วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น.เป็นต้นไปผมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมจำนวนหนึ่งร่วมกิจกรรมเดินรณรงค์และร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสาธารณสุขสัมพันธ์สายกลาง (บ่อว้าเกมส์) ซึ่งอำเภอแม่จริมเป็นเจ้าภาพประจำปีนี้ โดยปีนี้มีนักกีฬาจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน,อำเภอแม่จริม,สันติสุข,บ้านหลวง,ท่าวังผาและสองแควร่วมการแข่งขัน
พิธีการในวันนี้เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น.นักกีฬาของสำนักงานสาธารณสุขเริ่มตั้งขบวนที่ถนนสายน่าน-แม่จริมบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ป.ต.ท.แม่จริมซึ่งอยู่ห่างจาก สภ.แม่จริมไปทางทิศเหนือประมาณ ๕๐๐ เมตรและเมื่อพร้อมแล้วได้เริ่มเดินจากจุดนี้ไปยังสนามกีฬาอำเภอแม่จริมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมของเราอำนวยความสะดวกด้านนำขบวนและจัดการจราจรตามจุดสำคัญๆ และร่วมรณรงค์ด้วย
ขบวนเดินรณรงค์ใช้เวลาในการเดินจากจุดเริ่มต้นจนถึงสนามกีฬาอำ้เภอซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๖๐๐ เมตรประมาณ ๔๐ นาทีจึงถึงที่หมาย ซึ่ง ณ ที่นั้นนายปิยะ ศิริลัำกษณ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดน่านประธานในพิธีทำการเปิดการแข่งขันตามประเภทชนิดกีฬาที่กำหนด
สำหรับภาพประกอบทั้งหมดคลิกดูได้ที่นี่นะครับ
วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
พบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดแม่จริม (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น.เป็นต้นไปผมออกเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดอำเภอแม่จริมตามแผนการปฏิบัติประจำวันรวมถึงนโยบายการสร้างความอุ่นใจต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่พี่น้องประชาชนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
การพบปะเยี่ยมเยียนครั้งนี้ก็จะคล้ายๆ กับทุกครั้งที่ผ่านมาคือพูดคุยโอภาปราศัยกัน มีอะไรจะให้ตำรวจช่วยเหลือบ้างครับ มีอะไรที่จะแนะนำตำรวจเราให้ทำเพื่อให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องบ้างครับ อะไรประมาณนี้ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างดีพอสมควร และที่แน่ๆ ก็คือมิตรภาพหรือความผูกพันต่อกันระหว่างตำรวจกับพี่น้องแน่นแฟ้นอบอุ่นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยการพบปะเยี่ยมครั้งนี้ผมใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง
การพบปะเยี่ยมเยียนครั้งนี้ก็จะคล้ายๆ กับทุกครั้งที่ผ่านมาคือพูดคุยโอภาปราศัยกัน มีอะไรจะให้ตำรวจช่วยเหลือบ้างครับ มีอะไรที่จะแนะนำตำรวจเราให้ทำเพื่อให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องบ้างครับ อะไรประมาณนี้ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างดีพอสมควร และที่แน่ๆ ก็คือมิตรภาพหรือความผูกพันต่อกันระหว่างตำรวจกับพี่น้องแน่นแฟ้นอบอุ่นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยการพบปะเยี่ยมครั้งนี้ผมใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง
ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดถวายความปลอดภัย (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้เวลาประมาณ ๑๑.๕๐ น.ผมเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จริมซึ่งมีหน้าที่ถวายความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบความพร้อมและชี้แจงภารกิจก่อนออกไปปฏิบัติหน้าที่ ณ ลานหน้าที่ทำการสถานีโดย พ.ต.ท.อรุณสวัสดิ์ ยอดกระโทก รอง ผกก.ป.และ พ.ต.ท.นิกร นันตา สวป.เข้าร่วมประชุมชี้แจงด้วยการถวายความปลอดภัยในวันนี้สืบเนื่องจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ เสด็จพระดำเนินมาทรงปฏิบัติภารกิจในเขตท้องที่อำเภอเมืองน่านช่วงบ่ายวันนี้โดย สภ.แม่จริมได้รับคำสั่งให้จัดเจ้าหน้าที่จำนน ๑๑ คนปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยตามจุดและเส้นทางที่กำหนดซึ่งผมได้ชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าการถวายความปลอดภัยเป็นภารกิจสำคัญสูงสุดของเจ้าหน้าที่ตำรวจเราจึงให้ทุกคนยึดถือและปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถรวมถึงให้ยึดถือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไว้เป็นสำคัญ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจตามจุดและพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายต่อไป
<< ภาพทั้งหมด >>
<< ภาพทั้งหมด >>
ร่วมประชุม Video conference (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น.เป็นต้นไปผมเข้าร่วมประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานตำรวจทุกแห่งที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริม
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็จสิ้นเมื่อเวลา
ประมาณ ๐๙.๐๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับโดยเสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๐๙.๓๐ น.
