วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ราตรีสวัสดิ์ (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ราตรีสวัสดิ์คร้าบบบบบบบบ” เสียงร้องตะโกนลั่นดังมาจากข้างบน
ฝันดีนะคร้าบบบบบ” เราตะโกนตอบขึ้นไป
เช่นกันคร้าบบบบอ้ายลุงดาบสุดหล่อและพี่น้องในเฟสบุ๊คของอ้ายลุงดาบทุกคน รักนะ จุ๊บๆ” ผู้ต้องหาในห้องขังตะโกนตอบลงมา

แหม ปากหวานนะเจ้าคนนี้ ๕๕๕

โน้ต เชิญยิ้ม ทดลองออกอากาศ (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

นี่ถ้าใครมาเล่าให้ฟังโดยเราไม่เห็นกะตานะเราจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดเลยว่าพี่โน้ต เชิญยิ้ม ตลกและนักแสดงชั้นครูน่ะตอนนี้ต้องทดลองออกอากาศ 
แหม่ ระดับพี่โน้ตน่ะสุดยอดเซียนแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นทดลองออกอากาศก็ว่าไปอย่าง งงเลย "พี่โน้ตทดลองออกอากาศ" เฮ้อ เป็นไปได้ไงเนี่ย

ผู้จัดรายการนี้น่าจะเข้มนะผมว่า แหม ขนาดพี่โน้ตเชิญยิ้มยังได้แค่ "ทดลองออกอากาศ" ๕๕๕

นี่ถ้าพี่โน้ตแกมาเห็นเข้ารับรองเราได้เป็น "เหียอู๊ด เชิญยิ้ม" แหงๆ

โรงพักเฮฮา : ตอน “คนไม่ดี” (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ป้าเป็ง : อ้ายลุงดาบอู๊ดเจ๊า บอกป้ากำเลาะ(หน่อยฮิ) ว่าลูกป้ามันมอก(แค่)คนบ่ดีแล้วจะใด(ทำไม)ลูกน้องอ้ายลุงดาบอู๊ดต้องยับ(จับ)มันมาเข้าคอก(ห้องขัง)ตวย (ด้วย)
อ้ายลุงดาบอู๊ด : จริงๆ แล้วนะป้าถ้าไอ้ปื๊ดลูกป้ามันแค่คนไม่ดีก็คงไม่มีตำรวจคนไหนเขาจับหรอก แต่มันเลือดร้อนไปหน่อย แหม แค่เพื่อนฝูงบอกว่า “คนให้มันดีๆ หน่อยขนมน่ะ” แค่เนี้ยก็โมโหแล้วเอาขนมในกระทะใบบัวที่คนอยู่ซึ่งกำลังร้อนๆ สาดหน้าเพื่อนๆ จนต้องหามเข้าโรงพยาบาลแบบนี้น่ะมันเข้าข่ายทำร้ายร่างกายก็เลยถูกจับครับป้า


เค้าโครงเรื่องนี้มาจากเจ้าหนุ่มเลือดร้อนคนหนึ่งที่กำลังคนขนมในงานเห็นอดีตแฟนเก่าของสาวที่ตัวเองกำลังจีบอยู่เดินผ่านมา จะด้วยความโมโหหรืออะไรไม่ทราบเลยเอาขนมที่คนอยู่นั้นสาดหน้าเจ้าอดีตแฟนเก่าของแฟนตัวเองซะ ผลสุดท้าย...ถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น

นี่ครับข้อหาที่ว่า "มาตรา ๒๙๕ (ประมวลกฎหมายอาญา) ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จ่ายตลาด (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

เขาใช้ ให้ไปตลาด
จะมัวนวยนาด ยืดยาดไม่ได้

จึงมา ด้วยความเต็ม(จำ)ใจ
หน้าที่เราไง อย่าให้ดุเอา

ซื้อของ กันตามออเดอร์
จากที่คุณเธอ จดให้ไงเล่า

เสร็จแล้ว รีบกลับบ้านเรา
ไม่งั้นตัวเจ้า นั้นจะถูกตี (จ้า)

ลูกสาวผมนับ ๑-๑๐ เป็นตั้งแต่ตอนเล็กๆ ก็เพราะซื้อไข่จากป้าคนนี้นี่แหละ "ลูก เอาไข่ให้พ่อ ๑๐ แก่น เอ้า..ไหนลองนับซิ ๑..๒..๓..๑๐" แต่ตอนนี้ลูกโตเป็นสาวแล้วพอพ่อเธอพอมาตลาดนี้เมื่อไรเธอแทบจะไม่เข้าใกล้ร้านป้าเพราะเธอกลัวพ่อพูด ""ลูก เอาไข่ให้พ่อ ๑๐ แก่น เอ้า..ไหนลองนับซิ..." อีก 

"พ่อ ลูกโตแล้วนะ อายเขา" เธอพูด ๕๕๕
<=== ตอนฝึกนับไข่ ๑-๑๐



ตอนนี้ ===>


<=== คนพ่อก็เลยเป็นงี้ ๕๕๕

ควันหลงตอนไปจ่ายตลาดเมื่อตะกี๊...
แม่ค้า : บ่ได้ป๊ะอ้ายจ้าดเมินแล้ว สบายดีก๊ะอ้าย
คนใช้ : สบายน่ะมันดีน้อง แต่ถ้าบ่สบายเนี่ยะมันบ่ดี
แม่ค้า : ฮึ กำเดียวเต๊อะอ้ายนี่ เอ้อ แล้วลูกสาวคนที่เคยมานับไข่น่ะตอนนี้เฮียน ม.หยังแล้วอ้าย
คนใช้ : โฮะ ม.เมอหยัง เฮียนมหาวิทยาลัย เปิดเทอมก็จะขึ้นปี ๓ แล้วจ้า 
แม่ค้า
: เปิงก้ะ ว่าจะใดคนป้อถึงเฒ้าเฒ่า อิอิ

