บ่ายวันนี้ไปหาหมอมาครับ โอ้โฮ ตอนนี้อะไรๆ ก็ชัดเจนแจ่มแจ๋ว จากที่ไม่เคยได้ยินแบบนี้มาเป็นสิบกว่าปี เนี่ยะ แม้กระทั่งหน้าจอเฟสบุ๊คที่มีคำว่า "คุณกำลังคิดอะไรอยู่" คนน่ารักคนนี้ก็ยังได้ยินเล้ยยยว่าพี่น้องคิดอะไรกัน ๕๕๕
แพทย์และพยาบาลที่ห้องนี้เปิ้นดี๊ดีครับ ตอนไปหาใหม่ๆ เปิ้นถามอะไรเรากว่าเราจะได้ยินความหมายเปิ้นต้องถาม ๓-๔ ครั้ง แต่เปิ้นก็ไม่ว่าอะไรเราเลย แถมยิ้มอีกต่างหาก ดี๊ดี พอตรวจเรียบร้อย ทำอะไรเรียบร้อย เปิ้นถามเราแค่คำเดียวเท่านั้นเราก็ตอบทันที เพราะได้ยินชัดแจ๋ว ว้าวววว ขอบคุณมากนะครับ
วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557
โรงพักเฮฮา : ตอน "ขอให้ตำรวจช่วยทำนายฝัน"
ป้าติ๊บ : อ้ายลุงดาบพจน์เจ๊า เมื่อคืนนี้หนาตอนตี ๒ โจร ๔ คนมันเข้าบ้านป้าแล้วเอาสร้อยเก๊หนัก ๗ บาทที่วางบนหิ้งพระของป้าไปโดยบ อกป้าว่าห้ามเอะอะโวยวายไม่งั้น จะฆ่าให้ตาย พอมันออกไปแล้วไป ป้าก็ร้องตะโกนให้คนช่วยจน...ป้ าตื่น แหม เหงื่องี้ไหลท่วมหัวท่วมหูเลย.. .
...แบบว่า อ้ายลุงดาบพจน์ช่วยทำนายฝันให้ป้าหน่อยได้ก่อ วันพูกหวยจะออกแล้วเจ๊า
...แบบว่า อ้ายลุงดาบพจน์ช่วยทำนายฝันให้ป้าหน่อยได้ก่อ วันพูกหวยจะออกแล้วเจ๊า
สวัสดีวันจันทร์ (๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗)
อะไรๆ ก็ "อ้ายลุงดาบพจน์"
ยามเย็นช่วงแดดร่มลมตกที่ลานหน้ าบ้านลุงมี หนุ่มๆ วัยเดียวกะแกนั่งสนทนากันโดยมีเ หล้าตอง (เหล้าขาว) และหนังควายจี่ (หนังควายตากแห้งแล้วเอามาย่าง) เป็นเครื่องประกอบการสนทนา
ลุงมี : ต๋ำหนวดโฮงพักบ้านเฮาไผน่าฮักที่สุด
ลุงแก้ว : อ้ายลุงดาบพจน์
ลุงมี : ไผอู้ (พูด) เก่งที่สุด
ลุงคำ : อ้ายลุงดาบพจน์
ลุงมี : ไผหน้าตาดีที่สุด
ลุงมูล : อ้ายลุงดาบพจน์
ลุงมี : ไผสาวหม (ประมาณคำว่าติดกันเกรียว) ที่สุด
ลุงอ้าย : อ้ายลุงดาบพจน์
ลุงมี : แล้วไผผีบ้าที่สุด
ทุกลุง : อ้ายลุงดาบพจน์
ยามเย็นช่วงแดดร่มลมตกที่ลานหน้
ลุงมี : ต๋ำหนวดโฮงพักบ้านเฮาไผน่าฮักที่สุด
ลุงแก้ว : อ้ายลุงดาบพจน์
ลุงมี : ไผอู้ (พูด) เก่งที่สุด
ลุงคำ : อ้ายลุงดาบพจน์
ลุงมี : ไผหน้าตาดีที่สุด
ลุงมูล : อ้ายลุงดาบพจน์
ลุงมี : ไผสาวหม (ประมาณคำว่าติดกันเกรียว) ที่สุด
ลุงอ้าย : อ้ายลุงดาบพจน์
ลุงมี : แล้วไผผีบ้าที่สุด
ทุกลุง : อ้ายลุงดาบพจน์
วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557
เรื่องหลอกลวงในโลกของตำรวจ : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗)
“สถิติอาชญากรรมมันลดลงตลอดแบบนี้ คุณจะของบประมาณ ขออัตรากำลังคนเพิ่มได้ยังไง และในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่ด้วย” นายตำรวจใหญ่แสดงความเห็นต่อเพื่อนๆ น้องๆ ที่นั่งอยู่ในที่นั้น
“พวกเราทุกคนก็รู้กันอยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง สถิติไม่ได้ลดลง แต่ในเมื่อฝ่ายบริหารไม่พร้อมที่จะให้ผู้ปฏิบัติรายงานตัวเลขตามสภาพความเป็นจริง...ฝ่ายบริหารรับความจริงไม่ได้ ทุกอย่างมันก็จะเป็นอยู่อย่างนี้...ไม่มีอะไรดีขึ้น” ความคิดเห็นต่างๆ พรั่งพรูด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจที่ไม่แตกต่างกันมากนักกับบทบาทของการ “จัดทำรายงานสถิติให้ดูสวยงาม”
อีกทั้งตัวเลขที่สวยงามเหล่านี้เป็นกลไกในการชี้เป็นชี้ตายตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ถึงแม้ว่านายจะรู้อยู่เต็มอกว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องหลอกลวง “ก็แต่งแต้มให้มันสมเหตุสมผลหน่อยรักษาหน้านายด้วย” นายตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความจำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมที่ใครๆ ก็ปฏิบัติกันมา ถึงแม้ทุกคนรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ควรทำและไม่อยากทำแต่ก็มีความจำเป็นต้องทำ พร้อมทั้งโยนลูกให้นายเป็นผู้แก้ปัญหา “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายว่าต้องการยังไง สั่งมาเถอะผู้ปฏิบัติทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” คำพูดประชดประชันของตำรวจผู้ปฏิบัติ
วัฒนธรรมการทำบัญชีแยกเล่ม ถึงแม้ว่าจะดีกว่าการไม่รับคดีก็ตาม แต่ก็ทำให้ระบบการบริหารจัดการและการเข้าใจถึงสภาพความรุนแรงของปัญหาของผู้บริหารระดับสูงขาดประสิทธิภาพและนำมาซึ่งความล้มเหลวในการกำหนดนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น การบริหารจัดการทรัพยากร งบประมาณและกำลังคนที่เหมาะสมกับสภาพความรุนแรงของปัญหาถูกมองข้ามไป
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็ยังคงเป็น "ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน” ที่ต้องทำงานตามสภาพปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ท่ามกลางความขาดแคลนและข้อจำกัดต่างๆ มากมายและนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดข้ออ้างถึงความจำเป็นต้องหาเงินนอกระบบมาทำงานเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ? “หัวหน้าสถานีคนไหนมีคุณธรรมมีจริยธรรมก็ดีไป ถ้าไปเจอประเภทนักวิ่งนักธุรกิจ ทีนี้แหละไปดูได้ ตำรวจในโรงพักมันมึนกันหมดแหละ สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบก็ประชาชน”
อีกไม่นานภาวะไร้พรมแดนจะเกิดขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน สิ่งที่ตามมาคือปัจจัยเอื้อต่อการเกิดอาชญากรรมย่อมมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเฉพาะจำนวนครั้งของการเกิดอาชญากรรมที่มากขึ้นเท่านั้น หากแต่ความซับซ้อนของการก่ออาชญากรรมย่อมมากขึ้นด้วย นั่นหมายถึงความจำเป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องทำให้รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อให้ประสิทธิภาพในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน (ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจไทย) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หรือว่ารัฐบาลไทยก็มีวัฒนธรรมไม่แตกต่างจากองค์กรตำรวจคือนิยมสั่งแห้งเช่นเดียวกัน!
ครึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่รับรู้ว่า...
หากขโมยขึ้นบ้านหรือรถจักรยานยนต์หายอย่าหวังว่าจะได้ตัวคนร้ายหรือได้ของคืน “แค่ขอให้พนักงานสอบสวนมาดูที่เกิดเหตุยังอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีก” มิใช่ว่าจะตำหนิเพ่งโทษพนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนเองก็หมุนรอบทิศทางจนไม่รู้ว่าจะเริ่มไปตรงไหนก่อนดี “ขนาดได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนยังไม่อยากจะอยู่กันเลย พนักงานสอบสวนที่มีโอกาสขอย้ายออกหมดแหละ” พนักงานสอบสวนระดับ สบ ๓ พูดถึงสถานการณ์ที่สะท้อนถึงความกดดันของภาระงานในกลุ่มพนักงานสอบสวน
การไปแจ้งความที่สถานีตำรวจของประชาชนก็มิได้ไปด้วยความหวังที่จะได้ตัวคนร้ายหรือได้ทรัพย์สินคืน หากแต่เป็นการแจ้งความไว้เพื่อมิให้คนร้ายนำทรัพย์สินเช่นรถจักรยานยนต์ไปกระทำผิดแล้วส่งผลกระทบต่อตนเองในอนาคตเพียงเท่านั้น ก็แสดงให้เห็นว่าความรู้สึกเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการทำงานของตำรวจลดน้อยลงเรื่อยๆ “เดี๋ยวนี้แค่หวังว่าขโมยมันไม่กลับมาขโมยซ้ำอีกยังหวังไม่ได้เลย”
ผู้นำตำรวจจะยังปล่อยให้ศรัทธาของประชาชนเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ โดยไม่พัฒนาหรือแก้ไขระบบการบริหารจัดการบ้างเลยหรือ? หากไม่ทำเพื่อลูกน้องผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก็โปรดทบทวนผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนด้วยเถิด!
“พวกเราทุกคนก็รู้กันอยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง สถิติไม่ได้ลดลง แต่ในเมื่อฝ่ายบริหารไม่พร้อมที่จะให้ผู้ปฏิบัติรายงานตัวเลขตามสภาพความเป็นจริง...ฝ่ายบริหารรับความจริงไม่ได้ ทุกอย่างมันก็จะเป็นอยู่อย่างนี้...ไม่มีอะไรดีขึ้น” ความคิดเห็นต่างๆ พรั่งพรูด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจที่ไม่แตกต่างกันมากนักกับบทบาทของการ “จัดทำรายงานสถิติให้ดูสวยงาม”
อีกทั้งตัวเลขที่สวยงามเหล่านี้เป็นกลไกในการชี้เป็นชี้ตายตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ถึงแม้ว่านายจะรู้อยู่เต็มอกว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องหลอกลวง “ก็แต่งแต้มให้มันสมเหตุสมผลหน่อยรักษาหน้านายด้วย” นายตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความจำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมที่ใครๆ ก็ปฏิบัติกันมา ถึงแม้ทุกคนรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ควรทำและไม่อยากทำแต่ก็มีความจำเป็นต้องทำ พร้อมทั้งโยนลูกให้นายเป็นผู้แก้ปัญหา “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายว่าต้องการยังไง สั่งมาเถอะผู้ปฏิบัติทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” คำพูดประชดประชันของตำรวจผู้ปฏิบัติ
วัฒนธรรมการทำบัญชีแยกเล่ม ถึงแม้ว่าจะดีกว่าการไม่รับคดีก็ตาม แต่ก็ทำให้ระบบการบริหารจัดการและการเข้าใจถึงสภาพความรุนแรงของปัญหาของผู้บริหารระดับสูงขาดประสิทธิภาพและนำมาซึ่งความล้มเหลวในการกำหนดนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น การบริหารจัดการทรัพยากร งบประมาณและกำลังคนที่เหมาะสมกับสภาพความรุนแรงของปัญหาถูกมองข้ามไป
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็ยังคงเป็น "ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน” ที่ต้องทำงานตามสภาพปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ท่ามกลางความขาดแคลนและข้อจำกัดต่างๆ มากมายและนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดข้ออ้างถึงความจำเป็นต้องหาเงินนอกระบบมาทำงานเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ? “หัวหน้าสถานีคนไหนมีคุณธรรมมีจริยธรรมก็ดีไป ถ้าไปเจอประเภทนักวิ่งนักธุรกิจ ทีนี้แหละไปดูได้ ตำรวจในโรงพักมันมึนกันหมดแหละ สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบก็ประชาชน”
อีกไม่นานภาวะไร้พรมแดนจะเกิดขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน สิ่งที่ตามมาคือปัจจัยเอื้อต่อการเกิดอาชญากรรมย่อมมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเฉพาะจำนวนครั้งของการเกิดอาชญากรรมที่มากขึ้นเท่านั้น หากแต่ความซับซ้อนของการก่ออาชญากรรมย่อมมากขึ้นด้วย นั่นหมายถึงความจำเป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องทำให้รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อให้ประสิทธิภาพในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน (ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจไทย) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หรือว่ารัฐบาลไทยก็มีวัฒนธรรมไม่แตกต่างจากองค์กรตำรวจคือนิยมสั่งแห้งเช่นเดียวกัน!
ครึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่รับรู้ว่า...
