“ลุงดาบครับ” ผู้ต้องหาเยาวชนอายุ ๑๖ นิดๆ พูดกับผมช่วงไปตรวจห้องควบคุมที่โรงพักเวลา ๓ ทุ่มกว่าๆ
“มีอะไรเหรอหนุ่มน้อย” ผมถาม
“ผมอยากได้ยินนิทานก่อนนอนจากปากลุงดาบครับ” เขาตอบ “แบบว่าจะได้นอนหลับสบายๆ น่ะ”
“หา...อะไรกัน นิทานก่อนนอน...” ผมอุทานเสียงดัง
“ขอบคุณครับลุงดาบ” หนุ่มน้อยพูดสวนในขณะที่ผมยังพูดไม่จบประโยคที่คิดไว้ “คืนนี้ผมคงหลับสบายแน่ๆ เลยเพราะได้ยินลุงดาบพูดคำว่า “นิทานก่อนนอน” แล้ว ๕๕๕ บ๊ายบาย ราตรีสวัสดิ์นะครับลุงดาบพจน์สุดหล่อ”
เพิ่มเติม : วันนี้หลังจากเสร็จภารกิจที่โรงพักแม่จริมแล้วผมเดินทางกลับบ้านที่อำเภอเมืองพะเยาโดยถึงเวลาช่วงเย็นๆ ครับ
วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ความไม่ยุติธรรมของระบบยุติธรรม? : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
ความไม่ยุติธรรมแผ่ซ่านในความรู้สึกของผู้คนในสังคมไทยปัจจุบัน
การรับรู้ว่าตนเองหรือกลุ่มตนได้รับความยุติธรรมหรือไม่ได้รับความยุติธรรมจะส่งผลต่อความรู้สึกที่มีต่อประเด็นนั้นหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นๆ
ด้วยเสมอ หากรับรู้ถึงความยุติธรรมก็จะมีอารมณ์ความรู้สึกในทิศทางเชิงบวก
แต่หากรับรู้ถึงความไม่ยุติธรรมก็จะเกิดความรู้สึกในทิศทางเชิงลบ
อาจเริ่มจากไม่พึงพอใจ โกรธ ไปจนถึงความเกลียดชัง
โดยที่มิอาจมั่นใจได้ว่ายุติธรรมมีความหมายเพียงหนึ่งเดียวที่ทุกคนจะเห็นพ้องต้องกัน !
บ่อยครั้งที่ในเรื่องเดียวกันกลุ่มหนึ่งอาจมองและให้ความหมายว่ายุติธรรม ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งอาจให้ความหมายว่าไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกับความดี ความเลว ความซื่อสัตย์สุจริต ? จนเกิดข้อสงสัยหรือตั้งคำถามมากมาย เช่น ตกลงว่าการคอร์รัปชั่นในกลุ่มนักการเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือเป็นสิ่งไม่ดี ? การซื้อขายตำแหน่งหน้าที่การงานในกลุ่มข้าราชการต่างๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือเป็นสิ่งที่ไม่ดี ? เพราะถ้าตอบว่าไม่ดีแล้วทำไมคนจำนวนไม่น้อยจึงยังกระทำอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบหรือระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกันไปก็ตาม ยกตัวอย่างเช่นการฝากลูกเข้าโรงเรียนมีความเลวร้ายที่แตกต่างอย่างไรกับการฝากตำรวจที่ดูแลติดตามนักการเมืองเข้าเรียนหลักสูตรผู้กำกับ การจ่ายเงินสนับสนุนให้โรงเรียน ๑ แสนบาทหรือมากกว่านั้นเพื่อให้ลูกได้เข้าเรียนชั้น ป.๑ ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของรัฐแตกต่างอย่างไรกับการจ่ายเงิน ๑๐๐ บาทให้แก่ตำรวจจราจรหรือเจ้าหน้าที่ขนส่งที่ตรวจพบการกระทำผิดกฎหมายจราจรหรือผิด พ.ร.บ.ขนส่ง
การสร้างถนนที่แพงเกินจริง (และชำรุดอย่างรวดเร็วอย่างชัดเจนในเวลาต่อมา) ของหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบถนนในแต่ละส่วน เช่น กระทรวงคมนาคม การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น มีความแตกต่างอย่างไรกับการสร้างสถานีตำรวจไม่เสร็จจนกลายเป็นสถานีตำรวจร้างทั่วประเทศ
การละเลย ขาดงาน ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพของข้าราชการต่างๆ แตกต่างอย่างไรกับการใส่เกียร์ว่างของตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลบางกลุ่มบางพวก ตัวอย่างที่ทดลองยกขึ้นมาเปรียบเทียบนั้นเพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าการกระทำในสิ่งที่สังคม (ในอดีต?) บอกว่าไม่ดีนั้นได้เกิดขึ้นอย่างแผ่ซ่านมากมายในปัจจุบัน มากจนทำให้คนในสังคมคุ้นชินและยอมรับโดยนัยว่าเป็นเรื่องปกติ ?
หากแต่มีข้อสังเกตว่าในบรรดาหน่วยงานภาครัฐนั้นองค์กรที่ได้รับการตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวในทำนองเช่นนี้มากที่สุดคือองค์กรตำรวจ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหตุใด ?
ใช่หรือไม่ว่าบุคลากรตำรวจบางกลุ่มบางคนประพฤติปฏิบัติเช่นนั้น ? แล้วทำไมพวกเขาเหล่านี้จึงประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ ?
ใช่หรือไม่ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความโลภที่อยู่ในตัวตำรวจแต่ละคน ? ตำรวจทุกคนที่ปฏิบัติเช่นนี้เพราะมีความโลภ ? ขาดสติ ขาดจริยธรรมของการปฏิบัติตนที่ดีแต่เพียงเท่านั้นหรือ ? มีสาเหตุมากกว่าเหตุที่มาจากปัจจัยส่วนบุคคลหรือไม่ ?