สุขสันต์วันเกิดแมะเผือน มัจฉา (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

วันนี้เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด ๗๗ ปีของแมะเผือน มัจฉา ขออวยพรให้แมะสุขภาพแข็งแรง อายุ่มั่นขวัญยืนและอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกๆ หลานๆ ตราบนานเท่านาน


สุขสันต์วันเกิดหนะแมะ รั่กแมะหนะ







คำว่า “แม่” แม้พยางค์ เพียงสั้นสั้น
แต่ “แม่” นั้น ท่านสูงส่ง กว่าทุกที่

เราเกิดมา เป็นตัวตน จนวันนี้
เพราะว่ามี แม่นั้น ท่านห่วงใย

แม่ถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงลูกน้อย
ตั้งแต่ตีน เท่าฝาหอย จนเติบใหญ่

แม่ไม่เคย หวังตอบแทน จากสิ่งใด
นอกจากให้ ความรัก ความเมตตา

พระคุณแม่ ล้นฟ้า มหาสมุทร
เกินคำพูด หรือวจี ที่สรรหา

สมควรที่ ทุกท่าน กตัญญูตา
คิดถึงแม่ บ้างหนา ลูกหญิงชาย

“ถ้าไม่มีเพาะกะแมะ” ฉันก็คงมีสภาพแบบที่เห็น แม้ว่าการเป็นชาวนาจะเป็นอาชีพที่น่ายกย่อง สรรเสริญและสมควรให้กำลังใจที่เอาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินปลูกข้าวเลี้ยงคนไทยทั้งประเทศและทั่วโลกอย่างเหน็ดเหนื่อยตรากตรำก็ตาม แต่ “เพาะกะแมะ” ก็ไม่ยอมให้ฉันเป็นแบบนี้ อุตส่าห์ส่งเสียเลี้ยงดูแลให้ฉันได้ร่ำเรียนจนมีอาชีพการงานจนถึงทุกวันนี้ 
“กราบเท้าขอบคุณเพาะกะแมะเป็นอย่างสูงนะครับ”

อย่าดูหมิ่นชาวนาเหมือนดั่งตาสี
เอาผืนนาเป็นที่ พำนักพักพิงร่างกาย
ชีวิตเอย ไม่เคยสบาย

ฝ่าเปลวแดดแผดร้อนแทบตาย
ไล่ควายไถนาป่าดอน

เหงื่อรินหยด หลั่งลงรดแผ่นดินไทย
จนผิวดำเกรียมไหม้ แดดเผามิได้อุทธรณ์
เพิงพักกาย มีควายเคียงนอน
สาบควายกลิ่นโคลนเคล้าโชยอ่อน
ยามนอนหลับแล้วใฝ่ฝัน

กลิ่นโคลนสาบควายเคล้ากายหนุ่มสาว
แห่งชาวบ้านนา ไม่ลอยเลิศฟ้าเหมือนชาวสวรรค์
หอมกลิ่นน้ำปรุงฟุ้งอยู่ทุกวัน กลิ่นกระแจะจันทร์
หอมเอยผิวพรรณนั้นต่างชาวนา

อย่าดูถูกชาวนาเห็นว่าอับเฉา มือถือเคียวชันเข่า
เกี่ยวข้าวเลี้ยงเราผ่านมา ชีวิตคนนั้นมีราคา
ต่างกันแต่ชีวิตชาวนา บูชากลิ่นโคลนสาบควาย

กลิ่นโคลนสาบควายเคล้ากายหนุ่มสาว
แห่งชาวบ้านนา ไม่ลอยเลิศฟ้าเหมือนชาวสวรรค์
หอมกลิ่นน้ำปรุงฟุ้งอยู่ทุกวัน กลิ่นกระแจะจันทร์
หอมเอยผิวพรรณนั้นต่างชาวนา

อย่าดูถูกชาวนาเห็นว่าอับเฉา มือถือเคียวชันเข่า
เกี่ยวข้าวเลี้ยงเราผ่านมา ชีวิตคนนั้นมีราคา
ต่างกันแต่ชีวิตชาวนา บูชากลิ่นโคลนสาบควาย

..........
เพลง "กลิ่นโคลนสาบควาย"
ไพบูลย์ บุตรขัน : แต่ง

ชาญ เย็นแข : ขับร้อง

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ชายชราอายุ ๕๐ ปี (๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

อั๊ยยะ มาอีกแล้วคร้าบ "...ในที่เกิดเหตุพบชายชราอายุ ๕๐ ปี..." นักข่าวสาวทีวีช่องหนึ่งรายงาน

