วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โรงพักเฮฮา : ตอน "นิทานก่อนนอน" (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

“ลุงดาบครับ” ผู้ต้องหาเยาวชนอายุ ๑๖ นิดๆ พูดกับผมช่วงไปตรวจห้องควบคุมที่โรงพักเวลา ๓ ทุ่มกว่าๆ

“มีอะไรเหรอหนุ่มน้อย” ผมถาม

“ผมอยากได้ยินนิทานก่อนนอนจากปากลุงดาบครับ” เขาตอบ “แบบว่าจะได้นอนหลับสบายๆ น่ะ”

“หา...อะไรกัน นิทานก่อนนอน...” ผมอุทานเสียงดัง

“ขอบคุณครับลุงดาบ” หนุ่มน้อยพูดสวนในขณะที่ผมยังพูดไม่จบประโยคที่คิดไว้ “คืนนี้ผมคงหลับสบายแน่ๆ เลยเพราะได้ยินลุงดาบพูดคำว่า  “นิทานก่อนนอน” แล้ว ๕๕๕ บ๊ายบาย ราตรีสวัสดิ์นะครับลุงดาบพจน์สุดหล่อ”

เพิ่มเติม : วันนี้หลังจากเสร็จภารกิจที่โรงพักแม่จริมแล้วผมเดินทางกลับบ้านที่อำเภอเมืองพะเยาโดยถึงเวลาช่วงเย็นๆ ครับ


ความไม่ยุติธรรมของระบบยุติธรรม? : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

ความไม่ยุติธรรมแผ่ซ่านในความรู้สึกของผู้คนในสังคมไทยปัจจุบัน การรับรู้ว่าตนเองหรือกลุ่มตนได้รับความยุติธรรมหรือไม่ได้รับความยุติธรรมจะส่งผลต่อความรู้สึกที่มีต่อประเด็นนั้นหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นๆ ด้วยเสมอ หากรับรู้ถึงความยุติธรรมก็จะมีอารมณ์ความรู้สึกในทิศทางเชิงบวก แต่หากรับรู้ถึงความไม่ยุติธรรมก็จะเกิดความรู้สึกในทิศทางเชิงลบ อาจเริ่มจากไม่พึงพอใจ โกรธ ไปจนถึงความเกลียดชัง

โดยที่มิอาจมั่นใจได้ว่ายุติธรรมมีความหมายเพียงหนึ่งเดียวที่ทุกคนจะเห็นพ้องต้องกัน !

บ่อยครั้งที่ในเรื่องเดียวกันกลุ่มหนึ่งอาจมองและให้ความหมายว่ายุติธรรม ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งอาจให้ความหมายว่าไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกับความดี ความเลว ความซื่อสัตย์สุจริต ? จนเกิดข้อสงสัยหรือตั้งคำถามมากมาย เช่น ตกลงว่าการคอร์รัปชั่นในกลุ่มนักการเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือเป็นสิ่งไม่ดี ? การซื้อขายตำแหน่งหน้าที่การงานในกลุ่มข้าราชการต่างๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือเป็นสิ่งที่ไม่ดี ? เพราะถ้าตอบว่าไม่ดีแล้วทำไมคนจำนวนไม่น้อยจึงยังกระทำอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบหรือระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกันไปก็ตาม ยกตัวอย่างเช่นการฝากลูกเข้าโรงเรียนมีความเลวร้ายที่แตกต่างอย่างไรกับการฝากตำรวจที่ดูแลติดตามนักการเมืองเข้าเรียนหลักสูตรผู้กำกับ การจ่ายเงินสนับสนุนให้โรงเรียน ๑ แสนบาทหรือมากกว่านั้นเพื่อให้ลูกได้เข้าเรียนชั้น ป.๑ ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของรัฐแตกต่างอย่างไรกับการจ่ายเงิน ๑๐๐ บาทให้แก่ตำรวจจราจรหรือเจ้าหน้าที่ขนส่งที่ตรวจพบการกระทำผิดกฎหมายจราจรหรือผิด พ.ร.บ.ขนส่ง