ใช่หรือไม่ว่าระบบสังคมวัฒนธรรมไทยที่หล่อหลอมองค์กรตำรวจอยู่มีผลต่อการปฏิบัติตัวที่นอกรีตของตำรวจเหล่านั้น? “สงสารเด็กมันเถอะ มันทำครั้งแรก มันก็เป็นเด็กในชุมชนเรา แค่ไม่ใส่หมวกกันน็อกไม่ใช่ความผิดร้ายแรงขอสักครั้งแล้วกันนะ” คือสิ่งที่คนในสังคมนิยมทำกันใช่หรือไม่ ?
ใช่หรือไม่ว่าระบบการบริหารงานขององค์กรตำรวจเองก็มีผลกระทบให้ตำรวจต้องแสดงพฤติกรรมที่กลายเป็นตราประทับเชิงลบกับตำรวจทั้งประเทศ ดังตัวอย่างคำพูดที่กลายเป็นประโยคที่คุ้นชินว่า "ตำรวจรับส่วย” (แต่ไม่มีใครคุ้นชินว่าอาจารย์รับส่วย ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องราวทำนองนี้ให้พูดถึงในทุกห้วงเวลาการสอบแข่งขันเข้าเรียนก็ตาม)
ระบบการบริหารงานที่มุ่งเน้นผลสำเร็จของงานโดยมีเงื่อนไขว่าอย่ามาอ้างว่ามีทรัพยากรที่จำกัดทั้งๆ ที่ใครๆ ก็รู้โดยทั่วกันว่าการมีทรัพยากรที่จำกัดอย่างมากนั้นย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพของงานอย่างแน่นอน แต่สำหรับในโลกของตำรวจแล้วนั้นวิถีการทำงานและคำพูดของผู้บังคับบัญชาเช่นนี้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คุ้นชินจนเกิดเป็นวัฒนธรรมที่นิยมใช้คำแทนว่า "สั่งแห้ง” หมายถึงการสั่งงานที่ต้องการผลงานที่ดีเลิศแต่ไม่มีงบประมาณให้
โดยที่มิอาจมั่นใจได้ว่ายุติธรรมมีความหมายเพียงหนึ่งเดียวที่ทุกคนจะเห็นพ้องต้องกัน !
บ่อยครั้งที่ในเรื่องเดียวกันกลุ่มหนึ่งอาจมองและให้ความหมายว่ายุติธรรม ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งอาจให้ความหมายว่าไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกับความดี ความเลว ความซื่อสัตย์สุจริต ? จนเกิดข้อสงสัยหรือตั้งคำถามมากมาย เช่น ตกลงว่าการคอร์รัปชั่นในกลุ่มนักการเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือเป็นสิ่งไม่ดี ? การซื้อขายตำแหน่งหน้าที่การงานในกลุ่มข้าราชการต่างๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือเป็นสิ่งที่ไม่ดี ? เพราะถ้าตอบว่าไม่ดีแล้วทำไมคนจำนวนไม่น้อยจึงยังกระทำอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบหรือระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกันไปก็ตาม ยกตัวอย่างเช่นการฝากลูกเข้าโรงเรียนมีความเลวร้ายที่แตกต่างอย่างไรกับการฝากตำรวจที่ดูแลติดตามนักการเมืองเข้าเรียนหลักสูตรผู้กำกับ การจ่ายเงินสนับสนุนให้โรงเรียน ๑ แสนบาทหรือมากกว่านั้นเพื่อให้ลูกได้เข้าเรียนชั้น ป.๑ ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของรัฐแตกต่างอย่างไรกับการจ่ายเงิน ๑๐๐ บาทให้แก่ตำรวจจราจรหรือเจ้าหน้าที่ขนส่งที่ตรวจพบการกระทำผิดกฎหมายจราจรหรือผิด พ.ร.บ.ขนส่ง
การสร้างถนนที่แพงเกินจริง (และชำรุดอย่างรวดเร็วอย่างชัดเจนในเวลาต่อมา) ของหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบถนนในแต่ละส่วน เช่น กระทรวงคมนาคม การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น มีความแตกต่างอย่างไรกับการสร้างสถานีตำรวจไม่เสร็จจนกลายเป็นสถานีตำรวจร้างทั่วประเทศ
การละเลย ขาดงาน ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพของข้าราชการต่างๆ แตกต่างอย่างไรกับการใส่เกียร์ว่างของตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลบางกลุ่มบางพวก ตัวอย่างที่ทดลองยกขึ้นมาเปรียบเทียบนั้นเพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าการกระทำในสิ่งที่สังคม (ในอดีต?) บอกว่าไม่ดีนั้นได้เกิดขึ้นอย่างแผ่ซ่านมากมายในปัจจุบัน มากจนทำให้คนในสังคมคุ้นชินและยอมรับโดยนัยว่าเป็นเรื่องปกติ ?
หากแต่มีข้อสังเกตว่าในบรรดาหน่วยงานภาครัฐนั้นองค์กรที่ได้รับการตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวในทำนองเช่นนี้มากที่สุดคือองค์กรตำรวจ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหตุใด ?
ใช่หรือไม่ว่าบุคลากรตำรวจบางกลุ่มบางคนประพฤติปฏิบัติเช่นนั้น ? แล้วทำไมพวกเขาเหล่านี้จึงประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ ?
ใช่หรือไม่ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความโลภที่อยู่ในตัวตำรวจแต่ละคน ? ตำรวจทุกคนที่ปฏิบัติเช่นนี้เพราะมีความโลภ ? ขาดสติ ขาดจริยธรรมของการปฏิบัติตนที่ดีแต่เพียงเท่านั้นหรือ ? มีสาเหตุมากกว่าเหตุที่มาจากปัจจัยส่วนบุคคลหรือไม่ ?
ใช่หรือไม่ว่าระบบสังคมวัฒนธรรมไทยที่หล่อหลอมองค์กรตำรวจอยู่มีผลต่อการปฏิบัติตัวที่นอกรีตของตำรวจเหล่านั้น? “สงสารเด็กมันเถอะ มันทำครั้งแรก มันก็เป็นเด็กในชุมชนเรา แค่ไม่ใส่หมวกกันน็อกไม่ใช่ความผิดร้ายแรงขอสักครั้งแล้วกันนะ” คือสิ่งที่คนในสังคมนิยมทำกันใช่หรือไม่ ?