นักข่าวหญิงวัยกลางคนอายุ ๓๐ : “ขอทราบว่าที่คุณลุงวัยชราอายุกว่า ๕๐ ขับรถไปส่งลูกสาวที่ ม.แม่โจ้วันนี้เหนื่อยไหมคะ
คุณลุงวัยชรา : ก็เหนื่อยเกี๊ย แต่ไม่เป็นไรเหาะ เพื่อลูก คนชราทำได้หมดแหนะ เอ้อ แล่วนักข่าววัยกลางคนมีลูกหรือยังล่ะ
นักข่าวฯ : มีแล้วค่ะ ลูกหนูเรียน ป.๑ อายุ ๖ ขวบ
คุณลุงฯ : อ้ะ งั่นก็ส้ะแดงว่าเป็นวัยรุ่นแล่วฮิ่ลูกนั่กข่าวน่ะ ๕๕๕
จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เพียงแต่อยากจะรู้ว่านักข่าวสาวคนนี้เธอเอาเกณฑ์อะไรมาวัดว่าคนอายุ ๕๐ น่ะเป็นคนชราแล้วเท่านั้นเอง เฮ้อ ใจคอนักข่าววัยกลางคนอายุ ๓๐ คนนี้ไม่อยากให้คนอายุยืนกันเลยรึไงจ๊ะ ๕๕๕
คืนนี้ขออนุญาตลาพี่น้องไปนอนหลับด้วยภาพในช่วงวัยกลางคนนะครับ ภาพนี้ผมอายุ ๓๐ ปีพอดี๊พอดี กลางคนเป๊ะๆ (ตามสายตาของนักข่าวคนนั้น)

ฝันดีกันทุกคนนะ / ราตรีสวัสดิ์จ้า


ส่งลูกสาวเข้าแม่โจ้ (๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ช่วงบ่ายผมเดินทางไปส่งนางสาวไทยเข้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ครับ ตอนนี้ปิดเทอมปี ๒ แล้วแต่ช่วงปิดเธอลงเรียนซัมเมอร์โดยบอกว่า "ลูกอยากเรียนจบเร็วๆ จะได้ช่วยพ่อกับแม่ทำงานค่ะ"


แหม่ น่ารั่กจริงๆ ลูกสาวคนนี่ ถอดแบบความน่ารั่กมาจากใครเนี่ย ๕๕๕

โรงพักเฮฮา : ตอน "นายครับ ที่โฮงพักมีงาน" (๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

“สวัสดีครับนาย...” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งพูดกับผมทางโทรศัพท์ “...นายครับ ที่นายสั่งไว้ว่าช่วงนายไม่อยู่นี่ถ้าโฮงพักมีงานช่วยโทรบอกด้วย อ้ะ ตอนนี้ที่โฮงพักมีงานครับนาย”
“งานอะไร ด่วนไหม” ผมถาม
“ก็บ่ด่วนครับ...” เจ้าหน้าที่ตอบ “...ตอนนี้สิบเวรกำลังทำความสะอาดห้องขัง วันนี้โฮงพักเฮาบ่มีผู้ต้องหาอ้ายเปิ้นก็เลยใช้โอกาสนี้เผี้ยว (ทำความสะอาด,ปัดกวาด,เช็ดถู) ซะเลยครับนาย”
....แหม ลูกน้องอ้ายลุงดาบอู๊ดนี่ช่างซื่อสัตย์และถือปฏิบัติตามคำสั่งของนายเขาได้ดีจริงๆ ปีนี้เอาไปครึ่งขั้น...ฐานทำให้นายต๊กกะใจ เฮ้อ “ที่โฮงพักมีงาน” ฮึ่มมมม
ช่วงวันหยุดแบบนี้ทุกโรงพักนอกจากจะมีเจ้าหน้าที่เข้าเวรยามตามปกติแล้วยังจะต้องจัดนายตำรวจระดับสารวัตรขึ้นไป ๑ คนทำหน้าที่เวรอำนวยการชั้นผู้ใหญ่ประจำวันหยุดด้วยซึ่งวันนี้เป็นเวรของนายตำรวจคนอื่น ส่วนผม...พักครับ

ไอ้ช่อนตกพลั่ก (๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ช่าววันนี่แช้นตามเพาะก๊ะแมะไปไถนา แหม่ เจอะไอ้ช่อนตกพลั่กตั้งเบิก แช้นก๊ะเพื่อนจับได้มาคนพอแรง ดีแล่วเกี๊ย ไอ้ช่อนตัวที่เห็นเหนี่ยเดี๋ยวถึงบ้านแช้นจ้ะให้แมะต้มส้มก๊ะใบม่ะขามอ่อนให้กิน อ้ะ เอาได้ๆ เย้


ด.ช.สุพจน์ มัจฉา บ้านพังราดไทย / ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๑๓
(พี่น่องแปลคำร่ะยองกันเอาเองหนะ เพร่าะแช้นเองก็ฟังไม่ค่อยจ้ะรู่เรื่องเหมือนกันแหนะ ๕๕๕)

 อ้ะ เฉลยคำร่ะยองให้นี้ดนึงก้อด้าย 
"ปลาตกพลั่ก" = ปลาติดตม , "ตั้งเบิก,พอแรง" = มาก,มากมาย 
"เอาได้" = เอาได้แหนะ ไม่ใช่รา (ไรหรอก) ๕๕๕


สบายๆ วันหยุด (๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

จริงๆ แล้ววันหยุดเนี่ยะสบ๊ายสบายครับพี่น้อง ก็แค่ล้างรถ ถูบ้าน ล้างถ้วยล้างจาน ซักผ้า ตากผ้า หุงข้าว ฯลฯ ให้เรียบร้อยเท่านั้นแหละรับรองว่าจะไม่มีเสียงอู๊อี๊ๆ ให้ได้ยินจนต้องรำคาญอีก อ้ะ สบ๊ายสบาย เชื่อผมฮิ่ ๕๕๕