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็จสิ้นเมื่อเวลา
ประมาณ ๐๙.๐๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับโดยเสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๐๙.๓๐ น.
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ร่วมฝึกอบรมโครงการพัฒนาวิชาชีพในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ฯ (๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
* เวลา ๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน
* เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ น. หัวข้อวิชา "การบริหารจัดการสถานีวิทยุอย่างมืออาชีพ" โดย ดร.โสภัทร นาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยุกระจายเเสียงและโทรทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
* เวลา ๑๐.๓๐-๑๒.๐๐ น.หัวข้อวิชา "จรรยาบรรณของการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง" โดย รศ.ดร.สุรัชดา สุบรรณ ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการสำนักงานเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
* เวลา ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น.พักรับประทานอาหารกลางวัน
* การอบรมในภาคบ่ายระหว่่างเวลา ๑๓.๐๐-๑๔.๓๐ น.แบ่งการอบรมออกเป็น ๒ หัวข้อวิชาโดยให้ผู้เข้ารับการอบรมเลือกรับฟังตามความต้องการดังนี้
* หัวข้อวิชา "การโฆษณาให้ดึงดูดใจในกิจการวิทยุธุรกิจท้องถิ่่น" โดยคุณดนยา วสุวัต นักวิชาการสื่อสารอิสระ
* หัวข้อวิชา "การบริหารวิทยุชุมชนและวิทยุสาธารณะอย่างไรให้อยู่รอดโดยปราศจากการโฆษณา" โดยคุณเชลส ธำรงฐิติกุล ผู้ประสานงานกลุ่มคนศูนย์ปฏิบัติการเรียนรู้สถานีวิทยุชุมชนคนหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี
หลังจากนั้นเป็นการมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้รับการอบรม
<< ภาพทั้งหมด >>
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ร่วมฝึกอบรมโครงการพัฒนาวิชาชีพในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ฯ (๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.เป็นต้นไปผมเข้ารับการอบรมโครงการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาวิชาชีพในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์หัวข้อ "การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงไปสู่ความเป็นมืออาขีพ" ระยะที่ ๓ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กสทช.จัดขึ้น ณ ห้องแกรนด์บอลลูม โรงแรมเทวราช อำเภอเมืองน่าน ผู้เข้ารับการอบรมเป็นผู้ประกอบกิจการวิทยุชุมชนที่ได้รับใบอนุญาตทดลองออกอากาศในลักษณะชั่วคราวหรือผู้แทนในพื้นที่จังหวัดน่าน พะเยา อุตรดิตถ์ แพร่ ลำปางและเชียงรายประมาณ ๑๙๐ คน โดยการอบรมครั้งนี้กำหนดให้มีจำนวน ๒ วันระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ พฤศจิกายนนี้เพื่อเสริมสร้างความรู้พื้นฐาน พัฒนาคุณภาพรายการและเพิ่มศักยภาพในการผลิตรายการของผู้ประกอบวิชาชีพในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ รวมทั่้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์จากผู้ที่อยู่ในสายวิชาชีพเดียวกันและสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการปฏิบัติงานจริง และเฉพาะในส่วนของผมนั้นนอกจากจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวถึงนั้นแล้วยังสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นเพื่อใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหรือประชาสัมพันธฺ์กิจการของตำรวจผ่านสื่อวิทยุและรับทราบกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติหน่้าที่ได้อีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับการฝึกอบรมในวันนี้มีดังนี้
* เวลา ๐๙.๐๐-๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน
* ๐๙.๓๐-๑๐.๐๐ น.พิธีเปิดการอบรมโดย ผศ.ดร.ธวัชชัย จิตรภาษนันท์ กรรมการ กสทช.