ใช่หรือไม่ว่าระบบการบริหารงานขององค์กรตำรวจเองก็มีผลกระทบให้ตำรวจต้องแสดงพฤติกรรมที่กลายเป็นตราประทับเชิงลบกับตำรวจทั้งประเทศ ดังตัวอย่างคำพูดที่กลายเป็นประโยคที่คุ้นชินว่า "ตำรวจรับส่วย” (แต่ไม่มีใครคุ้นชินว่าอาจารย์รับส่วย ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องราวทำนองนี้ให้พูดถึงในทุกห้วงเวลาการสอบแข่งขันเข้าเรียนก็ตาม)
ระบบการบริหารงานที่มุ่งเน้นผลสำเร็จของงานโดยมีเงื่อนไขว่าอย่ามาอ้างว่ามีทรัพยากรที่จำกัดทั้งๆ ที่ใครๆ ก็รู้โดยทั่วกันว่าการมีทรัพยากรที่จำกัดอย่างมากนั้นย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพของงานอย่างแน่นอน แต่สำหรับในโลกของตำรวจแล้วนั้นวิถีการทำงานและคำพูดของผู้บังคับบัญชาเช่นนี้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คุ้นชินจนเกิดเป็นวัฒนธรรมที่นิยมใช้คำแทนว่า "สั่งแห้ง” หมายถึงการสั่งงานที่ต้องการผลงานที่ดีเลิศแต่ไม่มีงบประมาณให้
เมื่อเป็นเช่นนี้ตำรวจผู้ปฏิบัติจะหางบประมาณมาจากไหน ?
“อย่ามากล่าวอ้างว่าไม่มีงบประมาณแล้วต้องคอร์รัปชั่น ก็ขอจากท้องถิ่นสิ โรงพยาบาลต่างๆ เขาก็ของบประมาณจากท้องถิ่นทั้งนั้น” นักวิชาการแสดงความเห็นลองไตร่ตรองครุ่นคิดให้ดีเถิดว่าธรรมชาติของงานตำรวจในบริบททางสังคมวัฒนธรรมไทยนั้นตำรวจควรเดินเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์ผ่านการขอรับงบประมาณสนับสนุนจากท้องถิ่นหรือไม่ ? ถ้าสามารถทำได้ในฐานะที่ตำรวจก็เป็นหนึ่งในสายธารแห่งกระบวนยุติธรรมเช่นเดียวกันกับอัยการและศาล นั่นย่อมหมายความว่า ตำรวจ อัยการ และศาลสมควรที่จะมีวิธีการได้มาซึ่งงบประมาณในการทำงานเช่นเดียวกันใช่หรือไม่ ?
ถ้าหากองคาพยพของกระบวนการยุติธรรมไทยตกอยู่ในห้วงการอุปถัมภ์ของท้องถิ่น ? อะไรจะเกิดขึ้น ? การคิดวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามต้องวางอยู่บนบริบทของสังคมวัฒนธรรมไทย อย่าได้ริอ่านนำสังคมอเมริกัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน ออสเตรเลียมาใช้ตอบคำถามแบบนักวิชาการที่เห็นโลกเพียงสีขาวสวยงาม เพราะในความเป็นจริงแล้วโลกเรามีทั้งสีขาว สีเทา และสีดำ
การเลือกปฏิบัติเป็นวิถีทางหนึ่งของความไม่ยุติธรรมใช่หรือไม่ ?
เป็นไปได้หรือไม่ว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมไม่ควรที่จะทำหน้าที่ในการสร้างและธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมก็ในเมื่อตัวเขาเองยังไม่ได้รับความยุติธรรมเลยเขาจะอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักในลาภผลได้นานสักเพียงใด ?
ก่อนที่ก่นด่าและเพ่งโทษ อย่าลืมคิดวิเคราะห์อย่าง คม ชัด ลึก !!
โรงพักเฮฮา : ตอน "ไปงานศพเด็ก" (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
พี่น้องรู้ไหมครับว่านายตำรวจนา ยทหารเราส่วนหนึ่งนั้น (เน้นคำว่าส่วนหนึ่งนะครับ) เวลาที่เขาพูดกันถึงผู้ใต้บังคั บบัญชาระดับชั้นประทวน (ผู้มียศ ด.ต.ลงมา) เขาใช้คำแทนผู้ที่พูดถึงว่าอย่า งไร
"พี่แต่งชุดดำจะไปไหนครับ" ร.ต.ต.หนุ่มอายุ ๒๐ เศษถาม ผกก.ยศ พ.ต.อ.ซึ่งอายุไม่ถึง ๔๐
"จะไปงานศพเด็กซะหน่อยน่ะน้อง" ผกก.ตอบ
"โอ้ว เป็นเด็กเป็นเล็กไม่น่าอายุสั้น เลย" ผู้หมวดรำพึงรำพัน "เอ้อ ขอโทษครับเด็กที่ไหนครับพี่ที่ว่าตายน่ะ"
"อ๋อ ดาบตำรวจ..ที่อยู่โรงพัก..น่ะ" ผกก.เฉลย "แหม อีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณแล้วไม่น่ามาด่วนจากไปเล้ยยยเด็กคนนี้ "
(แบบนี้ก็เด็กครับ (ฮา) ... ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
"พี่แต่งชุดดำจะไปไหนครับ" ร.ต.ต.หนุ่มอายุ ๒๐ เศษถาม ผกก.ยศ พ.ต.อ.ซึ่งอายุไม่ถึง ๔๐
"จะไปงานศพเด็กซะหน่อยน่ะน้อง" ผกก.ตอบ
"โอ้ว เป็นเด็กเป็นเล็กไม่น่าอายุสั้น
"อ๋อ ดาบตำรวจ..ที่อยู่โรงพัก..น่ะ" ผกก.เฉลย "แหม อีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณแล้วไม่น่ามาด่วนจากไปเล้ยยยเด็กคนนี้
(แบบนี้ก็เด็กครับ (ฮา) ... ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ร่วมประชุม Video conference / กิจกรรมอื่นๆ ในรอบวัน (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น.ผมเข้าร่วมประชุม Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกหน่วยงานตำรวจที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมวันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธาน
การประชุมเริ่มต้นจากหน่วยงานระดับกองบัญชาการต่างๆ รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบวันที่ผ่านมาให้ที่ประชุมรับทราบเสร็จแล้วประธานกล่าวสรุปและแจ้งข้อสั่งการต่างๆ ที่จะดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยเสร็จสิ้นการประชุมในส่วนนี้เมื่อเวลา ๐๙.๒๗ น.