หากขโมยขึ้นบ้านหรือรถจักรยานยนต์หายอย่าหวังว่าจะได้ตัวคนร้ายหรือได้ของคืน “แค่ขอให้พนักงานสอบสวนมาดูที่เกิดเหตุยังอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีก” มิใช่ว่าจะตำหนิเพ่งโทษพนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนเองก็หมุนรอบทิศทางจนไม่รู้ว่าจะเริ่มไปตรงไหนก่อนดี “ขนาดได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนยังไม่อยากจะอยู่กันเลย พนักงานสอบสวนที่มีโอกาสขอย้ายออกหมดแหละ” พนักงานสอบสวนระดับ สบ ๓ พูดถึงสถานการณ์ที่สะท้อนถึงความกดดันของภาระงานในกลุ่มพนักงานสอบสวน
การไปแจ้งความที่สถานีตำรวจของประชาชนก็มิได้ไปด้วยความหวังที่จะได้ตัวคนร้ายหรือได้ทรัพย์สินคืน หากแต่เป็นการแจ้งความไว้เพื่อมิให้คนร้ายนำทรัพย์สินเช่นรถจักรยานยนต์ไปกระทำผิดแล้วส่งผลกระทบต่อตนเองในอนาคตเพียงเท่านั้น ก็แสดงให้เห็นว่าความรู้สึกเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการทำงานของตำรวจลดน้อยลงเรื่อยๆ “เดี๋ยวนี้แค่หวังว่าขโมยมันไม่กลับมาขโมยซ้ำอีกยังหวังไม่ได้เลย”
ผู้นำตำรวจจะยังปล่อยให้ศรัทธาของประชาชนเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ โดยไม่พัฒนาหรือแก้ไขระบบการบริหารจัดการบ้างเลยหรือ? หากไม่ทำเพื่อลูกน้องผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก็โปรดทบทวนผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนด้วยเถิด!
ที่มา : http://goo.gl/NIvUU
เก็บตกวันเลือกตั้ง (๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗)
ก่อนจะถึงเวลาอาหารกลางวันขอนำภาพน่ารักๆ ที่เก็บตกจากหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอแม่จริมมาฝากพี่น้องหน่อยครับ
เวลา ๑๑.๐๕ น. ด.ช. ศรวิทย์ (น้องเกมส์) วัย ๖ เดือนมาขอใช้สิทธิ์เลือกตั้ง กรรมการแนะนำให้รออีก ๑๗ ปี ๔ เดือนถึงค่อยกลับมาเลือกตั้งใหม่ ว้าวววว
เวลา ๑๑.๐๕ น. ด.ช. ศรวิทย์ (น้องเกมส์) วัย ๖ เดือนมาขอใช้สิทธิ์เลือกตั้ง กรรมการแนะนำให้รออีก ๑๗ ปี ๔ เดือนถึงค่อยกลับมาเลือกตั้งใหม่ ว้าวววว
เคล็ดลับการประชุม (๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗)
ตั้งแต่ผมรู้ว่าจะทำอย่างไรในการประชุมถึงจะมีคนนั่งเก้าอี้กันครบ ไม่ขาดเฉพาะแต่แถวหน้าๆ นับแต่บัดนั้นมาปรากฏว่าไม่มีปัญหาเลยครับพี่น้อง
วิธีการก็คือ...ไม่จัดเก้าอี้แถวหน้าซะก็สิ้นเรื่อง ว้าววว เก่งจริงๆ สุพจน์มัจฉาคนน่ารัก
อย่าลืมนะครับพี่น้อง เคล็ดที่ไม่ได้ลับอะไร ง่ายๆ สบายๆ การประชุมทุกครั้งกรุณาอย่าให้มีเก้าอี้แถวหน้า เพราะแถวหน้าคนเขาไม่ค่อยนิยมนั่งกัน
วิธีการก็คือ...ไม่จัดเก้าอี้แถวหน้าซะก็สิ้นเรื่อง ว้าววว เก่งจริงๆ สุพจน์มัจฉาคนน่ารัก
อย่าลืมนะครับพี่น้อง เคล็ดที่ไม่ได้ลับอะไร ง่ายๆ สบายๆ การประชุมทุกครั้งกรุณาอย่าให้มีเก้าอี้แถวหน้า เพราะแถวหน้าคนเขาไม่ค่อยนิยมนั่งกัน
สุขสันต์วันเลือกตั้ง (๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗)
เหตุเกิดเมื่อตะกี๊
“สวัสดีเจ๊าพี่ลุงดาบพจน์...”คุ ณยายวัยประมาณ ๗๐ ทักผมหน้าหน่วยเลือกตั้งแห่งหนึ่ง “...เมื่อตะกี๊นะอีน้องในหน่วยเ ลือกตั้งมันบอกว่ายายคงจะอายุไม่ถึงแน่ๆ เลย”
“ยายเลยอดเลือกตั้ง???” ผมกระเซ้ายายแก
“บ่....” ยายตอบผมแล้วหยุดแป๊บหนึ่ง “...อีน้องมันบอกว่า...ยายน่ะอา ยุคงจะยังไม่ถึง ๑๐๐ น่ะเจ๊าพี่ลุงดาบพจน์ เหออออ”
สุขสันต์วันเลือกตั้งนะครับ
สำหรับภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมวันนี้กำลังพลส่วนใหญ่ออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้งในเขตพื้นที่รับผิดชอบโดยผู้บังคับบัญชาได้ออกตรวจการปฏิบัติดังส่วนหนึ่งของภาพที่ พ.ต.อ.ธนกฤต ภูมมินทร์ ผกก.ฯ ออกตรวจครับ
<< ภาพทั้งหมด >>
และด้านล่างนี้คืออาหารกลางวันวันเลือกตั้งของพวกเราวันนี้ครับ ล้ำลำ
<< ภาพทั้งหมดในส่วนของอาหาร >>
“สวัสดีเจ๊าพี่ลุงดาบพจน์...”คุ
“ยายเลยอดเลือกตั้ง???” ผมกระเซ้ายายแก
“บ่....” ยายตอบผมแล้วหยุดแป๊บหนึ่ง “...อีน้องมันบอกว่า...ยายน่ะอา
สุขสันต์วันเลือกตั้งนะครับ
สำหรับภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมวันนี้กำลังพลส่วนใหญ่ออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้งในเขตพื้นที่รับผิดชอบโดยผู้บังคับบัญชาได้ออกตรวจการปฏิบัติดังส่วนหนึ่งของภาพที่ พ.ต.อ.ธนกฤต ภูมมินทร์ ผกก.ฯ ออกตรวจครับ
<< ภาพทั้งหมด >>
และด้านล่างนี้คืออาหารกลางวันวันเลือกตั้งของพวกเราวันนี้ครับ ล้ำลำ
<< ภาพทั้งหมดในส่วนของอาหาร >>
วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557
ตำรวจบ่นเบื่อ...ควบคุมฝูงชน : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๙ มีนาคม ๒๕๕๗)
เจตจำนงที่แสดงออกมาผ่านการประกาศรวมพลพร้อมขับเคลื่อนและยกระดับการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มคนที่คิดต่างขั้วต่างข้างทางการเมืองภายหลังจากการตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะนั้น
ส่งผลกระทบต่อแผนงานต่างๆ จำนวนมาก รวมถึงแผนการพัฒนางานของตำรวจไทย
