน ลดยาเสพติดได้อย่างไร เป้าหมายดำเนินการรายย่อย ยึดทรัพย์ ต้องทำงานเป็นทีม พูดคุยในหน่วยอย่างเป็นเอกภาพ ต้องสามารถพูดให้ลูกน้องทำงาน ศิลปะในการพูด อำนาจนั้นไม่ยั่งยืนแต่ความเชื่อถือมั่นใจในผู้นำมีพลังสำคัญมาก ปลุกเร้าสร้างพลังผู้ใต้บังคับบัญชา พฤติรรรมของผู้นำมีผลต่อกำลังพล ผู้บังคับหน่วยต้องเสียสละให้ ต้องมีข้อมูลและเกาะติด