การสร้างถนนที่แพงเกินจริง (และชำรุดอย่างรวดเร็วอย่างชัดเจนในเวลาต่อมา) ของหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบถนนในแต่ละส่วน เช่น กระทรวงคมนาคม การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น มีความแตกต่างอย่างไรกับการสร้างสถานีตำรวจไม่เสร็จจนกลายเป็นสถานีตำรวจร้างทั่วประเทศ

การละเลย ขาดงาน ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพของข้าราชการต่างๆ แตกต่างอย่างไรกับการใส่เกียร์ว่างของตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลบางกลุ่มบางพวก ตัวอย่างที่ทดลองยกขึ้นมาเปรียบเทียบนั้นเพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าการกระทำในสิ่งที่สังคม (ในอดีต?) บอกว่าไม่ดีนั้นได้เกิดขึ้นอย่างแผ่ซ่านมากมายในปัจจุบัน มากจนทำให้คนในสังคมคุ้นชินและยอมรับโดยนัยว่าเป็นเรื่องปกติ ?

หากแต่มีข้อสังเกตว่าในบรรดาหน่วยงานภาครัฐนั้นองค์กรที่ได้รับการตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวในทำนองเช่นนี้มากที่สุดคือองค์กรตำรวจ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหตุใด ?

ใช่หรือไม่ว่าบุคลากรตำรวจบางกลุ่มบางคนประพฤติปฏิบัติเช่นนั้น ? แล้วทำไมพวกเขาเหล่านี้จึงประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ ?

ใช่หรือไม่ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความโลภที่อยู่ในตัวตำรวจแต่ละคน ? ตำรวจทุกคนที่ปฏิบัติเช่นนี้เพราะมีความโลภ ? ขาดสติ ขาดจริยธรรมของการปฏิบัติตนที่ดีแต่เพียงเท่านั้นหรือ ? มีสาเหตุมากกว่าเหตุที่มาจากปัจจัยส่วนบุคคลหรือไม่ ?

ใช่หรือไม่ว่าระบบสังคมวัฒนธรรมไทยที่หล่อหลอมองค์กรตำรวจอยู่มีผลต่อการปฏิบัติตัวที่นอกรีตของตำรวจเหล่านั้น? “สงสารเด็กมันเถอะ มันทำครั้งแรก มันก็เป็นเด็กในชุมชนเรา แค่ไม่ใส่หมวกกันน็อกไม่ใช่ความผิดร้ายแรงขอสักครั้งแล้วกันนะคือสิ่งที่คนในสังคมนิยมทำกันใช่หรือไม่ ?

ใช่หรือไม่ว่าระบบการบริหารงานขององค์กรตำรวจเองก็มีผลกระทบให้ตำรวจต้องแสดงพฤติกรรมที่กลายเป็นตราประทับเชิงลบกับตำรวจทั้งประเทศ ดังตัวอย่างคำพูดที่กลายเป็นประโยคที่คุ้นชินว่า "ตำรวจรับส่วย” (แต่ไม่มีใครคุ้นชินว่าอาจารย์รับส่วย ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องราวทำนองนี้ให้พูดถึงในทุกห้วงเวลาการสอบแข่งขันเข้าเรียนก็ตาม)

ระบบการบริหารงานที่มุ่งเน้นผลสำเร็จของงานโดยมีเงื่อนไขว่าอย่ามาอ้างว่ามีทรัพยากรที่จำกัดทั้งๆ ที่ใครๆ ก็รู้โดยทั่วกันว่าการมีทรัพยากรที่จำกัดอย่างมากนั้นย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพของงานอย่างแน่นอน แต่สำหรับในโลกของตำรวจแล้วนั้นวิถีการทำงานและคำพูดของผู้บังคับบัญชาเช่นนี้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คุ้นชินจนเกิดเป็นวัฒนธรรมที่นิยมใช้คำแทนว่า "สั่งแห้งหมายถึงการสั่งงานที่ต้องการผลงานที่ดีเลิศแต่ไม่มีงบประมาณให้

เมื่อเป็นเช่นนี้ตำรวจผู้ปฏิบัติจะหางบประมาณมาจากไหน ?