อรุณสวัสดิ์ครับ (๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

"สุมาเต๊อะเจ๊าอายลุงดาบ..." คุณยายคนหนึ่งถามผมขณะอยู่ที่โรงพักแม่จริม จังหวัดน่าน ประเทศไทย ทวีปเอเชีย โลก ระบบสุริยะจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือกช่วงบ่ายวันนี้ "...อ้ายลุงดาบจื้อหยัง (ชื่ออะไร) เจ๊า"
"ฮั่นแน่..." ผมตอบยายแกแบบยิ้มๆ "...แสดงว่าคุณยายต้องเป็นแฟนผมในเฟสบุ๊คแน่ๆ เพราะหลายคนเขาก็ถามผมแบบนี้ แหม สุดยอดไปเลยครับคุณยาย"
"เฟสเฟิ้สบ่าหยัง ยายบ่ฮู้จัก..." ยายตอบ "...เอาเต๊อะน่า บอกยายจิ่มว่าอ้ายลุงดาบจื้อหยัง"
"ชื่อผมก็ตามป้ายชื่อนี่แหละครับยาย" ผมพูดพร้อมชี้มือไปที่ป้ายชื่อที่ติดเครื่องแบบ
"โฮะ..." ยายพูดพร้อมทำหน้าแบบเซ็งๆ "...แล้วยายจะฮู้ได้จะใดล่ะ ก็ยายน่ะอ่านหนังสือบ่ออก ถ้าอ่านออกยายจะถามหื้อเสียเวลายะหยัง ฮึ"

ทายฮิ เด็กคนนี้ชื่ออะไร ใครตอบถูกมีรางวัล เย้


วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ (๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ตำรวจเรา เปรียบไป คล้ายเรือเมล์
เหมือนดั่งหนึ่ง ลิเก เร่หาวิก

หรือดังเช่น รถไฟ ก็ใช่อีก
ไม่เคยหลีก หนีจาก ประชาชน

ที่ไหนมี น้องพี่ มีตำรวจ
จะคอยตรวจ เช้าจรดแจ้ง ทุกแห่งหน

เป็นสุขเถิด พี่น้อง และผองชน
เราสุขล้น เมื่อทุกคน นั้นสุขใจ


วันนี้ที่แม่จริม (๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ทำงาน-ตามเวลา สุขอุราพาเพลินใจ
ทำงาน-แล้วสบาย จิตแจ่มใสกายแข็งแรง
ทำงาน-ตามหน้าที่ แล้วจะดีทุกหนแห่ง
ทำงาน-เพื่อแสดง ว่าตัวเราคนทำงาน




ลุงคนหนึ่ง : 30)_()&%^&#$@#%$^+-+/|+_
ลุงดาบ : -*/+=@#$++()**&*J*^&H%30(*!
เจ้าหน้าที่ : แฮ่ะๆ คราวนี้ผมรู้แล้วครับนายว่าลุงผีบ้า (คนสติไม่สมประกอบ) น่ะต้องมาขอตังค์ตำรวจเรา ๓๐ บาทไปกินข้าวเหมือนวันนั้นแน่ๆ เลยเพราะได้ยิน ๓๐ ด้วย นายว่าผมพูดถูกไหมครับ
ลุงดาบ : ถูกกะผีอะไรล่ะ ลุงแกมาบอกว่าเลขเด็ดงวดนี้อย่าลืม ๓๐ ต่างหาก ๕๕๕


พักเบรกจ้า
ที่ไหนมีงาน ที่นั่นมีเรา เดินหาซิ่เจ้า รออยู่ไฉน
งานไม่มีขา ที่จะพาไป ขาเรามีไว้ ในการใช้เดิน
อย่าแอ๊กวางท่า ว่าข้าคือนาย ข้าทำไม่ได้ มันขัดมันเขิน
นายกินข้าวไหม ไม่ใช่ก็เชิญ ขอให้เจริญ เถอะครับนายนาย



ก็น่านน่ะซิ่ ที่นี่เมืองน่าน สวยงามตระการ ก็น่านน่ะซิ่
เมืองน่านของเรา เขามีสิ่งดี ต้อนฮับน้องพี่ ผู้ที่มาเยือน
ก็น่านน่ะซิ่ มีดีให้ชม ท่านจะสุขสม หาที่ใดเหมือน
เชิญครับทุกท่าน เยี่ยมน่านถึงเรือน พี่น้องผองเพื่อน มาเยือนน่านกัน 

.........
ช่วงบ่ายเข้าร่วมประชุมที่ ภ.จว.น่านครับ

การประชุมเสร็จแล้ว ทำไง ต่อดี
ก็กลับพะเยาได้ ซิ่เจ้า
เดินทางสู่ที่หมาย สวัสดิ ภาพนา
บ้านช่องเช็ดถูเช้า อีกถ้วย ช้อนจาน (จ้า)

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คืนนี้ที่แม่จริม (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ที่เที่ยวนั้นไม่ต้อง ถามหา
ยามค่ำย่ำสนธยา อยู่บ้าน
แสงสีแจ่มตระการ ที่นี่ บ่มี
มีแต่เพียงเรานั้น อยู่เหย้า เฝ้ายาม


โรงพักเฮฮา : ตอน "วันนี้ไม่มีผู้ต้องหา" (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