ต่อจากนั้นเป็นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ โดย พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.๕ เป็นประธาน
การประชุมในส่วนนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลา ๐๙.๓๗ น.
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ แล้วเป็นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดน่านโดย พ.ต.อ.นพดล กรึงไกร รอง ผบก.ภ.จว.น่านเป็นประธาน
การประชุมวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๕๐ น.
เวลา ๐๘.๐๐ น.เจ้าหน้าที่เวรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำวันนี้เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาตามระเบียบปฏิบัติประจำวัน
วันนี้ที่ สภ.แม่จริมยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเราอยู่ปฏิบัติหน้าที่ ๑๓ คนเหมือนเดิมครับเพราะเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่กรุงเทพมหานครซึ่งขอนำภาพบางส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราที่ว่านั้นมาเสนอด้านล่างนี้
ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจโยธินพัฒนาระหว่างเวลา ๐๓.๐๐-๐๖.๐๐ น.
จุดเดียวกันระหว่างเวลา ๒๑.๐๐-๒๔.๐๐ น.
เวลา ๑๔.๐๐ น. พ.ต.อ.ธนกฤต ภูมมินทร์ ผกก.สภ.แม่จริมพร้อมคณะตรวจเยี่ยมสถานีวิทยุสหกรณ์การเกษตรแม่จริม จำกัด โดยเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ฯให้การต้อนรับ
เวลา ๐๘.๐๐ น.เจ้าหน้าที่เวรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำวันนี้เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาตามระเบียบปฏิบัติประจำวัน
วันนี้ที่ สภ.แม่จริมยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเราอยู่ปฏิบัติหน้าที่ ๑๓ คนเหมือนเดิมครับเพราะเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่กรุงเทพมหานครซึ่งขอนำภาพบางส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราที่ว่านั้นมาเสนอด้านล่างนี้
ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจโยธินพัฒนาระหว่างเวลา ๐๓.๐๐-๐๖.๐๐ น.
จุดเดียวกันระหว่างเวลา ๒๑.๐๐-๒๔.๐๐ น.
เวลา ๑๔.๐๐ น. พ.ต.อ.ธนกฤต ภูมมินทร์ ผกก.สภ.แม่จริมพร้อมคณะตรวจเยี่ยมสถานีวิทยุสหกรณ์การเกษตรแม่จริม จำกัด โดยเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ฯให้การต้อนรับ
วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
คืนนี้ที่แม่จริม (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
คืนนี้อยู่โรงพักแม่จริมเหมือนเดิมครับ สบายๆ รวมทั้งเป็นกำลังคอยเหตุให้เจ้าหน้าที่เขาด้วยหากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นเพราะตำรวจที่นี่ส่วนใหญ่ไปทำงานที่ กทม.เกือบหมดโรงพักเหลือเพียงแค่ ๑๓ คน
ร่วมกิจกรรมเยาวชนกับกีฬาต้านภัยยาเสพติด (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๖.๔๕ น.เป็นต้นไปผมเดินทางไปร่วมกิจกรรมเยาวชนกับกีฬาต้านภัยยาเสพติด ณ สนามกีฬาอำเภอแม่จริม ตำบลหนองแดงตามโครงการเยาวชนสัมพันธ์ของ สภ.แม่จริม
โครงการนี้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของเราเข้าร่วมกิจกรรมกับเยาวชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เยาวชนเหล่านั้นมีชีวิตที่สดใส ห่างไกลยาเสพติดและปัญหาการกระทำผิดทั้งมวลรวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่เด็กๆ หรือเยาวชนจะสามารถกระทำได้ เช่น การเคารพกฎหมาย การไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือจับกลุ่มรวมตัวในอันที่จะสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น เป็นต้น
เรื่องการเล่นกีฬานี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เด็กๆ หรือเยาวชนแม่จริมโดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิลำเนาในเขตเทศบาลตำบลหนองแดงมักจะใช้เวลาว่างหลังจากเลิกเรียนมารวมตัวกันซ้อมหรือเล่นกีฬาตามประเภทและชนิดที่ตนถนัดที่สนามกีฬาแห่งนี้เป็นประจำ พวกเราจึงได่้ถือโอกาสนี้เข้าร่วมเล่นหรือทำกิจกรรมกับเด็กๆ ด้วย ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกสิ่งอันละพันพันละน้อยเท่าที่พอจะทำได้ควบคู่ไปด้วย เช่น อย่าไปคบเพื่อนฝูงที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่หันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิด ตั้งใจเรียนหนังสือ เป็นเด็กดีของพ่อแม่ผู้ปกครองและสังคมอะไรประมาณนี้นี่แหละครับ การพูดคุยก็ใช้ภาษาง่ายๆ คล้ายเพื่อนรุ่นเดียวกันนั่นแหละ ซึ่งสำหรับผมค่อนข้างจะได้เปรียบอยู่ตรงที่ผมรู้จักกับเด็กๆ พวกนี้มาก่่อนทุกคนอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
อนึ่ง สำหรับโครงการเยาวชนสัมพันธ์ของ สภ.แม่จริมที่พูดถึงนั้นมีวัตถุประสงค์ดังนี้
โครงการนี้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของเราเข้าร่วมกิจกรรมกับเยาวชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เยาวชนเหล่านั้นมีชีวิตที่สดใส ห่างไกลยาเสพติดและปัญหาการกระทำผิดทั้งมวลรวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่เด็กๆ หรือเยาวชนจะสามารถกระทำได้ เช่น การเคารพกฎหมาย การไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือจับกลุ่มรวมตัวในอันที่จะสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น เป็นต้น