* ๑๐.๐๐-๑๑.๓๐ น. "การเตรียมความพร้อมสู่การได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (หลังผ่านการทดลองประกอบใบอนุญาต)" โดยคุณมณีรัตน์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการกลุ่มงานการอนุญาตประกอบกิจการ ๑ สำนักงาน กสทช.
* ๑๑.๓๐-๑๒.๓๐ น. "มาตรการทางเทคนิคและการแก้ไขปัญหาทางด้านเทคนิคของวิทยุกระจายเสียง" โดยคุณสัญญา กระจ่างศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช.เขต ๒ จังหวัดอุบลราชธานี
* ๑๒.๓๐-๑๓.๓๐ น.พักรับประทานอาหารกลางวัน
* ๑๓.๓๐-๑๕.๐๐ น. "กลยุทธการผลิตรายการและสร้างเนื้อหาในกิจการวิทยุชุมชน วิทยุสาธารณะ และวิทยุธุรกิจท้องถิ่่น" โดยนายเก่งกาจ จงใจพระ
* ๑๕.๐๐-๑๕.๑๕ น. พักรับประทานอาหารว่าง
* ๑๕.๑๕-๑๖.๑๕ น. "การรวมกลุ่มของผู่้ประกอบวิชาชีพในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์" โดยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
* ๑๖.๑๕ น.จบการบรรยายวันแรก ผู้เข้าอบรมลงทะเบียนรับเสื้อ กสทช.เพื่อใส่ในวันที่สองของการอบรม
<< ภาพทั้งหมดของการอบรมวันนี้ >>
สำหรับการฝึกอบรมในวันนี้มีดังนี้
* เวลา ๐๙.๐๐-๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน
* ๐๙.๓๐-๑๐.๐๐ น.พิธีเปิดการอบรมโดย ผศ.ดร.ธวัชชัย จิตรภาษนันท์ กรรมการ กสทช.
* ๑๐.๐๐-๑๑.๓๐ น. "การเตรียมความพร้อมสู่การได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (หลังผ่านการทดลองประกอบใบอนุญาต)" โดยคุณมณีรัตน์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการกลุ่มงานการอนุญาตประกอบกิจการ ๑ สำนักงาน กสทช.
* ๑๑.๓๐-๑๒.๓๐ น. "มาตรการทางเทคนิคและการแก้ไขปัญหาทางด้านเทคนิคของวิทยุกระจายเสียง" โดยคุณสัญญา กระจ่างศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช.เขต ๒ จังหวัดอุบลราชธานี
* ๑๒.๓๐-๑๓.๓๐ น.พักรับประทานอาหารกลางวัน
* ๑๓.๓๐-๑๕.๐๐ น. "กลยุทธการผลิตรายการและสร้างเนื้อหาในกิจการวิทยุชุมชน วิทยุสาธารณะ และวิทยุธุรกิจท้องถิ่่น" โดยนายเก่งกาจ จงใจพระ
* ๑๕.๐๐-๑๕.๑๕ น. พักรับประทานอาหารว่าง
* ๑๕.๑๕-๑๖.๑๕ น. "การรวมกลุ่มของผู่้ประกอบวิชาชีพในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์" โดยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
* ๑๖.๑๕ น.จบการบรรยายวันแรก ผู้เข้าอบรมลงทะเบียนรับเสื้อ กสทช.เพื่อใส่ในวันที่สองของการอบรม
<< ภาพทั้งหมดของการอบรมวันนี้ >>
วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ประจำธนาคารออมสิน (๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.ผมเดินทางไปตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยธนาคารที่ธนาคารออมสิน สาขาแม่จริมพบ ส.ต.ต.ภาณุวัฒน์ จันปันเมือง และ ส.ต.ต.ยิ่งยศ นวนหล้า อยู่ปฏิบัติหน้าที่รายงานไม่มีเหตุ โดยขณะตรวจนั้นมีพี่น้องประชาชนเข้ามาใช้บริการค่อนข้างมาก