เมื่อตะกี๊ไปตรวจห้องขังที่โรงพัก
"เอ๊า แล้วผู้ต้องหาหายไปไหนหมด ทำไมไม่มีซักคน" ผมถามสิบเวรเสียงเครียด
"วันนี้โฮงพักเฮาบ่มีผู้ต้องหาครับนาย..." สิบเวรตอบ "...เป็นเดือนแล้วก็บ่มี แต๊ๆ ครับบ่มี" 
"ไม่มีได้ยังไง..." ผมพูด "...ก็เมื่อตะกี๊ผมดูในสมุดประจำวันที่เจ้าหน้าที่เอามาให้น่ะเห็นลงว่ามีผู้ต้องหาตั้ง ๓ คน"
"สุมาเต๊อะครับนาย..." คราวนี้เจ้าหน้าที่ประจำวันซึ่งเดินจากชั้นล่างขึ้นมาชั้นบนพูด "...สมุดประจำวันที่นายผ่อ(ดู)เมื่อตะกี๊น่ะมันเป็นของวันนี้เมื่อปีที่แล้ว ผมหยิบหื้อนายผิด นี่ครับ เล่มนี้ของวันนี้ซึ่งผมก็ลงบันทึกไว้ว่าวันนี้บ่มีผู้ต้องหาครับ"



เฮ้อ จริงของเขา เราโง่เอง ๕๕๕

โรงพักเฮฮา : ตอน "แจ้งจับผัวไม่กินข้าว" (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

"อ้ายลุงดาบเจ๊า..." สาวคนหนึ่งพูดกับผม "...ข้าเจ๊ามาขอแจ้งความเจ๊า ผัวข้าเจ้ามันบ่กินข้าว อ้ายลุงดาบช่วยไปจับมาขังจิ่ม(หน่อย)" "
"เอ้อน้อง..." ผมตอบ "...แหม ผัวบ่ยอมกินข้าวเนี่ยะตำรวจคงทำอะไรหรือจับเอามาขังไม่ได้หรอกนะ"
"จะใดจะบ่ได้..." สาวพูด "...ก็มันเอาแต่กินเหล้า เมาทั้งวันทั้งคืน แล้วพอเมาทีไรนะชอบอาละวาดทุบตีลูกเมียประจำ เนี่ยะ ตอนนี้ก็ยังอาละวาดอยู่ที่บ้าน อ้ายลุงดาบไปจับมาขังเลยเจ๊า"

ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์โฆษณานะครับ

แม่จริมเย็นนี้ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

แม่จริมเริ่มมืดครึ้ม เมฆดำ
ประหนึ่งฝนจะพรำ ไม่ช้า
ทุกหนแห่งงดงาม สวยสด
จากแผ่นดินผืนฟ้า จับต้อง ตาใจ 


โคลงสี่สุภาพ (แต่งค่อนข้างยากหน่อยครับ)

โรงพักเฮฮา : ตอน "ผมไม่เอาเรื่องครับ" (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

หนุ่มคนนั้น : "ถึงแม้ผมจะถูกซ้อมมาจนหน้าปูด หน้าบวม ฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัวแบบนี้ผมก็ไม่คิดจะเอาเรื่องหรอกครับอ้ายลุงดาบ"
อ้ายลุงดาบ : "เอ๊า ทำไมล่ะน้อง นี่มันเข้าข่ายเป็นความผิดอาญา ถึงแม้ผู้เสียหายไม่เอาเรื่องแต่ตำรวจเราก็ดำเนินคดีได้นะ"
หนุ่ม : แหม อ้ายลุงดาบอยากจะให้ผมโดนซ้อมอีกเหรอ งานนี้ผมยืนยันว่าไม่เอาเรื่องเพราะคนที่ซ้อมน่ะมันเป็น...เมียผมเอง"



บ่ายวันนี้ที่แม่จริม (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

แดดเผาจนเราดำ นี่จะทำก็ไฉน
ใครเห็นเป็นต้องอาย คนอะไรไยด๊ำดำ
เพราะแดดมันร้อนเปรี้ยง ดำเหมือนเหนี่ยงแลน่าขำ
แต่แม้ตัวจะดำ ใจไม่ดำก็แล้วกัน (น่ารักด้วย) 


อาหารกลางวันวันนี้ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ว้าวววว มื้อนี้น้องๆ เขาเลี้ยง แต่...นายเป็นคนจ่ายจ้า ๕๕๕ สุดยอดไปเล้ย


ที่ทำงานที่แม่จริม (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

ไม่เข้าใจ...ส.ต.ต.คนนี้ทำไมหน้าเฒ้าเฒ่า 
"แฮ่ะๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับพี่น้อง นายตำรวจ(หนุ่ม/หล่อด้วย)คนที่เห็นเนี่ยะชอบทำตัวเป็นเจ้าไม่มีศาล ที่ไหนว่างก็นั่งเซ็นงานไปเรื่อยไม่เป็นที่เป็นทาง บางวันเป็นนายสิบ บางวันเป็นจ่า บางวันก็เป็นดาบ น่ารักจริงจริ๊ง ว้าววว"
อย่างที่เคยบอกนั่นแหละครับสไตล์การทำงานของผมผมชอบเดินไปหางาน เดินไปหาเจ้าหน้าที่แล้วมีอะไรก็เซ็นกันตรงนั้น ไม่ต้องเอามาเสนอผมผมไปหาซะเอง ทำแบบนี้ผมว่าได้อะไรเยอะครับ ที่สำคัญได้ใจน้องๆ เจ้าหน้าที่เขาด้วย งานก็เดินและเสร็จเร็ว