อย่ามากล่าวอ้างว่าไม่มีงบประมาณแล้วต้องคอร์รัปชั่น ก็ขอจากท้องถิ่นสิ โรงพยาบาลต่างๆ เขาก็ของบประมาณจากท้องถิ่นทั้งนั้นนักวิชาการแสดงความเห็นลองไตร่ตรองครุ่นคิดให้ดีเถิดว่าธรรมชาติของงานตำรวจในบริบททางสังคมวัฒนธรรมไทยนั้นตำรวจควรเดินเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์ผ่านการขอรับงบประมาณสนับสนุนจากท้องถิ่นหรือไม่ ? ถ้าสามารถทำได้ในฐานะที่ตำรวจก็เป็นหนึ่งในสายธารแห่งกระบวนยุติธรรมเช่นเดียวกันกับอัยการและศาล นั่นย่อมหมายความว่า ตำรวจ อัยการ และศาลสมควรที่จะมีวิธีการได้มาซึ่งงบประมาณในการทำงานเช่นเดียวกันใช่หรือไม่ ?

ถ้าหากองคาพยพของกระบวนการยุติธรรมไทยตกอยู่ในห้วงการอุปถัมภ์ของท้องถิ่น ? อะไรจะเกิดขึ้น ? การคิดวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามต้องวางอยู่บนบริบทของสังคมวัฒนธรรมไทย อย่าได้ริอ่านนำสังคมอเมริกัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน ออสเตรเลียมาใช้ตอบคำถามแบบนักวิชาการที่เห็นโลกเพียงสีขาวสวยงาม เพราะในความเป็นจริงแล้วโลกเรามีทั้งสีขาว สีเทา และสีดำ

การเลือกปฏิบัติเป็นวิถีทางหนึ่งของความไม่ยุติธรรมใช่หรือไม่ ?

เป็นไปได้หรือไม่ว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมไม่ควรที่จะทำหน้าที่ในการสร้างและธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมก็ในเมื่อตัวเขาเองยังไม่ได้รับความยุติธรรมเลยเขาจะอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักในลาภผลได้นานสักเพียงใด ?

ก่อนที่ก่นด่าและเพ่งโทษ อย่าลืมคิดวิเคราะห์อย่าง คม ชัด ลึก !!

โรงพักเฮฮา : ตอน "ไปงานศพเด็ก" (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

พี่น้องรู้ไหมครับว่านายตำรวจนายทหารเราส่วนหนึ่งนั้น (เน้นคำว่าส่วนหนึ่งนะครับ) เวลาที่เขาพูดกันถึงผู้ใต้บังคับบัญชาระดับชั้นประทวน (ผู้มียศ ด.ต.ลงมา) เขาใช้คำแทนผู้ที่พูดถึงว่าอย่างไร

"พี่แต่งชุดดำจะไปไหนครับ" ร.ต.ต.หนุ่มอายุ ๒๐ เศษถาม ผกก.ยศ พ.ต.อ.ซึ่งอายุไม่ถึง ๔๐ 

"จะไปงานศพเด็กซะหน่อยน่ะน้อง" ผกก.ตอบ

"โอ้ว เป็นเด็กเป็นเล็กไม่น่าอายุสั้นเลย" ผู้หมวดรำพึงรำพัน "เอ้อ ขอโทษครับเด็กที่ไหนครับพี่ที่ว่าตายน่ะ"

"อ๋อ ดาบตำรวจ..ที่อยู่โรงพัก..น่ะ" ผกก.เฉลย "แหม อีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณแล้วไม่น่ามาด่วนจากไปเล้ยยยเด็กคนนี้"

(แบบนี้ก็เด็กครับ (ฮา) ... ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ร่วมประชุม Video conference / กิจกรรมอื่นๆ ในรอบวัน (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น.ผมเข้าร่วมประชุม Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกหน่วยงานตำรวจที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมวันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธาน

การประชุมเริ่มต้นจากหน่วยงานระดับกองบัญชาการต่างๆ รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบวันที่ผ่านมาให้ที่ประชุมรับทราบเสร็จแล้วประธานกล่าวสรุปและแจ้งข้อสั่งการต่างๆ ที่จะดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยเสร็จสิ้นการประชุมในส่วนนี้เมื่อเวลา ๐๙.๒๗ น.