ธนาคารออมสินเป็นธนาคารแห่งเดียวที่มีในเขตอำเภอแม่จริม ผู้ใช้บริการหรือลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ทำให้บางวันหรือบางช่วงจะมีผู้เข้าไปใช้บริการค่อนข้างมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายเดือนหรือต้นเดือนเช่นนี้ซึ่งอาจมีเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์เกิดขึ้นได้ สภ.แม่จริมจังได้จัดเจ้่าหน้าที่ตำรวจของเราผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยช่วงวันและเวลาทำการทุกครั้งอย่างต่อเนื่องตลอดมา
การตรวจเยี่ยมและดูแลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้เป็นหนึ่งใน “มาตรการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ธนาคาร ร้านค้าทอง ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ท” ของ สภ.แม่จริมซึ่งเป็นงานสำคัญอย่างหนึ่งในหน้าที่ของตำรวจทุกคนที่จะต้องปฏิบัติและทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชน
ธนาคารออมสินเป็นธนาคารแห่งเดียวที่มีในเขตอำเภอแม่จริม ผู้ใช้บริการหรือลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ทำให้บางวันหรือบางช่วงจะมีผู้เข้าไปใช้บริการค่อนข้างมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายเดือนหรือต้นเดือนเช่นนี้ซึ่งอาจมีเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์เกิดขึ้นได้ สภ.แม่จริมจังได้จัดเจ้่าหน้าที่ตำรวจของเราผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยช่วงวันและเวลาทำการทุกครั้งอย่างต่อเนื่องตลอดมา
การตรวจเยี่ยมและดูแลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้เป็นหนึ่งใน “มาตรการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ธนาคาร ร้านค้าทอง ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ท” ของ สภ.แม่จริมซึ่งเป็นงานสำคัญอย่างหนึ่งในหน้าที่ของตำรวจทุกคนที่จะต้องปฏิบัติและทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชน
อนึ่ง ในการตรวจการปฏิบัติครั้งนี้ผมได้ประสานกับผู้จัดการธนาคารกรณีที่จะมีการซักซ้อมแผนของธนาคารซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราจะต้องร่วมปฏิบัติในวันที่ ๘ ธันวาคมนี้อีกส่วนหนึ่งด้วย
เข้าร่วมประชุม Video conference เกี่ยวกับการดำเนินการตามโครงการ อบถ.(๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้เวลาประมาณ ๐.๓๐ น.ผมและ พ.ต.ท.ไพโรจน์ สิริปิยานนท์ สว.อก.สภ.แม่จริมได้เข้าร่วมประชุมกรณี ภ.จว.น่านได้จัดใหมีการประชุมสรุปผลการปฏิบัติโครงการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถถในภาพรวมโดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข ที่ปรึกษาโครงการเป็นประธาน ณ ห้อง ศปก.ภ.จว.น่านและมีการถ่ายทอดการประชุมผ่านระบบ Video conference ไปยัง สภ.ทุกแห่งในสังกัดด้วย
การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้่นลงเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.
การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้่นลงเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.
วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันนี้ที่ ภ.จว.น่าน (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันจันทร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ผมมาปฏิบัติงานอำนวยการที่ ภ.จว.น่านตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย โดยมาถึงที่ทำงานก่อนเวลาเล็กน้อยแล้วก็ทำงานที่รับผิดชอบคืองานเทคโนโลยีและการข่าว,ศูนย์ปฏิบัติการ,งานป้องกันและจราจร โดยงานที่ทำวันนี้ก็จะเหมือนๆ กับทุกครั้งที่ผ่านมาจึงไม่ขอบันทึกรายละเอียดเหล่านั้นไว้ครับ
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ตำรวจเพิ่มกำลังควบคุมฝูงชน ! : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
คนไทยส่วนหนึ่งกำลังหลงลืมไปว่าความทุกข์ในยามนี้มิใช่มีเพียงแค่ปัญหาอันเกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางการเมือง
ความคิดเห็นที่แตกต่างที่มีต่อประเด็นทางการเมือง! ถึงแม้ว่าเราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าประเด็นทางการเมืองเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากและควรมีการปรับปรุงพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
แต่ปัญหาอาชญากรรมประเภทต่างๆ
ที่สูงมากขึ้นในห้วงเวลานี้คือความทุกข์ในชีวิตประจำวันที่กำลังถูกมองข้ามไป
เชื่อมั่นว่าคนไทยทุกคนอยากเห็นนักการเมืองไทยเป็นกลุ่มบุคคลที่มีคุณภาพมากเพียงพอที่จะทำหน้าที่บริหารประเทศ มีภาวะผู้นำที่เหมาะสมที่จะนำพาและกำหนดทิศทาง นโยบายแก่ผู้บริหารองค์การต่างๆ เพื่อให้ประเทศชาติสามารถพัฒนาไปได้อย่างเข้มแข็งมั่นคง ประชาชนในชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีศักยภาพที่ดี
การพยายามปฏิรูปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการเมือง นโยบาย หรือการบริหารจัดการต่างๆ ในทุกระดับทุกโครงสร้างทุกส่วนของสังคมหรือที่เรียกว่าทบทวนเปลี่ยนรื้อทั้งองคาพยพเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเและเป็นสิ่งที่ควรทำ และจำเป็นต้องทำอย่างมีสติใช้ปัญญาที่แยบยลเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ เกิดผลลัพธ์ในทางที่ดีขึ้นมิใช่ย่ำอยู่กับที่หรือถอยหลังเข้าคลอง
ไม่มีใครอยากเห็นคนไทยด้วยกันใช้วิธีการแสดงออกซึ่งความคิดที่แตกต่างผ่านการชุมนุมประท้วงในรูปแบบของการใช้กำลังต่อสู้ การแสดงความก้าวร้าวใช้ความรุนแรงต่อกันในรูปแบบต่างๆ...เราจะทำอย่างไรจึงจะก้าวพ้นภาวะเช่นนี้ ?
ลองทบทวนนึกภาพเหล่านี้...สถานีตำรวจแต่ละแห่งซึ่งปกติก็ขาดแคลนกำลังพลที่จะให้บริการโดยมีเป้าหมายบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชนอยู่แล้วนั้น ในยามนี้มีสถานีตำรวจจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะในต่างจังหวัดเหลือกำลังพลเพียงแค่หัวหน้าสถานีกับตำรวจแก่ๆ เพียง 2 นาย ส่วนสถานีตำรวจที่มีกำลังพลมากหน่อยจำเป็นต้องหมุนเวียนเปลี่ยนผลัดกันไปทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนและเมื่อทำหน้าที่เสร็จก็ต้องกลับมาทำหน้าที่ตามปกติไม่ว่าจะเป็นการออกตรวจป้องกันเหตุตามชุมชนต่างๆ ร้านทอง ธนาคาร หรือแม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อก็ยังร้องขอให้ตำรวจไปเฝ้าระวังเหตุ และไม่มั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้ตำรวจจะต้องเข้มงวดมาตรการคุมเข้มป้องกันเหตุตามห้างสรรพสินค้าประเภทต่างๆ อีกหรือไม่ เพราะในห้วงเวลานี้แม้แต่ร้านทองในห้างสรรพสินค้าโจรก็ยังปล้นอย่างย่ามใจในเวลากลางวัน แถมซ้ำเย้ยศักดิ์ศรีตำรวจด้วยการขี่รถจักรยานหนีให้ช้ำใจ (ขอย้ำว่าจักรยาน ไม่ใช่จักรยานยนต์ ซึ่งแปลความหมายว่าปล้นแล้วยังไม่จำเป็นต้องรีบหนีเหมือนที่เคยผ่านมา) ส่วนงานสืบสวนเป็นงานที่ต้องเร่งรัด ติดตามจับกุมผู้ที่กระทำความผิดโดยรวบรวมพยานหลักฐานมาให้ได้ครอบคลุมมากที่สุด