เรื่องการเล่นกีฬานี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เด็กๆ หรือเยาวชนแม่จริมโดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิลำเนาในเขตเทศบาลตำบลหนองแดงมักจะใช้เวลาว่างหลังจากเลิกเรียนมารวมตัวกันซ้อมหรือเล่นกีฬาตามประเภทและชนิดที่ตนถนัดที่สนามกีฬาแห่งนี้เป็นประจำ พวกเราจึงได่้ถือโอกาสนี้เข้าร่วมเล่นหรือทำกิจกรรมกับเด็กๆ ด้วย ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกสิ่งอันละพันพันละน้อยเท่าที่พอจะทำได้ควบคู่ไปด้วย เช่น อย่าไปคบเพื่อนฝูงที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่หันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิด ตั้งใจเรียนหนังสือ เป็นเด็กดีของพ่อแม่ผู้ปกครองและสังคมอะไรประมาณนี้นี่แหละครับ การพูดคุยก็ใช้ภาษาง่ายๆ คล้ายเพื่อนรุ่นเดียวกันนั่นแหละ ซึ่งสำหรับผมค่อนข้างจะได้เปรียบอยู่ตรงที่ผมรู้จักกับเด็กๆ พวกนี้มาก่่อนทุกคนอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
อนึ่ง สำหรับโครงการเยาวชนสัมพันธ์ของ สภ.แม่จริมที่พูดถึงนั้นมีวัตถุประสงค์ดังนี้
๑. เพื่อให้เด็กและเยาวชนเป็นพลเมืองดี
มีทัศนคติที่ถูกต้อง ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และการปกครองระบอบประชาธิปไตย
๒. เพื่อให้เด็กและเยาวชนห่างไกลจากยาเสพติด
ไม่เสพ ไม่ขาย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
๓. เพื่อให้เด็กและเยาวชนเคารพกฎหมาย
และเป็นพลเมืองดีของสังคม
๔. เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความสามัคคี รวมกลุ่มเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม รู้จักการเสียสละเพื่อบำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ
๔. เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความสามัคคี รวมกลุ่มเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม รู้จักการเสียสละเพื่อบำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ
๕. เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ
ภาคเอกชน ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาของสังคมสวนรวม
๖. เพื่อขยายงานชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ของสถานตำรวจ
ผมอยู่ร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ จนถึงเวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น.จึงเดินทางกลับ << ภาพทั้งหมด >>
พบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดแม่จริม (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้เวลาประมาณ ๑๔.๒๐ น.ผมออกเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดแม่จริมตามนโยบายปรับทุกข์ผูกมิตรของ สภ.
โครงการ "ปรับทุกข์ผูกมิตร" นั้นได้ดำเนินการตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาตลอดเสมอมาซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญในการสร้างหรือผูกมิตรไมตรีระหว่างพี่น้องประชาชนกับตำรวจเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยออกไปเยี่ยมไปเยียนญาติพี่น้องของเราพร้อมทั้งนำความรู้ความเข้าใจที่พี่น้องประชาชนสมควรจะได้รับรู้รับทราบเพื่อป้องกันตนเองจากปัญหาอาชญากรรม,ยาเสพติดให้โทษ รวมถึงการแจ้งเบาะแสข่าวสารข้อมูลที่พี่น้องทราบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากพบปะพูดคุยกันฉันท์มิตรหรือญาติสนิทแล้วยังได้ใช้โอกาสนี้ให้คำแนะนำความรู้เบื้องต้นที่น่าจะเกิดประโยชน์แก่พี่น้องอีกส่วนหนึ่งด้วยดังนี้
๑. การสังเกตจดจำตำหนิรูปพรรณของคนร้าย
๒. คำแนะนำในการไปติดต่อราชการที่สถานีตำรวจ
๓. การแจ้งความในกรณีต่างๆ พร้อมหลักฐานที่น้องควรจะนำไปประกอบ
๔. การแจ้งข้อมูลเบาะแสของคนร้ายหรืิอเหตุต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่รับทราบ
เป็นต้น
ผมใช้เวลาพบปะพี่น้องครั้งนี้จนถึงเวลาประมาณ ๑๒.๕๕ น.จึงเดินทางกลับ
โครงการ "ปรับทุกข์ผูกมิตร" นั้นได้ดำเนินการตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาตลอดเสมอมาซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญในการสร้างหรือผูกมิตรไมตรีระหว่างพี่น้องประชาชนกับตำรวจเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยออกไปเยี่ยมไปเยียนญาติพี่น้องของเราพร้อมทั้งนำความรู้ความเข้าใจที่พี่น้องประชาชนสมควรจะได้รับรู้รับทราบเพื่อป้องกันตนเองจากปัญหาอาชญากรรม,ยาเสพติดให้โทษ รวมถึงการแจ้งเบาะแสข่าวสารข้อมูลที่พี่น้องทราบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากพบปะพูดคุยกันฉันท์มิตรหรือญาติสนิทแล้วยังได้ใช้โอกาสนี้ให้คำแนะนำความรู้เบื้องต้นที่น่าจะเกิดประโยชน์แก่พี่น้องอีกส่วนหนึ่งด้วยดังนี้
๑. การสังเกตจดจำตำหนิรูปพรรณของคนร้าย
๒. คำแนะนำในการไปติดต่อราชการที่สถานีตำรวจ
๓. การแจ้งความในกรณีต่างๆ พร้อมหลักฐานที่น้องควรจะนำไปประกอบ
๔. การแจ้งข้อมูลเบาะแสของคนร้ายหรืิอเหตุต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่รับทราบ
เป็นต้น
ผมใช้เวลาพบปะพี่น้องครั้งนี้จนถึงเวลาประมาณ ๑๒.๕๕ น.จึงเดินทางกลับ
ประสานการปฏิบัติกับผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาแม่จริม (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้เวลาประมาณ ๑๒.๕๐ น.ผมเดินทางไปประสานการปฏิบัติกับ ผจก.ธนาคารออมสิน สาขาแม่จริมเกี่ยวกับการดำเนินการดูแลรักษาความปลอดภัยสถาบันการเงินตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กำหนดไว้ซึ่งได้รับข้อเสนอแนะหลายๆ ประการจาก ผจก.ที่จะนำมาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง สภ.แม่จริมได้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ธนาคาร ร้านค้าทอง ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ทไว้โดยยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีนโยบายที่จะเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพื้นฐานที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินและชีวิตร่างกายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความหวาดระแวงภัยจากอาชญากรรมของพี่น้องให้เหลือน้อยที่สุดโดยการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ของ สภ.แม่จริมนั้นได้ดำเนินการดังนี้ครับ