ถึงแม้ว่าจะพยายามคิดบวกในแง่มุมที่ว่าความขัดแย้งทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์การเมืองอย่างมากมายในสังคมปัจจุบันนั้นเป็นการเผยโฉมสถานะความอ่อนแอของการเมืองไทยอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและสามารถสร้างการตื่นตัวของคนไทยให้เห็นคุณค่าของการร่วมมือกันในการพัฒนาสถาบันทางการเมือง ซึ่งถือเป็นสถาบันทางสังคมที่สำคัญต่อการพัฒนาชาติแทนที่จะปล่อยปละละเลยให้การขับเคลื่อนทางการเมืองตกอยู่ในมือของคนเฉพาะกลุ่มอย่างในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ความตกต่ำทางการเมืองและความแตกแยกที่เด่นชัดของการแย่งชิงอำนาจและความชอบธรรมผ่านการต่อสู้ทางการเมืองส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศ
การเรียกร้องให้ตำรวจที่ควรทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนโดยทั่วกันในแต่ละพื้นที่ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกลับต้องระดมกำลังเพื่อมาทำหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในระหว่างที่มีการชุมนุมในกรุงเทพมหานคร หรือในบางจังหวัดที่มีการชุมนุมประท้วงนั้น นอกเหนือจากการลดประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบประจำที่มีสถิติคดีจำนวนมากพออยู่แล้วนั้น ยังทำให้สูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาล
“ไม่มีตำรวจคนไหนอยากมาปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน แต่มันเป็นหน้าที่” นายดาบตำรวจในชุดควบคุมฝูงชนยืนยัน พร้อมเล่าขยายความถึงที่มาที่ไปของข้อสรุปที่ว่า "อยากไปจับโจรที่บ้านมากกว่ามายืนให้เขาด่า”
"ปัญหาอาชญากรรมมันเยอะ นายเขาก็สั่งมาให้คุมให้ได้ ในช่วงเหตุการณ์ปกติตำรวจเราก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยนะในการควบคุมอาชญากรรม พอมีสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองอย่างนี้ตำรวจเรายิ่งหนักกว่าเดิม จะมาอ้างว่ามา คฝ. (ควบคุมฝูงชน) เลยควบคุมอาชญากรรมในพื้นที่ไม่ได้ นายเขาก็ไม่รับฟัง เราต้องทำให้ได้ ไม่มีเงื่อนไข" เมื่อมีคนพร้อมจะรับฟัง นายดาบตำรวจพรั่งพรูความในใจ ถ่ายทอดเรื่องราวของการทำงานตำรวจภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ มากมายไพร่พลตำรวจทุกคนต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่า "คำว่าทำไม่ได้” เป็นคำที่พูดไม่ได้ และไม่มีใครนิยมพูดในโลกของตำรวจ “เมื่อนายสั่ง ต้องทำได้” ลุงดาบตำรวจในชุดควบคุมฝูงชนและทุกคนในที่นั้นเห็นพ้องต้องกัน
“ไม่ต้องเชื่อผม แต่ลองไปหาข้อมูลดูว่าจริงหรือไม่?” นายดาบตำรวจท้าทายก่อนตั้งตำถามชวนพิสูจน์ตรวจสอบ "หน่วยอื่นไม่มีเงิน ไม่มีงบประมาณมา สั่งยังไงเขาก็ไม่ทำ เขาจะบอกว่าไม่มีงบประมาณจะให้ทำยังไง”
“หน่วยอื่น เขาจะเตรียมสถานที่ทำงาน ห้องทำงาน อุปกรณ์ทำงานพร้อมแล้ว คนจึงตามไปเพื่อทำงาน แต่ตำรวจไม่ใช่อย่างนั้น คนต้องไปทำงานก่อนแล้วไปพัฒนาสถานที่ทำงาน หาอุปกรณ์ทำงานเอาเอง ไปพัฒนาหน่วยให้น่าอยู่น่าทำงาน ต้องเอาลูกเอาเมียมาช่วยพัฒนาด้วยนั่นแหละถึงจะได้สถานที่ทำงานที่ดี”
“ต้องมีความพร้อมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พร้อมปฏิบัติงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ไม่มีวันหยุดเทศกาลใดๆ ไม่มีชดเชยวันหยุด จะมีตำรวจสักกี่คนที่ได้ไปเที่ยวกับลูกเมียช่วงวันหยุดเทศกาลเหมือนอย่างคนอื่น?”
“คุณคิดว่าจะมีบุคลากรจากหน่วยไหนบ้างที่จะยอมใส่ชุดอย่างนี้ ยืนกลางแดดอย่างนี้ ให้เขาด่า ให้เขาปาน้ำปลาร้าใส่ ปาน้ำพริกใส่ ยิงหัวนอต ยิงลูกหินใส่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยโกรธแค้นกัน แล้วยังมาย่ำยีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ดูถูกดูแคลนสารพัดโดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงตอบโต้...คุณลองบอกผมหน่อยว่าจะมีหน่วยไหนทำได้?” นายดาบตำรวจระบายอย่างอัดอั้น
หากพยายามที่จะมองแบบคิดบวก มองหาแง่งามท่ามกลางความตกต่ำของการเมืองไทยที่ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อสังคมไทยจะเห็นว่า สถานการณ์การปะทะระหว่างคนไทยที่คิดแตกต่างกันนี้ได้ทำให้สังคมไทยเห็น ความอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบากของตำรวจไทยชัดเจนมากกว่าตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา
“โชคดีนะที่เป็น ผบ.คนนี้ ถ้าไม่มีท่านเป็นผู้นำ การควบคุมสถานการณ์อาจจะไม่ใช่อย่างนี้” นายดาบตำรวจพูดถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเสียงสนับสนุนและการแย่งกันระบายความรู้สึกว่า "ท่านสั่งตลอด อดทนอดกลั้น อดทนอดกลั้น จนบางครั้งเราก็ตั้งคำถามกับท่านเหมือนกันนะว่า จะให้ทนไปถึงไหน บางครั้งเราก็มีอารมณ์ แต่ท่านก็ดึงเรากลับสู่ภาวะอดทนอดกลั้นได้ ถ้าท่านไม่ดึงเราอะไรจะเกิดขึ้น”
เพียงได้แต่หวังว่า เหตุการณ์ทางการเมืองจะเปิดพื้นที่ให้สังคมไทยได้เห็นความสามารถในการบริหารงานด้านอื่นๆ ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ ๙ นี้ในด้านอื่นบ้าง นอกเหนือจากการบัญชาการควบคุมฝูงชน เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือนท่านก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว ไหนๆ ท่านก็พัฒนากำลังพลตำรวจมากกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา หากต่อด้วยการส่งเสริมให้คนที่ได้รับการพัฒนาฝึกอบรมเอาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยก็จะถือได้ว่าเป็นการบริหารศักยภาพกำลังพลครบกระบวนการ
อยากเห็นสังคมไทยมีตำรวจมืออาชีพที่กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต!!