ลุงเอามาขาย (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

“อรุณสวัสดิ์ยามสายๆ ครับอ้ายลุงดาบ...” ลุงคนหนึ่งซึ่งอุ้มเด็กผู้ชายตัวเล็กมาด้วยพูดกับผมที่โรงพักเมื่อตะกี๊ “...ลุงเอามาขาย อ้ายลุงดาบช่วยซื้อจิ่ม(หน่อย)”
“อั๊ยยะ ....ขายเด็ก” ผมรำพึงเบาๆ โดยที่ใครไม่ได้ยิน
“แต๊ๆ ครับลุงต๋ำหนวด...” คราวนี้เด็กน้อยพูดขึ้นมั่ง “...ปู่เอามาขายแต๊ๆ ฮับ”
“แหม ว่าไปลุงก็...” ผมพูดกับลุงแกยิ้มๆ “...ลุงจะขายหลานเลยก๊ะ”
“บ่าใจ้ (ไม่ใช่)....” ลุงพูด “...ลุงกับหลานเอาบ่าหนุน (ขนุน) มาขายต่างหาก อ้ายลุงดาบจ้วยอุดหนุนลุงจิ่มเน้อ ถุงละซาว(ยี่สิบ)บาทเต้าอั๊น”

ขออนุญาตพักเบรกกินขนุนก่อนนะคร้าบบบบบ

สวนทางนายกฯขอพูดเรื่องปฏิรูปตำรวจ? : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

พวกเราเป็นตำรวจรึเปล่าเนี่ย? นี่คือการตั้งคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจของพนักงานสอบสวนอันนำมาซึ่งความอึดอัดใจไม่น้อยกว่าความรู้สึกที่คิดว่าพวกตนเป็นลูกเมียน้อย ในขณะที่ตำรวจในสายอื่นๆ กลับพูดถึงพนักงานสอบสวนที่สวนทางกันอย่างชนิดต่างขั้วต่างมุมว่า พนักงานสอบสวนเป็นพวกมีอภิสิทธิ์ ไม่สนใจใคร สร้างโลกของตัวเอง ไม่เห็นหัวใครในโรงพัก แยกตัวอิสระความรู้สึกที่สวนทางกันนี้เป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากระบบการบริหารงานผิดๆ ที่เหล่าผู้มีอำนาจในอดีตสร้างขึ้น โดยมองปัญหาไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งและไม่มองให้เห็นเหตุปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันของประสิทธิภาพในการทำงานของโรงพัก คิดแต่ว่า เพิ่มค่าตอบแทนเป็นเงินแล้วเรื่องก็จะจบ !!

โรงพักที่ผู้บริหารงาน ตร. บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความสำคัญที่สุด เป็นจุดแตกหักว่าจะทำให้ภารกิจสำคัญของตร.บรรลุหรือไม่นั้นกลับไม่มีรูปธรรมของการพัฒนาประสิทธิภาพงานโรงพักที่ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ? ต้องไม่ลืมด้วยว่า นอกจากตำรวจจราจรแล้วนั้น ตำรวจที่ใกล้ชิดประชาชนอย่างมากคือ พนักงานสอบสวน อย่าหลงผิดคิดว่า การจับให้เขามานั่งเอาหน้าชนกัน(ระหว่างพนักงานสอบสวนกับประชาชนที่มาแจ้งความ) โดยมีสถานที่ดีๆ และให้พนักงานสอบสวนใช้คำพูดปลอบประโลมใจ แค่นั้นจะพอแล้วนะ

นายตำรวจใหญ่ขยายความว่า เนื้อหา และกระบวนการทำงานสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งสามารถเสร็จสิ้นตามกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็วต่างหากที่เป็นสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชนและพนักงานสอบสวน อย่าคิดว่า ให้เงินประจำตำแหน่ง ให้เงินค่าสำนวนแค่นั้นแล้วจะทำให้พนักงานสอบสวนคิดว่าตนเองมีคุณค่า มีความหมายในการทำงาน ถ้าการให้เงินเป็นการแก้ปัญหาจริง พนักงานสอบสวนคงไม่วิ่งย้ายออกกันขนาดนี้นายตำรวจพรั่งพรูเรื่องราวปฐมเหตุแห่งปัญหาของพนักงานสอบสวนที่สะสมมาอย่างยาวนานนับทศวรรษในบริบทที่ผู้มีอำนาจทั้งในส่วนตำรวจและส่วนการเมืองล้วนแก้กันมาแบบไม่ตรงจุด ไม่ตรงสาเหตุจนปรากฏผลสำแดงความผิดพลาดในการวางระบบงานสอบสวนที่ขาดความรู้ความเข้าใจอย่างถึงแก่น

คนมาเป็นตำรวจนะ เชื่อเถอะร้อยทั้งร้อยเขาอยากภูมิใจในความเป็นตำรวจของเขา แต่ตอนนี้งานที่เขาทำมันไม่ต่างจากเสมียน...นั่งพิมพ์ไปสิทั้งวันไม่ได้เงยหน้าเงยตาออกมาจากสำนวนที่กองอยู่เต็มโต๊ะ" ผู้มีความรู้ด้านตัวบทกฎหมายมีมากมาย แต่ผู้รู้เหล่านั้นมีลักษณะธรรมชาติของการทำงานด้านกฎหมายที่แตกต่างจากตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน แตกต่างจากพนักงานสอบสวนที่เป็นตำรวจ

ต้องเริ่มต้นวิเคราะห์ตั้งแต่จุดเริ่มต้น อย่าลืมว่าเขาเข้ามาเป็นตำรวจนะ เขาไม่ได้บอกว่าฉันจะสอบไปเป็นพนักงานสอบสวน ตอนที่เขามีแรงบันดาลใจไปสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจน่ะนายตำรวจใหญ่ขยายความที่มาได้อย่างน่าสนใจ เชื่อเถอะว่าคนมาเป็นตำรวจ เขาอยากภาคภูมิใจว่าเขาได้ช่วยคน แต่เป็นการช่วยในบทของตำรวจนักสอบสวนไม่ใช่ช่วยนอกบทคำว่าบทของตำรวจตามที่นายตำรวจพูด หมายถึง การทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์อันเกิดจากการที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในคดีอาญาที่เป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงของตำรวจทุกนาย รวมถึงพนักงานสอบสวน ทุกวันนี้พิมพ์สำนวน จนนึกไม่ออกว่าช่วยคนยังไง ทำแต่สำนวนคดีไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด ???” ความบกพร่องที่เกิดขึ้นคือการขาดความร่วมมืออย่างแท้จริงของฝ่ายสืบสวนสอบสวนและป้องกันปราบปราม ดังนั้นถ้าแยกหน่วยงานออกไปจะแย่ยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่านัก !!