อนึ่ง สภ.แม่จริมได้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ธนาคาร ร้านค้าทอง ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ทไว้โดยยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีนโยบายที่จะเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพื้นฐานที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินและชีวิตร่างกายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความหวาดระแวงภัยจากอาชญากรรมของพี่น้องให้เหลือน้อยที่สุดโดยการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ของ สภ.แม่จริมนั้นได้ดำเนินการดังนี้ครับ
ได้ยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีนโยบายที่จะเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพื้นฐานที่ เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน ทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินและชีวิตร่างกาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความหวาดระแวงภัยจากอาชญากรรมของพี่น้องให้เหลือน้อยที่สุด
๒. วัตถุประสงค์ในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้
๒.๑ เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมธนาคาร ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ท
๒.๒ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนและพนักงานขาย หรือผู้ประกอบการ๓. เป้าหมาย : สถานประกอบการในเรื่องดังกล่าวทั้งหมดในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.แม่จริม
๒.๑ เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมธนาคาร ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ท
๒.๒ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนและพนักงานขาย หรือผู้ประกอบการ๓. เป้าหมาย : สถานประกอบการในเรื่องดังกล่าวทั้งหมดในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.แม่จริม
๔. แนวทางในการปฏิบัติ
๔.๑ สำรวจสถานที่และสถานประกอบการเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดและเก็บและนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ เช่น สถานที่ตั้ง,จำนวนผู้ใช้บริการ,เวลาที่มีผู้มาใช้บริการทั้งจำนวนมากและน้อยที่สุดในแต่ละวัน เป็นต้น
๔.๒ เพิ่มความเข้มในการตรวจตราป้องกันโดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ออกตรวจตราและเพิ่มความเข้มรวมถึงความถี่ในการตรวจเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนออกปฏิบัติหน้าที่แต่ละผลัดนั้นได้มอบหมายภารกิจและแนวทางปฏิบัติไว้ด้วยทุกครั้ง
๔.๑ สำรวจสถานที่และสถานประกอบการเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดและเก็บและนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ เช่น สถานที่ตั้ง,จำนวนผู้ใช้บริการ,เวลาที่มีผู้มาใช้บริการทั้งจำนวนมากและน้อยที่สุดในแต่ละวัน เป็นต้น
๔.๒ เพิ่มความเข้มในการตรวจตราป้องกันโดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ออกตรวจตราและเพิ่มความเข้มรวมถึงความถี่ในการตรวจเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนออกปฏิบัติหน้าที่แต่ละผลัดนั้นได้มอบหมายภารกิจและแนวทางปฏิบัติไว้ด้วยทุกครั้ง
๔.๓ ขณะเจ้าหน้าที่ออกตรวจจะให้เพิ่มความสังเกตและตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะซึ่งมีลักษณะผิดปกติ เช่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดนานผิดสังเกต พกพาอาวุธปืนหรือสวมใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผิดไปจากบุคคลทั่วไป
๔.๔ ติดตั้งจุดตรวจของสายตรวจหรือที่เรียกกันติดปากว่า “ตู้แดง” ไว้ตามสถานที่ที่น่าจะเสี่ยงต่อการถูกประทุษร้าย โดยเรื่องนี้ในเขตเทศบาลของ สภ.แม่จริมได้ติดตั้งไว้จำนวนมากกว่า ๑๐ ตู้ครอบคลุมทุกจุดสำคัญๆ
๔.๕ ประชาสัมพันธ์และออกหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการให้ทราบถึงวิธีการกระทำผิดของคนร้าย การป้องกันและการแจ้งเมื่อเกิดเหตุ สำหรับการปฏิบัติเรื่องนี้นั้น สภ.แม่จริมได้เชิญเจ้าของ/ผู้ประกอบการเข้าประชุมเป็นระยะ รวมถึงได้จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องและสำคัญๆ ให้ทราบอยู่เสมอ ประการสำคัญก็คือได้ใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุชุมชนในเขตพื้นที่ให้ทราบทุกสัปดาห์ๆ
๔.๕ ประชาสัมพันธ์และออกหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการให้ทราบถึงวิธีการกระทำผิดของคนร้าย การป้องกันและการแจ้งเมื่อเกิดเหตุ สำหรับการปฏิบัติเรื่องนี้นั้น สภ.แม่จริมได้เชิญเจ้าของ/ผู้ประกอบการเข้าประชุมเป็นระยะ รวมถึงได้จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องและสำคัญๆ ให้ทราบอยู่เสมอ ประการสำคัญก็คือได้ใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุชุมชนในเขตพื้นที่ให้ทราบทุกสัปดาห์ๆ
๔.๖ ขอความร่วมมือให้มีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เช่น สัญญาณเตือนภัย โทรทัศน์วงจรปิด
๔.๗ การวางระแบบการรับแจ้งเหตุให้สามารถแจ้งเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ทันท่วงที โดย สภ.แม่จริมกับสถานประกอบการได้เชื่อมโยงการแจ้งเหตุทางโทรศัพท์อัตโนมัติและกริ่งสัญญาณรวมถึงการติดต่อสื่อสารสมัยใหม่ไว้แล้วและมีการทดสอบการปฏิบัติอย่างน้อย ๒ สัปดาห์ต่อครั้งอยู่เป็นประจำ
๔.๘ การตรวจสอบความพร้อมจุดรับแจ้งเหตุและเจ้าหน้าที่ สภ.แม่จริมโดยได้กำหนดให้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุหรือสถานการณ์สมมุติกรณีมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจากการประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือชีวิตและทรัพย์สินของสถานประกอบการเหล่านี้เป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งเพื่อความพร้อมและคล่องตัวของเจ้าหน้าที่หากมีเหตุเกิดขึ้น