ถึงแม้ว่าจะพยายามคิดบวกในแง่มุมที่ว่าความขัดแย้งทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์การเมืองอย่างมากมายในสังคมปัจจุบันนั้นเป็นการเผยโฉมสถานะความอ่อนแอของการเมืองไทยอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและสามารถสร้างการตื่นตัวของคนไทยให้เห็นคุณค่าของการร่วมมือกันในการพัฒนาสถาบันทางการเมือง ซึ่งถือเป็นสถาบันทางสังคมที่สำคัญต่อการพัฒนาชาติแทนที่จะปล่อยปละละเลยให้การขับเคลื่อนทางการเมืองตกอยู่ในมือของคนเฉพาะกลุ่มอย่างในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ความตกต่ำทางการเมืองและความแตกแยกที่เด่นชัดของการแย่งชิงอำนาจและความชอบธรรมผ่านการต่อสู้ทางการเมืองส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศ
การเรียกร้องให้ตำรวจที่ควรทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนโดยทั่วกันในแต่ละพื้นที่ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกลับต้องระดมกำลังเพื่อมาทำหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในระหว่างที่มีการชุมนุมในกรุงเทพมหานคร หรือในบางจังหวัดที่มีการชุมนุมประท้วงนั้น นอกเหนือจากการลดประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบประจำที่มีสถิติคดีจำนวนมากพออยู่แล้วนั้น ยังทำให้สูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาล
“ไม่มีตำรวจคนไหนอยากมาปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน แต่มันเป็นหน้าที่” นายดาบตำรวจในชุดควบคุมฝูงชนยืนยัน พร้อมเล่าขยายความถึงที่มาที่ไปของข้อสรุปที่ว่า "อยากไปจับโจรที่บ้านมากกว่ามายืนให้เขาด่า”
"ปัญหาอาชญากรรมมันเยอะ นายเขาก็สั่งมาให้คุมให้ได้ ในช่วงเหตุการณ์ปกติตำรวจเราก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยนะในการควบคุมอาชญากรรม พอมีสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองอย่างนี้ตำรวจเรายิ่งหนักกว่าเดิม จะมาอ้างว่ามา คฝ. (ควบคุมฝูงชน) เลยควบคุมอาชญากรรมในพื้นที่ไม่ได้ นายเขาก็ไม่รับฟัง เราต้องทำให้ได้ ไม่มีเงื่อนไข" เมื่อมีคนพร้อมจะรับฟัง นายดาบตำรวจพรั่งพรูความในใจ ถ่ายทอดเรื่องราวของการทำงานตำรวจภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ มากมายไพร่พลตำรวจทุกคนต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่า "คำว่าทำไม่ได้” เป็นคำที่พูดไม่ได้ และไม่มีใครนิยมพูดในโลกของตำรวจ “เมื่อนายสั่ง ต้องทำได้” ลุงดาบตำรวจในชุดควบคุมฝูงชนและทุกคนในที่นั้นเห็นพ้องต้องกัน
“ไม่ต้องเชื่อผม แต่ลองไปหาข้อมูลดูว่าจริงหรือไม่?” นายดาบตำรวจท้าทายก่อนตั้งตำถามชวนพิสูจน์ตรวจสอบ "หน่วยอื่นไม่มีเงิน ไม่มีงบประมาณมา สั่งยังไงเขาก็ไม่ทำ เขาจะบอกว่าไม่มีงบประมาณจะให้ทำยังไง”
“หน่วยอื่น เขาจะเตรียมสถานที่ทำงาน ห้องทำงาน อุปกรณ์ทำงานพร้อมแล้ว คนจึงตามไปเพื่อทำงาน แต่ตำรวจไม่ใช่อย่างนั้น คนต้องไปทำงานก่อนแล้วไปพัฒนาสถานที่ทำงาน หาอุปกรณ์ทำงานเอาเอง ไปพัฒนาหน่วยให้น่าอยู่น่าทำงาน ต้องเอาลูกเอาเมียมาช่วยพัฒนาด้วยนั่นแหละถึงจะได้สถานที่ทำงานที่ดี”
“ต้องมีความพร้อมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พร้อมปฏิบัติงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ไม่มีวันหยุดเทศกาลใดๆ ไม่มีชดเชยวันหยุด จะมีตำรวจสักกี่คนที่ได้ไปเที่ยวกับลูกเมียช่วงวันหยุดเทศกาลเหมือนอย่างคนอื่น?”
“คุณคิดว่าจะมีบุคลากรจากหน่วยไหนบ้างที่จะยอมใส่ชุดอย่างนี้ ยืนกลางแดดอย่างนี้ ให้เขาด่า ให้เขาปาน้ำปลาร้าใส่ ปาน้ำพริกใส่ ยิงหัวนอต ยิงลูกหินใส่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยโกรธแค้นกัน แล้วยังมาย่ำยีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ดูถูกดูแคลนสารพัดโดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงตอบโต้...คุณลองบอกผมหน่อยว่าจะมีหน่วยไหนทำได้?” นายดาบตำรวจระบายอย่างอัดอั้น
หากพยายามที่จะมองแบบคิดบวก มองหาแง่งามท่ามกลางความตกต่ำของการเมืองไทยที่ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อสังคมไทยจะเห็นว่า สถานการณ์การปะทะระหว่างคนไทยที่คิดแตกต่างกันนี้ได้ทำให้สังคมไทยเห็น ความอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบากของตำรวจไทยชัดเจนมากกว่าตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา
“โชคดีนะที่เป็น ผบ.คนนี้ ถ้าไม่มีท่านเป็นผู้นำ การควบคุมสถานการณ์อาจจะไม่ใช่อย่างนี้” นายดาบตำรวจพูดถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเสียงสนับสนุนและการแย่งกันระบายความรู้สึกว่า "ท่านสั่งตลอด อดทนอดกลั้น อดทนอดกลั้น จนบางครั้งเราก็ตั้งคำถามกับท่านเหมือนกันนะว่า จะให้ทนไปถึงไหน บางครั้งเราก็มีอารมณ์ แต่ท่านก็ดึงเรากลับสู่ภาวะอดทนอดกลั้นได้ ถ้าท่านไม่ดึงเราอะไรจะเกิดขึ้น”
เพียงได้แต่หวังว่า เหตุการณ์ทางการเมืองจะเปิดพื้นที่ให้สังคมไทยได้เห็นความสามารถในการบริหารงานด้านอื่นๆ ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ ๙ นี้ในด้านอื่นบ้าง นอกเหนือจากการบัญชาการควบคุมฝูงชน เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือนท่านก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว ไหนๆ ท่านก็พัฒนากำลังพลตำรวจมากกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา หากต่อด้วยการส่งเสริมให้คนที่ได้รับการพัฒนาฝึกอบรมเอาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยก็จะถือได้ว่าเป็นการบริหารศักยภาพกำลังพลครบกระบวนการ
อยากเห็นสังคมไทยมีตำรวจมืออาชีพที่กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต!!
ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20140326/181657.html#.UzaHLuOxFIc
วันนี้ผมพักผ่อนอยู่กับบ้านที่อำเภอเมืองพะเยาครับ ตอนเย็นเลยทานข้าวนอก(ชายคา)บ้านซักมื้อ อร้อยอร่อย
วันนี้ผมพักผ่อนอยู่กับบ้านที่อำเภอเมืองพะเยาครับ ตอนเย็นเลยทานข้าวนอก(ชายคา)บ้านซักมื้อ อร้อยอร่อย
การอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจ (๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗)
วันนี้เป็นวันที่ ๕ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจที่โรงแรมคุ้มภูคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยวันนี้มีการอบรมดังนี้
การอบรมวันนี้เริ่มต้นเมื่อ เวลา ๐๘.๓๐ น.ในหัวข้อวิชา "การติดตามสะกดรอย" โดย พ.ต.ท.อรุณศักดิ์ บัวประเสริฐยิ่ง รอง ผกก.ป.สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่
ในหัวข้อวิชานี้หลังจากวิทยากรให้ความรู้ภาคทฤษฎีแล้วได้มอบหมายให้พวกเราฝึกปฏิบัติการสะกดรอยติดตามคนร้ายตามหัวข้อที่กำหนดโดยพวกเราแบ่งกันออกเป็นทีมและแต่ละทีมประชุมปรึกษาหารือกันก่อนออกปฏิบัติงาน
หลังจากนั้นตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัติ
เวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
ช่วงบ่ายวันนี้การอบรมเริ่มเมื่อเวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.โดยพวกเราทุกคนแต่งกายในเครื่องแบบเพื่อร่วมพิธีปิดการอบรมหลังจากการอบรมเสร็จสิีนแล้วโดย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.๕ บรรยายพิเศษในหัวข้อ "ภาวะผู้นำและธรรมาภิบาล" ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมทั้งสายงานสืบสวนและสายงานป้องกันปราบปรามเข้ารับฟังพร้อมกัน
เวลา ๑๔.๓๐ น.พิธีปิดการอบรมโดย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ภ.๕ เป็นประธาน
หลังจากนั้นผู้เข้ารับการอบรมแต่ละ ภ.จว.ถ่ายภาพร่วมกับผู้บังคับบัญชาก่อนเดินทางกลับที่ตั้ง (ภาพนี้เป็นหัวหน้าสายงานสืบสวนของสถานีตำรวจต่างๆ ในจังหวัดน่านครับ)
<< ภาพประกอบทั้งหมดในการอบรมประจำวันนี้ >>
การอบรมวันนี้เริ่มต้นเมื่อ
ในหัวข้อวิชานี้หลังจากวิทยากรให้ความรู้ภาคทฤษฎีแล้วได้มอบหมายให้พวกเราฝึกปฏิบัติการสะกดรอยติดตามคนร้ายตามหัวข้อที่กำหนดโดยพวกเราแบ่งกันออกเป็นทีมและแต่ละทีมประชุมปรึกษาหารือกันก่อนออกปฏิบัติงาน
หลังจากนั้นตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัติ
เวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
ช่วงบ่ายวันนี้การอบรมเริ่มเมื่อเวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.โดยพวกเราทุกคนแต่งกายในเครื่องแบบเพื่อร่วมพิธีปิดการอบรมหลังจากการอบรมเสร็จสิีนแล้วโดย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.๕ บรรยายพิเศษในหัวข้อ "ภาวะผู้นำและธรรมาภิบาล" ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมทั้งสายงานสืบสวนและสายงานป้องกันปราบปรามเข้ารับฟังพร้อมกัน
เวลา ๑๔.๓๐ น.พิธีปิดการอบรมโดย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ภ.๕ เป็นประธาน
หลังจากนั้นผู้เข้ารับการอบรมแต่ละ ภ.จว.ถ่ายภาพร่วมกับผู้บังคับบัญชาก่อนเดินทางกลับที่ตั้ง (ภาพนี้เป็นหัวหน้าสายงานสืบสวนของสถานีตำรวจต่างๆ ในจังหวัดน่านครับ)
<< ภาพประกอบทั้งหมดในการอบรมประจำวันนี้ >>
การอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจ (๒๗ มีนาคม ๒๕๕๗)
วันนี้เป็นวันที่ ๔ ของการอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจที่โรงแรมคุ้มภูคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยวันนี้มีการอบรมดังนี้
เวลา ๐๙.๐๐ น.ในหัวข้อวิชา "โครงการสัมมนาผู้ปฏิบัติงานสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจ" โดย พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์พิพัฒน์ชัย ผกก.สส.๑ บก.สส.ภ.๕
เวลา ๑๐.๔๖ น. พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.๕ พบปะเยี่ยมเยียนและพูดคุยกั บพวกเราทั้ง ๒ หลักสูตร (สืบสวน ๕๒ คนและป้องกันปราบปราม ๑๓๗ คน) จนถึงเวลาประมาณ ๑๒.๑๕ น.จึงเสร็จสิ้น หลังจากนั้นพวกเราพักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา ๑๓.๐๐ น.การบรรยายพิเศษเรื่องการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการสั่งการและควบคุมสำหรับการสืบสวนอาชญากรรม (CCOC) โดย พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบช.สตม.จนถึงเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น.จึงเสร็จสิ้นการอบรมในวันนี้
<< ภาพการอบรมทั้งหมดประจำวันนี้ >>
เวลา ๐๙.๐๐ น.ในหัวข้อวิชา "โครงการสัมมนาผู้ปฏิบัติงานสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจ" โดย พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์พิพัฒน์ชัย ผกก.สส.๑ บก.สส.ภ.๕
เวลา ๑๐.๔๖ น. พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.๕ พบปะเยี่ยมเยียนและพูดคุยกั
เวลา ๑๓.๐๐ น.การบรรยายพิเศษเรื่องการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการสั่งการและควบคุมสำหรับการสืบสวนอาชญากรรม (CCOC) โดย พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบช.สตม.จนถึงเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น.จึงเสร็จสิ้นการอบรมในวันนี้