ต่อจากนั้นเป็นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ โดย พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.๕ เป็นประธาน

การประชุมในส่วนนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลา ๐๙.๓๗ น.

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ แล้วเป็นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดน่านโดย พ.ต.อ.นพดล กรึงไกร รอง ผบก.ภ.จว.น่านเป็นประธาน

การประชุมวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๕๐ น.




เวลา ๐๘.๐๐ น.เจ้าหน้าที่เวรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำวันนี้เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาตามระเบียบปฏิบัติประจำวัน

วันนี้ที่ สภ.แม่จริมยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเราอยู่ปฏิบัติหน้าที่ ๑๓ คนเหมือนเดิมครับเพราะเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่กรุงเทพมหานครซึ่งขอนำภาพบางส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราที่ว่านั้นมาเสนอด้านล่างนี้


ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจโยธินพัฒนาระหว่างเวลา ๐๓.๐๐-๐๖.๐๐ น.

จุดเดียวกันระหว่างเวลา ๒๑.๐๐-๒๔.๐๐ น.

เวลา ๑๔.๐๐ น. พ.ต.อ.ธนกฤต ภูมมินทร์ ผกก.สภ.แม่จริมพร้อมคณะตรวจเยี่ยมสถานีวิทยุสหกรณ์การเกษตรแม่จริม จำกัด โดยเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ฯให้การต้อนรับ

คืนนี้ที่แม่จริม (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

คืนนี้อยู่โรงพักแม่จริมเหมือนเดิมครับ สบายๆ รวมทั้งเป็นกำลังคอยเหตุให้เจ้าหน้าที่เขาด้วยหากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นเพราะตำรวจที่นี่ส่วนใหญ่ไปทำงานที่ กทม.เกือบหมดโรงพักเหลือเพียงแค่ ๑๓ คน


ร่วมกิจกรรมเยาวชนกับกีฬาต้านภัยยาเสพติด (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๖.๔๕ น.เป็นต้นไปผมเดินทางไปร่วมกิจกรรมเยาวชนกับกีฬาต้านภัยยาเสพติด ณ สนามกีฬาอำเภอแม่จริม ตำบลหนองแดงตามโครงการเยาวชนสัมพันธ์ของ สภ.แม่จริม

โครงการนี้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของเราเข้าร่วมกิจกรรมกับเยาวชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เยาวชนเหล่านั้นมีชีวิตที่สดใส ห่างไกลยาเสพติดและปัญหาการกระทำผิดทั้งมวลรวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่เด็กๆ หรือเยาวชนจะสามารถกระทำได้ เช่น การเคารพกฎหมาย การไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือจับกลุ่มรวมตัวในอันที่จะสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น เป็นต้น

เรื่องการเล่นกีฬานี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เด็กๆ หรือเยาวชนแม่จริมโดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิลำเนาในเขตเทศบาลตำบลหนองแดงมักจะใช้เวลาว่างหลังจากเลิกเรียนมารวมตัวกันซ้อมหรือเล่นกีฬาตามประเภทและชนิดที่ตนถนัดที่สนามกีฬาแห่งนี้เป็นประจำ พวกเราจึงได่้ถือโอกาสนี้เข้าร่วมเล่นหรือทำกิจกรรมกับเด็กๆ ด้วย ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกสิ่งอันละพันพันละน้อยเท่าที่พอจะทำได้ควบคู่ไปด้วย เช่น อย่าไปคบเพื่อนฝูงที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่หันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิด ตั้งใจเรียนหนังสือ เป็นเด็กดีของพ่อแม่ผู้ปกครองและสังคมอะไรประมาณนี้นี่แหละครับ การพูดคุยก็ใช้ภาษาง่ายๆ คล้ายเพื่อนรุ่นเดียวกันนั่นแหละ ซึ่งสำหรับผมค่อนข้างจะได้เปรียบอยู่ตรงที่ผมรู้จักกับเด็กๆ พวกนี้มาก่่อนทุกคนอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร