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับการลงโทษและรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม สิ่งที่ประชาชนคนไทยพึงตระหนักก็คือหมายจับคดีค้างเก่าต่างๆ ของตำรวจมีจำนวนไม่น้อย นั่นหมายความว่าผู้ที่กระทำความผิดในคดีต่างๆ ยังคงลอยนวลอยู่ในสังคมไทย และด้วยบริบทของความเป็นสังคมวัฒนธรรมไทยด้วยนั้น ทำให้ตำรวจที่ทำงานด้านการสืบสวนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเกาะติดในงาน ทำงานด้วยการใช้กระบวนการทางปัญญาที่แยบยลและต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง จะทำงานในลักษณะทำๆ หยุดๆ หรือพักไปทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนก่อนมิได้เนื่องจากจะทำให้เกิดผลเสียและล่าช้ามากยิ่งขึ้น ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานในหน้าที่ต่างๆ ที่สถานีตำรวจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามปกติได้เพราะต้องเดินทางมาทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ยืนกั้นเป็นตัวกลางกันชนเพื่อไม่ให้เกิดการใช้ความรุนแรงระหว่างกันของผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ แล้วนั้น อะไรจะเกิดขึ้นในสังคมระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชน ?
จำนวนสถิติอาชญากรรมในประเภทต่างๆ ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในห้วงเวลานี้ทำให้ประชาชนเกิดความทุกข์ไม่น้อยในขณะที่ตำรวจเองก็ไม่ควรและไม่สามารถที่จะแสดงเหตุผลว่า "ไม่สามารถติดตามคดีหรือไม่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มที่เนื่องจากต้องไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน” แต่นี่คือสภาพความเป็นจริงที่คนไทยทุกคนจำเป็นต้องทราบและจำต้องยอมรับเพื่อร่วมกันพิจารณาแก้ไข
ความทุกข์ในเรื่องดังกล่าวมิใช่เกิดขึ้นเฉพาะประชาชน หากแต่เสียงของตำรวจก็ไม่แตกต่างจากเสียงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้นในเวลานี้เช่นกัน
เขาก่นด่า ว่าเรานั้นเลือกข้าง เราลูกจ้าง ราชการ ทำตามเรื่อง นายเขาสั่ง ให้มา ดูบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่อง เลือกข้าง ตามที่เป็น...อยากจะกลับ ไปทำ ตามหน้าที่ บำบัดทุกข์ ดูแลสุข คนบ้านฉัน ไม่ใช่มา ยืนมอง คนด่ากัน ตะโกนลั่น ไล่ด่า ท้าต่อยตี... หากพรพระ มีจริง ขอดลให้ ผองคนไทย เข้าใจในวิถี ว่าตำรวจ เขามา ด้วยท่าที พร้อมเป็นมิตรกับทุกสี ด้วยจริงใจ
หากสถานการณ์สังคมยังคงเป็นเช่นนี้ และมีทิศทางแนวโน้มที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ประชาชนจำเป็นต้องเรียกร้องให้รัฐบาลต้องดำเนินการด้วยก็คือ การเพิ่มอัตรากำลังพลของตำรวจ(หรือใครก็ตาม)ที่จะมาทำหน้าที่ในการควบคุมฝูงชนโดยเฉพาะ ซึ่งไม่ควรใช้กำลังพลเดิมที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีจำนวนน้อยมากอยู่แล้วมาทำหน้าที่นี้ควบคุมฝูงชนเช่นนี้ และปล่อยให้โจรได้ใจเพราะไร้ตำรวจทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ประชาชน บางทีการสรรหาคัดเลือกเด็กหนุ่มๆ เพื่อเข้ามาฝึกฝนเรียนรู้พัฒนาเพื่อทำหน้าที่เป็นกลุ่มตำรวจควบคุมฝูงชนอย่างมืออาชีพเลยอาจจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องพิจารณาและควรทำอย่างเร่งด่วนที่สุด หากเห็นความจำเป็นในการสร้างความสงบในชุมชนอย่างแท้จริง
น่าเวทนาที่เห็นตำรวจแก่ๆ ต้องเดินทางนั่งรถแรมคืนมาทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน ถึงแม้ว่าจะพยายามทำท่าทาง และฝึกฝนให้เข้มแข็งอย่างไร...สังขารมันก็ไม่ใช่ ! แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการ ทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความเป็นประเทศไทยที่มีความสงบมิใช่หรือ ?