<< ภาพการอบรมทั้งหมดประจำวันนี้ >>
การอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจ (๒๖ มีนาคม ๒๕๕๗)
วันนี้เป็นวันที่ ๓ ของการอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจที่โรงแรมคุ้มภูคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยวันนี้มีการอบรมดังนี้
เวลา ๐๙.๐๐ น.ในหัวข้อวิชา "การสืบสวนคดียาเสพติดแนวใหม่" โดย พ.ต.อ.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.ภ.๕
เวลา ๑๐.๐๐ น.อบรมในหัวข้อ "ศูนย์อำนวยการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด" โดย พ.ต.ท.พิเชษฐ์ รุ่งรักษา รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.๕ เสร็จแล้วพักรับประทานอาหารว่าง
เวลา ๑๑.๐๐ น.บรรยายพิเศษโดย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ภ.๕ จนถึงเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา ๑๓.๐๐ น.อบรมหัวข้อวิชา "การขยายผลการสืบสวนคดียาเสพติดฯ" โดย พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ภ.จว.ลำปาง
เวลา ๑๔.๑๕ น. พ.ต.ท.พินิจ เนตรปัญญา รอง ผกก.ป.สภ.สบปราบ ภ.จว.ลำปางร่วมบรรยายในหัวข้อเดียวกัน
๑๔.๕๕ น.พักรับประทานอาหารว่าง
เวลา ๑๕.๐๐ น.อบรมหัวข้อวิชา "การสืบสวนคดีค้างเก่า" โดย พ.ต.ต.นพฤทธิ์ กันทา สว.กกสส.๒ บก.สส.ภ.๕
หัวข้อวิชานี้มีประชุมสุมหัวการดำเนินการตามหมายจับเป็นกลุ่มด้วยโดย พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผลช.ภ.๕ รวมถึง รอง ผบก.ที่มาร่วมสังเกตการณ์การอบรมให้คำแนะนำกับพวกเราอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียวครับ
เวลา ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเย็น
เวลา ๑๙.๐๐ น. อบรมหัวข้อวิชา "การดำเนินการภายหลังการสืบสวน" โดย พ.ต.อ.จิตต์พิสุทธิ์ อิ่มสงวน ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.๕
เวลา ๒๐.๑๕ น. อบรมหัวข้อวิชา "การสรุปรายงานการสืบสวนเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชา" โดย พ.ต.ท.เรวัตร ยืนธรรม รอง ผกก.สส.๒ บก.สส.ภ.5จนถึงเวลาประมาณ ๒๑.๓๐ น.จึงเสร็จสิ้นการอบรมประจำวันนี้
<< ภาพประกอบทั้งหมดของการอบรมวันนี้ >>
เวลา ๐๙.๐๐ น.ในหัวข้อวิชา "การสืบสวนคดียาเสพติดแนวใหม่" โดย พ.ต.อ.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.ภ.๕
เวลา ๑๐.๐๐ น.อบรมในหัวข้อ "ศูนย์อำนวยการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด" โดย พ.ต.ท.พิเชษฐ์ รุ่งรักษา รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.๕ เสร็จแล้วพักรับประทานอาหารว่าง
เวลา ๑๑.๐๐ น.บรรยายพิเศษโดย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ภ.๕ จนถึงเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา ๑๓.๐๐ น.อบรมหัวข้อวิชา "การขยายผลการสืบสวนคดียาเสพติดฯ" โดย พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ภ.จว.ลำปาง
เวลา ๑๔.๑๕ น. พ.ต.ท.พินิจ เนตรปัญญา รอง ผกก.ป.สภ.สบปราบ ภ.จว.ลำปางร่วมบรรยายในหัวข้อเดียวกัน
๑๔.๕๕ น.พักรับประทานอาหารว่าง
เวลา ๑๕.๐๐ น.อบรมหัวข้อวิชา "การสืบสวนคดีค้างเก่า" โดย พ.ต.ต.นพฤทธิ์ กันทา สว.กกสส.๒ บก.สส.ภ.๕
หัวข้อวิชานี้มีประชุมสุมหัวการดำเนินการตามหมายจับเป็นกลุ่มด้วยโดย พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผลช.ภ.๕ รวมถึง รอง ผบก.ที่มาร่วมสังเกตการณ์การอบรมให้คำแนะนำกับพวกเราอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียวครับ
เวลา ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเย็น
เวลา ๑๙.๐๐ น. อบรมหัวข้อวิชา "การดำเนินการภายหลังการสืบสวน" โดย พ.ต.อ.จิตต์พิสุทธิ์ อิ่มสงวน ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.๕
เวลา ๒๐.๑๕ น. อบรมหัวข้อวิชา "การสรุปรายงานการสืบสวนเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชา" โดย พ.ต.ท.เรวัตร ยืนธรรม รอง ผกก.สส.๒ บก.สส.ภ.5จนถึงเวลาประมาณ ๒๑.๓๐ น.จึงเสร็จสิ้นการอบรมประจำวันนี้
<< ภาพประกอบทั้งหมดของการอบรมวันนี้ >>
การอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจ (๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗)
วันนี้เป็นวันที่ ๒ ของการอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจที่โรงแรมคุ้มภูคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยวันนี้มีการอบรมดังนี้
การอบรมวันนี้เริ่มเวลา ๐๙.๐๐ น. ในหัวข้อวิชา "นิติวิทยาศาสตร์" โดย พ.ต.อ.นพคุณ กีรติการกุล นวท.(สบ ๔) พฐ.๕ จนถึงเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.พักรับประทานอาหารว่างหลังจากนั้นเข้ารับการอบรมต่อจนถึงเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น.ก็พักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา ๑๓.๐๐ น. อบรมหัวข้อวิชา "การสืบสวนคดีความมั่นคง" โดย พ.ต.ท.มนตรี ภูมิสะอาด สว.กก.สส.๒ บก.สส.ภ.๕ และคณะ
เวลา ๑๕.๐๐ น. อบรมในหัวข้อวิชา "เทคนิคการเฝ้าจุดติดตามสะกดรอย" โดยคุณครู พ.ต.ท.อรุณศักดิ์ บัวประเสริฐยิ่ง รอง ผกก.สันทราย จว.เชียงใหม่จนถึงเวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น.