อนึ่ง สำหรับโครงการเยาวชนสัมพันธ์ของ สภ.แม่จริมที่พูดถึงนั้นมีวัตถุประสงค์ดังนี้

๑. เพื่อให้เด็กและเยาวชนเป็นพลเมืองดี มีทัศนคติที่ถูกต้อง ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย
๒. เพื่อให้เด็กและเยาวชนห่างไกลจากยาเสพติด ไม่เสพ ไม่ขาย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
๓. เพื่อให้เด็กและเยาวชนเคารพกฎหมาย และเป็นพลเมืองดีของสังคม
๔. เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความสามัคคี รวมกลุ่มเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม รู้จักการเสียสละเพื่อบำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ
๕. เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาของสังคมสวนรวม
๖. เพื่อขยายงานชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ของสถานตำรวจ

ผมอยู่ร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ จนถึงเวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น.จึงเดินทางกลับ << ภาพทั้งหมด >>

พบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดแม่จริม (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้เวลาประมาณ ๑๔.๒๐ น.ผมออกเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดแม่จริมตามนโยบายปรับทุกข์ผูกมิตรของ สภ.

โครงการ "ปรับทุกข์ผูกมิตร" นั้นได้ดำเนินการตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาตลอดเสมอมาซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญในการสร้างหรือผูกมิตรไมตรีระหว่างพี่น้องประชาชนกับตำรวจเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยออกไปเยี่ยมไปเยียนญาติพี่น้องของเราพร้อมทั้งนำความรู้ความเข้าใจที่พี่น้องประชาชนสมควรจะได้รับรู้รับทราบเพื่อป้องกันตนเองจากปัญหาอาชญากรรม,ยาเสพติดให้โทษ รวมถึงการแจ้งเบาะแสข่าวสารข้อมูลที่พี่น้องทราบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ


นอกจากพบปะพูดคุยกันฉันท์มิตรหรือญาติสนิทแล้วยังได้ใช้โอกาสนี้ให้คำแนะนำความรู้เบื้องต้นที่น่าจะเกิดประโยชน์แก่พี่น้องอีกส่วนหนึ่งด้วยดังนี้
๑. การสังเกตจดจำตำหนิรูปพรรณของคนร้าย
๒. คำแนะนำในการไปติดต่อราชการที่สถานีตำรวจ
๓. การแจ้งความในกรณีต่างๆ พร้อมหลักฐานที่น้องควรจะนำไปประกอบ
๔. การแจ้งข้อมูลเบาะแสของคนร้ายหรืิอเหตุต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่รับทราบ
เป็นต้น

ผมใช้เวลาพบปะพี่น้องครั้งนี้จนถึงเวลาประมาณ ๑๒.๕๕ น.จึงเดินทางกลับ

ประสานการปฏิบัติกับผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาแม่จริม (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้เวลาประมาณ ๑๒.๕๐ น.ผมเดินทางไปประสานการปฏิบัติกับ ผจก.ธนาคารออมสิน สาขาแม่จริมเกี่ยวกับการดำเนินการดูแลรักษาความปลอดภัยสถาบันการเงินตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กำหนดไว้ซึ่งได้รับข้อเสนอแนะหลายๆ ประการจาก ผจก.ที่จะนำมาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

อนึ่ง สภ.แม่จริมได้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ธนาคาร ร้านค้าทอง ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ทไว้โดยยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีนโยบายที่จะเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพื้นฐานที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินและชีวิตร่างกายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความหวาดระแวงภัยจากอาชญากรรมของพี่น้องให้เหลือน้อยที่สุดโดยการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ของ สภ.แม่จริมนั้นได้ดำเนินการดังนี้ครับ
๑. แนวคิดในการปฏิบัติ 
ได้ยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีนโยบายที่จะเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพื้นฐานที่ เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน ทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินและชีวิตร่างกาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความหวาดระแวงภัยจากอาชญากรรมของพี่น้องให้เหลือน้อยที่สุด
๒. วัตถุประสงค์ในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้
 ๒.๑ เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมธนาคาร ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ท
 ๒.๒ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนและพนักงานขาย หรือผู้ประกอบการ
๓. เป้าหมาย สถานประกอบการในเรื่องดังกล่าวทั้งหมดในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.แม่จริม
๔. แนวทางในการปฏิบัติ
๔.๑ สำรวจสถานที่และสถานประกอบการเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดและเก็บและนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ เช่น สถานที่ตั้ง,จำนวนผู้ใช้บริการ,เวลาที่มีผู้มาใช้บริการทั้งจำนวนมากและน้อยที่สุดในแต่ละวัน เป็นต้น