พนักงานสอบสวนต้องการทำงานอย่างมีคุณค่าให้แก่ประชาชนเหมือนตำรวจคนอื่นๆ นั่นแหละ เช่น การลงพื้นที่ การหาข้อมูล การคิดวิเคราะห์ วางแผน จับกุมคนร้าย การนำข้อมูลมาเทียบเคียงตัวบทกฏหมายแล้วดำเนินการตามกฎหมาย เป็นต้นพนักงานสอบสวนเพียงแต่อยากจะขอให้พวกเขาได้มีโอกาสได้ใช้วิชาความรู้ด้านการสืบสวนสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมมาใช้เป็นหลักสำคัญประกอบในการทำสำนวนคดีด้วยบ้าง ไม่ใช่ให้พวกเขาจำต้องนั่งก้มหน้าก้มตาพิมพ์สำนวนอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ พนักงานสอบสวนเป็นตำรวจ ต้องการแสดงบทบาทตำรวจ อยากได้ตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย ไม่มีตำรวจคนไหนอยากทำหน้าที่แค่พิมพ์ พิมพ์ และพิมพ์เอกสารหรอก

อย่ามาพูดว่าก็ไม่ได้ห้ามนี่ พนักงานสอบสวนก็ต้องไปสอบสวนสืบสวนหาพยานหลักฐานมาประกอบอยู่แล้ว ถ้าพูดแบบนี้ เรียกว่าไม่เข้าใจปัญหาแล้ว และตอนนี้สำนวนที่ค้างอยู่มีจำนวนมาก มันแทบจะกลบมิดตัวพนักงานสอบสวนจนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปทำอะไรได้ ผู้มีอำนาจต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบงาน กระบวนการทำงานทั้งกระบวนการแบบองค์รวม แต่ไม่ใช่เอาออกจากตำรวจ เพราะงานสืบสวนและสอบสวนมีความเกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออกตามลักษณะธรรมชาติของเนื้องาน ถ้าคิดแยกกันแบบนี้ยิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากขึ้น

ให้เขาได้มีโอกาสทำงานเป็นทีมเถอะ ชุดทีมที่มีทั้งสืบสวน สอบสวน และป้องกันปราบปรามอยู่ในทีมเดียวกันในโรงพักนั่นแหละ เชื่อเถอะว่าตำรวจมีหัวใจของความเป็นตำรวจ ถ้าเขาได้ทำงานอย่างเป็นระบบและมีคุณค่า เห็นผลลัพธ์ที่ดีของงาน ได้ช่วยประชาชนที่เดือดร้อน แค่นี้แหละพนักงานสอบสวนเขาก็พอใจแล้ว เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมายังไม่ครบถ้วนและเบี่ยงเบน ในเมื่อเหตุแห่งทุกข์ยังไม่ถูกแก้ไขความทุกข์จึงยังคงอยู่ ทั้งทุกข์ของตำรวจและทุกข์ของประชาชน

ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลสมัยหน้าก็ตามทีคนไทยน่ารอได้นะ?!! แต่อย่าให้รอเก้อ และขอให้คนทำงาน คนมีประสบการณ์จริงได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ด้วยก็แล้วกัน

ที่สำคัญตำรวจยังจำเป็นต้องปฏิรูป แต่คงจะไม่กล่าวอ้างอย่างเกินจริงว่าหากไม่ได้ปฏิรูปตำรวจแสดงว่าไม่ได้ปฏิรูปประเทศ เพราะการปฏิรูปเฉพาะตำรวจไม่สามารถสร้างผลสำเร็จที่ดีได้หากองค์กรอื่นไม่ได้รับการปฏิรูปด้วยพร้อมกัน !!!

เช้าวันนี้ที่แม่จริม (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

เช้าวันนี้ผมมานั่งทำงานที่ สภ.แม่จริมเหมือนเดิมครับซึ่งก็เหมือนเดิมอีกนั่นแหละงานแทบไม่มีเหมือนเดิม โรงพักเล็กๆ ไกลปืนเที่ยงก็งี้แหละ สบายๆ พี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ขโมยขโจรแทบไม่ต้องถามถึง ไม่มีหรอกครับ ตำรวจเราก็ออกตรวจออกพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องตามหน้าที่ ในส่วนของใครอย่างเช่นผมที่ต้องมีงานที่โรงพักก็มาทำงานของตนเองซะ ทุกอย่างผ่านฉลุยครับ


วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ราตรีสวัสดิ์ (๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

คำถามอีกคำถามหนึ่ง : ถ้าตำรวจรถไฟคนนี้เล่นลิเกจะมีแม่ยกตรึมไหมเอ่ย ๕๕๕
(หลังจากตำรวจรถไฟคนนี้เล่นลิเกเสร็จแล้วจะไปขับเรือเมล์ต่อจ้า)