เวลา ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเย็น
<< ภาพทั้งหมดของการอบรมวันนี้ >>
การอบรมวันนี้เริ่มเวลา ๐๙.๐๐ น. ในหัวข้อวิชา "นิติวิทยาศาสตร์" โดย พ.ต.อ.นพคุณ กีรติการกุล นวท.(สบ ๔) พฐ.๕ จนถึงเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.พักรับประทานอาหารว่างหลังจากนั้นเข้ารับการอบรมต่อจนถึงเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น.ก็พักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา ๑๓.๐๐ น. อบรมหัวข้อวิชา "การสืบสวนคดีความมั่นคง" โดย พ.ต.ท.มนตรี ภูมิสะอาด สว.กก.สส.๒ บก.สส.ภ.๕ และคณะ
เวลา ๑๕.๐๐ น. อบรมในหัวข้อวิชา "เทคนิคการเฝ้าจุดติดตามสะกดรอย" โดยคุณครู พ.ต.ท.อรุณศักดิ์ บัวประเสริฐยิ่ง รอง ผกก.สันทราย จว.เชียงใหม่จนถึงเวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น.
เวลา ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเย็น
<< ภาพทั้งหมดของการอบรมวันนี้ >>
การอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจ (๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗)
วันนี้เป็นการอบรมหลักสูตรหัวหน้าสายงานสืบสวนในสถานีตำรวจวันแรกซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดให้มีขึ้นจำนวน ๕ วันระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗ ณ โรงแรมคุ้มภูคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่โดยรุ่นนี้ผู้เข้ารับการอบรมเป็นนายตำรวจผู้ดำรงตำแหน่งรอง ผกก.สืบสวนและหัวหน้าสถานีตำรวจที่มีตำแหน่งระดับสารวัตรจากจังหวัดน่าน,แพร่และแม่ฮ่องสอนจำนวน ๕๒ คน การอบรมนั้นตำรวจภูธรภาค ๕ ซึ่งรับผิดชอบการอบรมในส่วนของตำรวจในสังกัดจัดให้พวกเราศึกษาอบรมและพักผ่อนหลับนอนรวมถึงทานอาหาร ทำกิจกรรมที่โรงแรมแห่งนี้ตลอดระยะเวลาการอบรมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับพวกเราครับ
สำหรับการอบรมวันนี้มีลำดับดังนี้
เวลา ๐๗.๓๐ น.พิธีปฐมนิเทศผู้เข้ารับการอบรมโดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ผ่านระบบ Video conference จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปยังผู้เข้ารับการอบรมภาคต่างๆ ที่มีการอบรมพร้อมกันในวันนี้
เวลา ๐๘.๐๕ น.พิธีเปิดการอบรมโดย พล.ต.ต.ธนิตจศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.๕ เป็นประธาน (ในพิธีเปิดการอบรมนั้นพวกเราสายงานสืบสวนกับสายงานป้องกันปราบปรามซึ่งจัดการอบรมพร้อมกัน ณ ที่แห่งนี้ร่วมพิธีเปิดพร้อมกันโดยผู้เข้ารับการอบรมสายงานปราบปรามเป็นรอง ผกก.ป้องกันปราบปรามและ สวป.(กรณีที่ สภ.นั้นหัวหน้าหน่วยเป็นระดับ สวญ.จากสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค ๕ จำนวน ๑๕๓ สถานี)
เวลา ๐๘.๒๕ น.การบรรยายพิเศษหัวข้อ "การมีส่วนร่วมของประชาชนในงานตำรวจ" โดย พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.๕ (สายงานสืบสวนและป้องกันปราบปรามเข้ารับฟังการบรรยายพิเศษพร้อมกัน)
เวลา ๐๙.๒๐ น.การบรรยายหัวข้อ "การเตรียมพยานหลักฐานเพื่อการสอบสวนและกระบวนการยุติธรรม" โดย พ.ต.อ.ยงยุทธ ชัยสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ ภ.จว.เชียงใหม่
เวลา ๑๒.๐๐ น.พักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา ๑๓.๐๐ น.การบรรยายหัวข้อ "หลักทั่วไปในการสืบสวน" โดย พ.ต.ท.นริช สอนดิช รอง ผกก.สส.ภ.๕
เวลา ๑๕.๓๐ น.การบรรยายหัวข้อ "เทคนิคการสืบสวน" โดย พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน สวป.สภ.สันทราย จว.เชียงใหม่
เวลา ๑๘.๐๐ น.รับประทานอาหารค่ำ
<< ภาพทั้งหมดของการอบรมในวันนี้ >>
สำหรับการอบรมวันนี้มีลำดับดังนี้
เวลา ๐๗.๓๐ น.พิธีปฐมนิเทศผู้เข้ารับการอบรมโดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ผ่านระบบ Video conference จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปยังผู้เข้ารับการอบรมภาคต่างๆ ที่มีการอบรมพร้อมกันในวันนี้
เวลา ๐๘.๐๕ น.พิธีเปิดการอบรมโดย พล.ต.ต.ธนิตจศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.๕ เป็นประธาน (ในพิธีเปิดการอบรมนั้นพวกเราสายงานสืบสวนกับสายงานป้องกันปราบปรามซึ่งจัดการอบรมพร้อมกัน ณ ที่แห่งนี้ร่วมพิธีเปิดพร้อมกันโดยผู้เข้ารับการอบรมสายงานปราบปรามเป็นรอง ผกก.ป้องกันปราบปรามและ สวป.(กรณีที่ สภ.นั้นหัวหน้าหน่วยเป็นระดับ สวญ.จากสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค ๕ จำนวน ๑๕๓ สถานี)
เวลา ๐๘.๒๕ น.การบรรยายพิเศษหัวข้อ "การมีส่วนร่วมของประชาชนในงานตำรวจ" โดย พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.๕ (สายงานสืบสวนและป้องกันปราบปรามเข้ารับฟังการบรรยายพิเศษพร้อมกัน)
เวลา ๐๙.๒๐ น.การบรรยายหัวข้อ "การเตรียมพยานหลักฐานเพื่อการสอบสวนและกระบวนการยุติธรรม" โดย พ.ต.อ.ยงยุทธ ชัยสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ ภ.จว.เชียงใหม่
เวลา ๑๒.๐๐ น.พักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา ๑๓.๐๐ น.การบรรยายหัวข้อ "หลักทั่วไปในการสืบสวน" โดย พ.ต.ท.นริช สอนดิช รอง ผกก.สส.ภ.๕
เวลา ๑๕.๓๐ น.การบรรยายหัวข้อ "เทคนิคการสืบสวน" โดย พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน สวป.สภ.สันทราย จว.เชียงใหม่
เวลา ๑๘.๐๐ น.รับประทานอาหารค่ำ
<< ภาพทั้งหมดของการอบรมในวันนี้ >>