๔.๒ เพิ่มความเข้มในการตรวจตราป้องกันโดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ออกตรวจตราและเพิ่มความเข้มรวมถึงความถี่ในการตรวจเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนออกปฏิบัติหน้าที่แต่ละผลัดนั้นได้มอบหมายภารกิจและแนวทางปฏิบัติไว้ด้วยทุกครั้ง
๔.๓ ขณะเจ้าหน้าที่ออกตรวจจะให้เพิ่มความสังเกตและตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะซึ่งมีลักษณะผิดปกติ เช่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดนานผิดสังเกต พกพาอาวุธปืนหรือสวมใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผิดไปจากบุคคลทั่วไป
๔.๔ ติดตั้งจุดตรวจของสายตรวจหรือที่เรียกกันติดปากว่า ตู้แดง ไว้ตามสถานที่ที่น่าจะเสี่ยงต่อการถูกประทุษร้าย โดยเรื่องนี้ในเขตเทศบาลของ สภ.แม่จริมได้ติดตั้งไว้จำนวนมากกว่า ๑๐ ตู้ครอบคลุมทุกจุดสำคัญๆ
๔.๕ ประชาสัมพันธ์และออกหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการให้ทราบถึงวิธีการกระทำผิดของคนร้าย การป้องกันและการแจ้งเมื่อเกิดเหตุ สำหรับการปฏิบัติเรื่องนี้นั้น สภ.แม่จริมได้เชิญเจ้าของ/ผู้ประกอบการเข้าประชุมเป็นระยะ รวมถึงได้จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องและสำคัญๆ ให้ทราบอยู่เสมอ ประการสำคัญก็คือได้ใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุชุมชนในเขตพื้นที่ให้ทราบทุกสัปดาห์ๆ 
๔.๖ ขอความร่วมมือให้มีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เช่น สัญญาณเตือนภัย โทรทัศน์วงจรปิด 
๔.๗ การวางระแบบการรับแจ้งเหตุให้สามารถแจ้งเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ทันท่วงที โดย สภ.แม่จริมกับสถานประกอบการได้เชื่อมโยงการแจ้งเหตุทางโทรศัพท์อัตโนมัติและกริ่งสัญญาณรวมถึงการติดต่อสื่อสารสมัยใหม่ไว้แล้วและมีการทดสอบการปฏิบัติอย่างน้อย ๒ สัปดาห์ต่อครั้งอยู่เป็นประจำ
๔.๘ การตรวจสอบความพร้อมจุดรับแจ้งเหตุและเจ้าหน้าที่ สภ.แม่จริมโดยได้กำหนดให้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุหรือสถานการณ์สมมุติกรณีมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจากการประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือชีวิตและทรัพย์สินของสถานประกอบการเหล่านี้เป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งเพื่อความพร้อมและคล่องตัวของเจ้าหน้าที่หากมีเหตุเกิดขึ้น



ว่าที่พลตำรวจโทสุพจน์ มัจฉา (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

ชาตินี้จะได้ติดยศ พ.ต.อ.กับเขาหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย แต่..ว้าววว โชคดีเสียนี่กระไรที่มีคนให้ยศผมเป็นว่าที่พลตำรวจโทแล้ว ขอบคุณนะครับ กบข. ๕๕๕