คืนนี้ที่แม่จริม (๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

คืนนี้ตั้งแต่เวลาราว ๒ ทุ่มผมมานั่งทำงานที่โรงพักแม่จริมซึ่งงานน่ะไม่มีอะไรหรอกครับแต่มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหน้าที่เขามากกว่า เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันได้อย่างเต็มที่ ตำรวจบ้านนอกก็แบบนี้แหละ พวกเราอยู่กันด้วยใจ มีอะไรก็พูดก็คุยหรือปรึกษากันสบายๆ ครับ

อีกพักหนึ่งราว ๓ ทุ่มที่แม่จริมฝนฟ้ามีเยอะพอสมควรแต่ก็ดีอย่างสร้างความชุ่มชื้นชุ่มเย็นไปได้อีกโขหลังจากกลางวันร้อนสุดๆ

ฟ้าร้องครืนคราง ฟ้าแลบสว่าง เสียงดังเปรี้ยงปร้าง อยู่หว่างขุนเขา
ลมพัดกระโชก ไม้โยกคลึงเคลา สายฝนแผ่วเบา เริ่มโปรยลงมา
ท้องฟ้ามืดมิด ทุกทิศทุกทาง แต่แจ่มกระจ่าง ด้วยแสงแห่งฟ้า
ซ้ายขวาหน้าหลัง สะพรั่งนัยน์ตา บางครั้งก็ผ่า ผวาตกใจ
จริมยามนี้ มีฟ้ามีฝน ไร้ซึ่งผู้คน สัญจรไปไหน
อยู่เหย้าเฝ้าบ้าน สราญเริงใจ บ้างก็หลับไหล เพลินใจชุ่มเย็น

อาหารเย็นเย็นนี้ (๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

กับข้าวห้าสิบบาท จากตลาดแม่จริม
แค่นี้ก็กินอิ่ม เจริญกายสบายอุรา
ชีวิตของคนเรา จะไปเอาไรนักหนา
กินเพื่อต่อชีวา เป็นครั้งคราก็น่าพอ
จะโลภโมโทสัน ทำไมกันนั่นล่ะหนอ
ความตายไงยืนรอ และไม่ง้อใครสักคน
เมื่อยามตัวเรายัง ควรจะตั้งทางกุศล
ยากดีมีหรือจน ก็ไม่พ้นซึ่งความตาย
กับข้าวห้าสิบบาท กับหมื่นบาทกินอิ่มไหม
หมื่นบาทเหลือเผื่อใคร ถ้าไม่ใช่... (เติมเอาเอง)


รู้ไหม ผมลูกใคร (๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

"อ้ายลุงดาบรู้ไหม ผมลูกใคร" หนุ่มคนหนึ่งอายุราว ๒๓-๒๔ ถามผม
"เอ้อ..." ผมพูด "...เท่าที่พอจะรู้มานะหลวงตา...เคยเอาน้องซึ่งถูกทิ้งไว้หน้าวัดไปเลี้ยงตั้งแต่แรกเกิด ก็คงจะมีแค่หลวงตาองค์เดียวเท่านั้นที่น่าจะรู้ แต่เสียดายที่ท่านมรณภาพไปแล้ว"
"เฮ้อ..." เจ้าหนุ่มถอนหายใจพร้อมทำหน้าเศร้าสร้อย "...แล้วชาตินี้ผมจะรู้ไหมครับเนี่ยว่าผมลูกใคร ผมอยากเจอพ่อเจอแม่ผมครับ ฮือๆๆ"

งานสุดท้ายของนายครับ (๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

"นายครับ..." เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชิดเท้ายืนตรงแสดงความเคารพผมพร้อมพูดและยื่นแฟ้มเอกสารมาให้ "...งานนี้เป็นงานสุดท้ายของนายครับ"
"งานสุดท้าย..." ผมพูดเบาๆ พร้อมมองหน้าเจ้าหน้าที่แบบไม่เข้าใจ "...อะไรกันสูเขา นี่แช่งกันเลยหรือนี่ โฮะ อย่างอ้ายน่ะอายุยืนเป็นร้อยนั่น ไม่ตายง่ายๆ หรอก ฮ่ะๆ"
"บ่าใจ้จะอั๊น (ไม่ใช่แบบนั้น) ครับนาย..." เจ้าหน้าที่ตอบพร้อมมองหน้าผมแบบไม่เข้าใจอีกคน "...ก็เมื่อตะกี๊น่ะนายแจ้งวิทยุว่าใครมีงานหื้อรีบเอามาเสนอเพราะนายมีธุระจะไปข้างนอก ของคนอื่นน่ะบ่มี มีแต่ของผมเหลืออยู่งานเดียวซึ่งเป็นงานสุดท้ายที่นายจะเซ็นในวันนี้ต่างหากครับ"


รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ (๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

"อ้ายอู๊ดเจ๊า..." สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งถามผม "...อ้ายอู๊ดใค่ (อยาก) เป็นต๋ำหนวดรถไฟก่อเจ๊า"
"อยากเป็นซิ่น้อง..." ผมตอบยิ้มๆ "...แล้วก็อยากขับเรือเมล์กับเล่นลิเกเป็นด้วยนะ ฮ่ะๆๆๆ"
"ปอๆ (พอๆ) ..." สาวสวยพูดพร้อมมองค้อนผม "...บ่ต้องแล้วอ้าย มอก(แค่)อ้ายอู๊ดเป็นต๋ำหนวดโฮงพักอย่างเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว นี่ถ้าอ้ายเป็นตำรวจรถไฟพร้อมเล่นลิเกและขับเรือเมล์ไปตวยมันจะปานใด ปอๆ ปอแล้วเจ๊า ฮึ"