ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันนี้ ๗ ม.ค. พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีต รอง ผบ.ตร. กล่าวภายหลังได้รับเลือกตั้งเป็น ก.ตร.ด้วยคะแนนเป็นอับดับหนึ่งว่ามีความยินดีมากที่มีโอกาสได้กลับมาทำงานที่ ตร.อีกครั้งเหมือนได้กลับมาบ้านหลังจากจากไป ๓ ปี เต็ม จากนี้จะกลับมาทำงาน ๔ ปี จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ให้สมกับความไว้วางในจากพี่น้องข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ และมาเริ่มทำงานหลังจาก ก.ตร.ชุดเดิมจะหมดวาระในวันที่ ๒๔ ม.ค.นี้ ซึ่งเรื่องเร่งด่วนที่พี่น้องตำรวจขอร้องให้เร่งรัดและตรวจสอบมี ๔ เรื่องด้วยกันที่ตนเองต้องการเรียนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ทราบ
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่ ๑ เรื่องของเงินเดือนของข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่ไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาล เงินเดือนตำรวจชั้นประทวนเมื่อเทียบกับเงินเดือนชั้นประทวนของทหารนั้นเพดานเงินเดือนแตกต่างกัน ๓,๐๐๐ บาท ทหารเลื่อนเพดานจาก ๒๓,๐๐๐ เป็น ๒๕,๐๐๐ และจะเป็น ๒๗,๐๐๐ บาทแล้วโดยมีการปรับไปตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ ขณะที่ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการ ตนเองจะเร่งรัดเพื่อเป็นขวัญกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมีต้องทำงานหนัก วันหยุดก็ไม่ได้หยุด ถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
เรื่องที่ ๒ เป็นเรื่องการแทรกแซงการแต่งตั้งจากฝ่ายการเมือง ทั้งที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ตามกฎหมายแล้วนายกรัฐมนตรีสามารถแทรกแซงการแต่งตั้งได้ตำแหน่งเดียวคือตำแหน่ง ผบ.ตร.เท่านั้นเพราะนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ต.ช.จะเป็นคนเสนอรายชื่อ จากนี้ไปตนเองจะตรวจสอบการแต่งตั้งทุกตำแหน่ง หากใครรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งให้มาร้องทุกข์ได้พร้อมหลักฐาน ตนเองจะเป็นคนดำเนินการให้ ตนเองเชื่อว่าตนเองเสียงเดียวแต่เสียงดังจะสามารถช่วยเพื่อนตำรวจได้ และจะจับตาการแต่งตั้งระดับ รอง ผบก.-สว.ที่เหลืออยู่ให้เกิดความเป็นธรรม อีกอย่างแนวทางการทำงานใน ก.ตร.จะไม่เดินออกจากห้องประชุมแต่จะใช้เหตุผลโน้มน้าวให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตนเองไม่เกรงกลัวใครหรืออำนาจใดเพราะมาจากการเลือกตั้งที่คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงซึ่งเยอะมากเป็นประวัติการไม่เคยมีมาก่อน
“เรื่องที่ ๓ เป็นเรื่องของการอนุมัติแต่งตั้งบุคลากรให้เลื่อนข้ามหน่วยโดยใช้มาตรา ๕๖ ตนเองก็เห็นด้วยเพราะปัญหาการแต่งตั้งบุคลากรมีมาก แต่ไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดเพราะการแต่งตั้งข้ามหน่วยทำให้คนที่ได้รับเลื่อนขาดความรู้ความสามารถในหน่วยงานใหม่ทำให้เกิดการวิ่งเต้นมาหน่วยงานเดิม ตนเองจะเสนอให้การใช้มาตรา ๕๖ แต่งตั้งเลื่อนข้ามหน่วยนั้นทำได้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ อีก ๙๐ เปอร์เซ็นต์ให้เลื่อนภายในหน่วย จะได้เป็นธรรม” พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าว
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ ๔ เรื่องของการปรับปรุงโครงสร้างตำรวจที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจโดยมี พล.ต.อ.วศิษฐ์ เดชกุญชร เป็นประธาน เรื่องนี้ตนเองได้รับคำปรารภจากตำรวจทั่วประเทศว่าการปฏิรูปตำรวจแต่ละครั้งนั้นการเมืองไม่เคยถามว่าตำรวจต้องการอะไร ซึ่งจริงๆแล้วการรื้อบ้านจะต้องถามเจ้าของบ้านเนื่องจากกระทบความเป็นอยู่ของเจ้าของบ้านซึ่งตนเองจะมาดูแลให้ตำรวจได้แสดงความคิดเห็นเพื่อให้การปฏิรูปเกิดประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะที่ผ่านมาการปฏิรูปทุกครั้งแทบไม่เกิดประโยชน์ขาดแคลนอย่างไรก็อย่างนั้น
หมายเหตุ : ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับการเลือกจากข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับ ผกก.ขึ้นไปเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๔ ประกอบด้วย
อันดับ ๑ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ได้ ๑,๖๐๐ คะแนน
อันดับ ๒ พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ ได้ ๑,๒๕๐ คะแนน
อันดับ ๓ พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง ได้ ๑,๐๒๕ คะแนน
อันดับ ๔ พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ ได้ ๘๕๑คะแนน
อันดับ ๕ พล.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนะพร ได้ ๖๖๕ คะแนน
จากจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนน ๓,๔๕๐ คน ส่งใบลงคะแนนคืนมาทั้งสิ้น ๒,๙๓๖ ไม่ใช้สิทธิ ๕๑๔ ใบคิดเป็นผู้ใช้สิทธิ์ ๘๕.๑๐% บัตรเสีย ๕๙ ใบคิดเป็น ๒%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น