เที่ยงวันแล้วไปทานข้าวกันดีกว่าพี่น้อง ป้ะ...เร้ววว

นี่แหละครับอาหารกลางวันวันนี้ของว่าที่พลตำรวจโทสุพจน์ มัจฉา ว้าววว อะไรจะขนาดนั้นท่านนายพล

ร่วมประชุม Video conference (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา รอง ผกก.สภ.แม่จริม , ร.ต.อ.จตุภาค หลวงต่างใจ สว.สส.ฯ และเจ้าหน้าที่เวร ศปก.เข้าร่วมประชุม Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกหน่วยงานตำรวจที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมวันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธาน

การประชุมเริ่มต้นจากหน่วยงานระดับกองบัญชาการต่างๆ รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบวันที่ผ่านมาให้ที่ประชุมรับทราบเสร็จแล้วประธานกล่าวสรุปและแจ้งข้อสั่งการต่างๆ ที่จะดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้อง
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็จเมื่อเวลา ๑๐.๒๗ น.จากนั้นเป็นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ โดย พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.๕ เป็นประธานและเสร็จสิ้นการประชุมในส่วนนี้เมื่อเวลา ๑๐.๔๒ น.

ต่อจากนั้นเป็นการประชุมในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดน่านโดย พ.ต.อ.สิรภพ พุ่มเฉลิม รอง ผบก.ภ.จว.น่านเป็นประธานและในการประชุม พ.ต.อ.นพดล กรึงไกร,พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ พิมพ์พิสุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.น่านได้ชี้แจงและสั่งการต่างๆ แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดอีกส่วนหนึ่งด้วย

ก่ารประชุมวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๕๕ น.

สวัสดีวันใหม่ (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้มาถึงที่ทำงานโรงพักแม่จริมราวๆ ๗ โมงครึ่งช่วงเช้าเพราะเวลา ๐๘.๐๐ น.จะมีการประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานตำรวจต่างๆ ซึ่งการประชุมลักษณะนี้จะมีทุกวันครับ

อากาศที่แม่จริมเช้านี้ค่อนข้างเย็นเล็กน้อยแต่ไม่มาก สบายๆ ดูอะไรรอบข้างก็สดชื่นไปหมดเลยทีเดียว ยิ่งได้เข้ามาสวดมนต์ไหว้พระในห้อง ศปก.ของโรงพักและอีกอย่างเห็นหน้าลูกสาวที่แม้จะแค่ในภาพถ่ายก็ตามแล้วมีความสดชื่นและสบายใจขึ้นอีกโข

ชีวิตที่สดใสย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้เป็น ๑ ในไม่กี่วันที่ได้ออกกำลังกายช่วงเย็น ไม่ใช่อะไรหรอกครับพี่น้องวันที่ผ่านมาที่ไม่ได้ออกน่ะ ไม่ใช่งานเยอะ งานไม่ค่อยมีหรอกที่แม่จริมน่ะ แต่..แบบว่าขี้เกียจน่ะ เฮ้อ ทำไปได้ แต่คำที่เขาว่ากันว่า "ชีวิตที่สดใสย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง" นี่ซิ่มันเรียกร้องผมมาหลายวันกว่าจะคิดได้ (จริงๆ น่ะคิดทุกวันนั่นแหละแต่ไม่ทำ) ก็วันนี้ครับ คิดแล้วทำเลย อ้ะ ออกกำลังกายดีกว่า

การออกกำลังวันนี้ก็พื้นๆ ธรรมดาๆ ครับ กายบริหารเสร็จแล้วก็ออกวิ่งพร้อมปั่นจักรยานใช้เวลาราวๆ ๑ ชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินได้เหงื่อมาเป็นปี๊บเลยทีเดียว สำคัญกว่านั้นก็คือรู้สึกเหมือนว่าร่างกายจะปลอดจะโปร่งโล่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะนะเนี่ย อ้ะ รู้แบบนี้ทำซะตั้งนานแล้ว ฮ่าาาาาา
<< ภาพทั้งหมด >>

รักษาราชการแทน ผกก.สภ.แม่จริม (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้ผมรักษาราชการแทน ผกก.สภ.แม่จริมซึ่งอยู่ระหว่างการเข้ารับการอบรมการพัฒนาหัวหน้าหน่วยงานที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ที่ กทม.

เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.แม่จริมของเราวันนี้มีรวมกัน ๑๓ คนเนื่องจากกำลังพลส่วนใหญ่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพมหานครร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พวกเราที่เหลือก็ช่วยกันทำหน้าที่แทนเพื่อนๆ เหล่านั้นอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้งานเดินไปได้ด้วยดี

งานต่างๆ ที่เข้ามาวันนี้มีไม่ค่อยมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นงานประจำหรืองาน routine ที่พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ ในส่วนของผมเองอย่างมากก็แค่เซ็นผ่านหรือแนะนำอะไรบางอย่างให้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อย่างว่าแหละครับพวกเราตำรวจแม่จริมโรงพักเล็กๆ อยู่กันฉันพี่ฉันน้องมีอะไรช่วยกันได้ก็จะช่วยกันอย่างขันแข็ง

วันนี้นั่งเซ็นงานที่โรงพักแม่จริมด้วยความสบายใจจากโค้กที่นางสาวไทยส่งให้พ่อเขาเมื่อวานนี้ที่เชียงใหม่


ขอบใจมากนะลูก

ภาพด้านล่างเป็นการปฏิบัติหน้่าที่ชองชุดควบคุมฝูงชน สภ.แม่จริมประจำวันนี้ที่จุดตรวจโยธินพัฒนา กทม.


สวัสดีวันใหม่ (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

สวัสดีครับพี่น้อง วันนี้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยเรื่องกล้วยๆ 
ขอให้มีความสุขกันทุกคนนะครับ


วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คดีปล้นฝรั่ง (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

ผกก. : คดีปล้นฝรั่งที่น้องรายงานว่าเกิดเหตุช่วงที่พี่ไปอบรมและจับคนร้ายได้ทั้งหมดภายในเวลาเพียงไม่เกิน ๕ นาทีน่ะน้องรายงานไปถึงสถานทูตหรือยัง

พนักงานสอบสวน : ผมไม่ได้รายงานครับ

ผกก. : ทำไมไม่รายงาน?

พนักงานสอบสวน : ก็คดีที่ว่าน่ะเป็นคดีปล้นฝรั่งของลุงเป็งคนที่เคยมาขายที่โรงพักเราบ่อยๆ แล้ว ผกก.ชอบอุดหนุนและเอ่ยปากชมว่าลุงเป็งทำฝรั่งดองได้อร้อยอร่อยน่ะครับ

เข้าร่วมประชุมโครงการอบรมข้าราชการตำรวจระดับหัวหน้าสายงานจราจร (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗)

วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.เป็นต้นไปผมเข้าร่วมประชุมคณะทำงานตามโครงการอบรมข้าราชการตำรวจระดับหัวหตน้าสายงานจราจรที่ห้องประชุมพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค ๕ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่โดยการประชุมวันนี้ พ.ต.อ.มนตรี สัมปุณณานนท์ รอง ผบก.อก.ภ.๕ เป็นประธาน ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยคณะทำงานที่ตำรวจภูธรภาค ๕ มอบหมายดังภาพด้านล่าง

การประชุมครั้งนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้ผมและผู้มีรายชื่อตามข้อ ๒. ของหนังสือด้านบนทำหน้าที่่เป็นคณะทำงานในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมที่ตำรวจภูธรภาค ๕ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ นี้ ณ จังหวัดเชียงใหม่โดยการอบรมนั้นจะทำการอบรมหัวหน้าสายงานของสถานีตำรวจต่างๆ ในสังกัดจำนวน ๔ สายงานประกอบด้วยสายงานจราจร,ป้องกันปราบปราม,สืบสวนและสายงานอำนวยการโดยผมได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการอบรมสายงานจราจร

การประชุมวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น.

หลังจากประชุมเสร็จไปรับลูกสาว (น.ส.ปัทมาพร มัจฉา) ซึ่งเรียนอยู่ชั้นปีที่ ๑ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ออกไปทานอาหารกลางวันเสียหน่อยหลังจากไม่ได้เจอกันหลายวัน