๔.๗ การวางระแบบการรับแจ้งเหตุให้สามารถแจ้งเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ทันท่วงที โดย สภ.แม่จริมกับสถานประกอบการได้เชื่อมโยงการแจ้งเหตุทางโทรศัพท์อัตโนมัติและกริ่งสัญญาณรวมถึงการติดต่อสื่อสารสมัยใหม่ไว้แล้วและมีการทดสอบการปฏิบัติอย่างน้อย ๒ สัปดาห์ต่อครั้งอยู่เป็นประจำ
๔.๘ การตรวจสอบความพร้อมจุดรับแจ้งเหตุและเจ้าหน้าที่ สภ.แม่จริมโดยได้กำหนดให้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุหรือสถานการณ์สมมุติกรณีมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจากการประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือชีวิตและทรัพย์สินของสถานประกอบการเหล่านี้เป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งเพื่อความพร้อมและคล่องตัวของเจ้าหน้าที่หากมีเหตุเกิดขึ้น
ว่าที่พลตำรวจโทสุพจน์ มัจฉา (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
ชาตินี้จะได้ติดยศ พ.ต.อ.กับเขาหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย แต่..ว้าววว โชคดีเสียนี่กระไรที่มีคนให้ยศผมเป็นว่าที่พลตำรวจโทแล้ว ขอบคุณนะครับ กบข. ๕๕๕
เที่ยงวันแล้วไปทานข้าวกันดีกว่าพี่น้อง ป้ะ...เร้ววว
นี่แหละครับอาหารกลางวันวันนี้ของว่าที่พลตำรวจโทสุพจน์ มัจฉา ว้าววว อะไรจะขนาดนั้นท่านนายพล
เที่ยงวันแล้วไปทานข้าวกันดีกว่าพี่น้อง ป้ะ...เร้ววว
นี่แหละครับอาหารกลางวันวันนี้ของว่าที่พลตำรวจโทสุพจน์ มัจฉา ว้าววว อะไรจะขนาดนั้นท่านนายพล
ร่วมประชุม Video conference (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา รอง ผกก.สภ.แม่จริม , ร.ต.อ.จตุภาค หลวงต่างใจ สว.สส.ฯ และเจ้าหน้าที่เวร ศปก.เข้าร่วมประชุม Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกหน่วยงานตำรวจที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมวันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธาน
การประชุมเริ่มต้นจากหน่วยงานระดับกองบัญชาการต่างๆ รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบวันที่ผ่านมาให้ที่ประชุมรับทราบเสร็จแล้วประธานกล่าวสรุปและแจ้งข้อสั่งการต่างๆ ที่จะดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้อง
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็จเมื่อเวลา ๑๐.๒๗ น.จากนั้นเป็นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ โดย พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.๕ เป็นประธานและเสร็จสิ้นการประชุมในส่วนนี้เมื่อเวลา ๑๐.๔๒ น.
ต่อจากนั้นเป็นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดน่านโดย พ.ต.อ.สิรภพ พุ่มเฉลิม รอง ผบก.ภ.จว.น่านเป็นประธานและในการประชุม พ.ต.อ.นพดล กรึงไกร,พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ พิมพ์พิสุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.น่านได้ชี้แจงและสั่งการต่างๆ แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดอีกส่วนหนึ่งด้วย
ก่ารประชุมวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๕๕ น.
สวัสดีวันใหม่ (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้มาถึงที่ทำงานโรงพักแม่จริมราวๆ ๗ โมงครึ่งช่วงเช้าเพราะเวลา ๐๘.๐๐ น.จะมีการประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานตำรวจต่างๆ ซึ่งการประชุมลักษณะนี้จะมีทุกวันครับ
อากาศที่แม่จริมเช้านี้ค่อนข้างเย็นเล็กน้อยแต่ไม่มาก สบายๆ ดูอะไรรอบข้างก็สดชื่นไปหมดเลยทีเดียว ยิ่งได้เข้ามาสวดมนต์ไหว้พระในห้อง ศปก.ของโรงพักและอีกอย่างเห็นหน้าลูกสาวที่แม้จะแค่ในภาพถ่ายก็ตามแล้วมีความสดชื่นและสบายใจขึ้นอีกโข
อากาศที่แม่จริมเช้านี้ค่อนข้างเย็นเล็กน้อยแต่ไม่มาก สบายๆ ดูอะไรรอบข้างก็สดชื่นไปหมดเลยทีเดียว ยิ่งได้เข้ามาสวดมนต์ไหว้พระในห้อง ศปก.ของโรงพักและอีกอย่างเห็นหน้าลูกสาวที่แม้จะแค่ในภาพถ่ายก็ตามแล้วมีความสดชื่นและสบายใจขึ้นอีกโข
วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ชีวิตที่สดใสย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้เป็น ๑ ในไม่กี่วันที่ได้ออกกำลังกายช่วงเย็น ไม่ใช่อะไรหรอกครับพี่น้องวันที่ผ่านมาที่ไม่ได้ออกน่ะ ไม่ใช่งานเยอะ งานไม่ค่อยมีหรอกที่แม่จริมน่ะ แต่..แบบว่าขี้เกียจน่ะ เฮ้อ ทำไปได้ แต่คำที่เขาว่ากันว่า "ชีวิตที่สดใสย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง" นี่ซิ่มันเรียกร้องผมมาหลายวันกว่าจะคิดได้ (จริงๆ น่ะคิดทุกวันนั่นแหละแต่ไม่ทำ) ก็วันนี้ครับ คิดแล้วทำเลย อ้ะ ออกกำลังกายดีกว่า
การออกกำลังวันนี้ก็พื้นๆ ธรรมดาๆ ครับ กายบริหารเสร็จแล้วก็ออกวิ่งพร้อมปั่นจักรยานใช้เวลาราวๆ ๑ ชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินได้เหงื่อมาเป็นปี๊บเลยทีเดียว สำคัญกว่านั้นก็คือรู้สึกเหมือนว่าร่างกายจะปลอดจะโปร่งโล่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะนะเนี่ย อ้ะ รู้แบบนี้ทำซะตั้งนานแล้ว ฮ่าาาาาา
<< ภาพทั้งหมด >>
การออกกำลังวันนี้ก็พื้นๆ ธรรมดาๆ ครับ กายบริหารเสร็จแล้วก็ออกวิ่งพร้อมปั่นจักรยานใช้เวลาราวๆ ๑ ชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินได้เหงื่อมาเป็นปี๊บเลยทีเดียว สำคัญกว่านั้นก็คือรู้สึกเหมือนว่าร่างกายจะปลอดจะโปร่งโล่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะนะเนี่ย อ้ะ รู้แบบนี้ทำซะตั้งนานแล้ว ฮ่าาาาาา
<< ภาพทั้งหมด >>
รักษาราชการแทน ผกก.สภ.แม่จริม (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้ผมรักษาราชการแทน ผกก.สภ.แม่จริมซึ่งอยู่ระหว่างการเข้ารับการอบรมการพัฒนาหัวหน้าหน่วยงานที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ที่ กทม.
เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.แม่จริมของเราวันนี้มีรวมกัน ๑๓ คนเนื่องจากกำลังพลส่วนใหญ่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพมหานครร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พวกเราที่เหลือก็ช่วยกันทำหน้าที่แทนเพื่อนๆ เหล่านั้นอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้งานเดินไปได้ด้วยดี
งานต่างๆ ที่เข้ามาวันนี้มีไม่ค่อยมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นงานประจำหรืองาน routine ที่พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ ในส่วนของผมเองอย่างมากก็แค่เซ็นผ่านหรือแนะนำอะไรบางอย่างให้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อย่างว่าแหละครับพวกเราตำรวจแม่จริมโรงพักเล็กๆ อยู่กันฉันพี่ฉันน้องมีอะไรช่วยกันได้ก็จะช่วยกันอย่างขันแข็ง
วันนี้นั่งเซ็นงานที่โรงพักแม่จริมด้วยความสบายใจจากโค้กที่นางสาวไทยส่งให้พ่อเขาเมื่อวานนี้ที่เชียงใหม่
ขอบใจมากนะลูก
ภาพด้านล่างเป็นการปฏิบัติหน้่าที่ชองชุดควบคุมฝูงชน สภ.แม่จริมประจำวันนี้ที่จุดตรวจโยธินพัฒนา กทม.
เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.แม่จริมของเราวันนี้มีรวมกัน ๑๓ คนเนื่องจากกำลังพลส่วนใหญ่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพมหานครร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พวกเราที่เหลือก็ช่วยกันทำหน้าที่แทนเพื่อนๆ เหล่านั้นอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้งานเดินไปได้ด้วยดี
งานต่างๆ ที่เข้ามาวันนี้มีไม่ค่อยมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นงานประจำหรืองาน routine ที่พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ ในส่วนของผมเองอย่างมากก็แค่เซ็นผ่านหรือแนะนำอะไรบางอย่างให้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อย่างว่าแหละครับพวกเราตำรวจแม่จริมโรงพักเล็กๆ อยู่กันฉันพี่ฉันน้องมีอะไรช่วยกันได้ก็จะช่วยกันอย่างขันแข็ง
วันนี้นั่งเซ็นงานที่โรงพักแม่จริมด้วยความสบายใจจากโค้กที่นางสาวไทยส่งให้พ่อเขาเมื่อวานนี้ที่เชียงใหม่
ขอบใจมากนะลูก
ภาพด้านล่างเป็นการปฏิบัติหน้่าที่ชองชุดควบคุมฝูงชน สภ.แม่จริมประจำวันนี้ที่จุดตรวจโยธินพัฒนา กทม.
วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
คดีปล้นฝรั่ง (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
ผกก. : คดีปล้นฝรั่งที่น้องรายงานว่าเก ิดเหตุช่วงที่พี่ไปอบรมและจับคน ร้ายได้ทั้งหมดภายในเวลาเพียงไม ่เกิน ๕ นาทีน่ะน้องรายงานไปถึงสถานทูตห รือยัง
พนักงานสอบสวน : ผมไม่ได้รายงานครับ
ผกก. : ทำไมไม่รายงาน?
พนักงานสอบสวน : ก็คดีที่ว่าน่ะเป็นคดีปล้นฝรั่ง ของลุงเป็งคนที่เคยมาขายที่โรงพ ักเราบ่อยๆ แล้ว ผกก.ชอบอุดหนุนและเอ่ยปากชมว่าล ุงเป็งทำฝรั่งดองได้อร้อยอร่อยน ่ะครับ
พนักงานสอบสวน : ผมไม่ได้รายงานครับ
ผกก. : ทำไมไม่รายงาน?
พนักงานสอบสวน : ก็คดีที่ว่าน่ะเป็นคดีปล้นฝรั่ง
เข้าร่วมประชุมโครงการอบรมข้าราชการตำรวจระดับหัวหน้าสายงานจราจร (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.เป็นต้นไปผมเข้าร่วมประชุมคณะทำงานตามโครงการอบรมข้าราชการตำรวจระดับหัวหตน้าสายงานจราจรที่ห้องประชุมพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค ๕ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่โดยการประชุมวันนี้ พ.ต.อ.มนตรี สัมปุณณานนท์ รอง ผบก.อก.ภ.๕ เป็นประธาน ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยคณะทำงานที่ตำรวจภูธรภาค ๕ มอบหมายดังภาพด้านล่าง
การประชุมครั้งนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้ผมและผู้มีรายชื่อตามข้อ ๒. ของหนังสือด้านบนทำหน้าที่่เป็นคณะทำงานในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมที่ตำรวจภูธรภาค ๕ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ นี้ ณ จังหวัดเชียงใหม่โดยการอบรมนั้นจะทำการอบรมหัวหน้าสายงานของสถานีตำรวจต่างๆ ในสังกัดจำนวน ๔ สายงานประกอบด้วยสายงานจราจร,ป้องกันปราบปราม,สืบสวนและสายงานอำนวยการโดยผมได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการอบรมสายงานจราจร
การประชุมวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น.
หลังจากประชุมเสร็จไปรับลูกสาว (น.ส.ปัทมาพร มัจฉา) ซึ่งเรียนอยู่ชั้นปีที่ ๑ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ออกไปทานอาหารกลางวันเสียหน่อยหลังจากไม่ได้เจอกันหลายวัน
การประชุมวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น.
หลังจากประชุมเสร็จไปรับลูกสาว (น.ส.ปัทมาพร มัจฉา) ซึ่งเรียนอยู่ชั้นปีที่ ๑ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ออกไปทานอาหารกลางวันเสียหน่อยหลังจากไม่ได้เจอกันหลายวัน