เชื่อมั่นว่าคนไทยทุกคนอยากเห็นนักการเมืองไทยเป็นกลุ่มบุคคลที่มีคุณภาพมากเพียงพอที่จะทำหน้าที่บริหารประเทศ มีภาวะผู้นำที่เหมาะสมที่จะนำพาและกำหนดทิศทาง นโยบายแก่ผู้บริหารองค์การต่างๆ เพื่อให้ประเทศชาติสามารถพัฒนาไปได้อย่างเข้มแข็งมั่นคง ประชาชนในชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีศักยภาพที่ดี
การพยายามปฏิรูปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการเมือง นโยบาย หรือการบริหารจัดการต่างๆ ในทุกระดับทุกโครงสร้างทุกส่วนของสังคมหรือที่เรียกว่าทบทวนเปลี่ยนรื้อทั้งองคาพยพเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเและเป็นสิ่งที่ควรทำ และจำเป็นต้องทำอย่างมีสติใช้ปัญญาที่แยบยลเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ เกิดผลลัพธ์ในทางที่ดีขึ้นมิใช่ย่ำอยู่กับที่หรือถอยหลังเข้าคลอง
ไม่มีใครอยากเห็นคนไทยด้วยกันใช้วิธีการแสดงออกซึ่งความคิดที่แตกต่างผ่านการชุมนุมประท้วงในรูปแบบของการใช้กำลังต่อสู้ การแสดงความก้าวร้าวใช้ความรุนแรงต่อกันในรูปแบบต่างๆ...เราจะทำอย่างไรจึงจะก้าวพ้นภาวะเช่นนี้ ?
ลองทบทวนนึกภาพเหล่านี้...สถานีตำรวจแต่ละแห่งซึ่งปกติก็ขาดแคลนกำลังพลที่จะให้บริการโดยมีเป้าหมายบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชนอยู่แล้วนั้น ในยามนี้มีสถานีตำรวจจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะในต่างจังหวัดเหลือกำลังพลเพียงแค่หัวหน้าสถานีกับตำรวจแก่ๆ เพียง 2 นาย ส่วนสถานีตำรวจที่มีกำลังพลมากหน่อยจำเป็นต้องหมุนเวียนเปลี่ยนผลัดกันไปทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนและเมื่อทำหน้าที่เสร็จก็ต้องกลับมาทำหน้าที่ตามปกติไม่ว่าจะเป็นการออกตรวจป้องกันเหตุตามชุมชนต่างๆ ร้านทอง ธนาคาร หรือแม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อก็ยังร้องขอให้ตำรวจไปเฝ้าระวังเหตุ และไม่มั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้ตำรวจจะต้องเข้มงวดมาตรการคุมเข้มป้องกันเหตุตามห้างสรรพสินค้าประเภทต่างๆ อีกหรือไม่ เพราะในห้วงเวลานี้แม้แต่ร้านทองในห้างสรรพสินค้าโจรก็ยังปล้นอย่างย่ามใจในเวลากลางวัน แถมซ้ำเย้ยศักดิ์ศรีตำรวจด้วยการขี่รถจักรยานหนีให้ช้ำใจ (ขอย้ำว่าจักรยาน ไม่ใช่จักรยานยนต์ ซึ่งแปลความหมายว่าปล้นแล้วยังไม่จำเป็นต้องรีบหนีเหมือนที่เคยผ่านมา) ส่วนงานสืบสวนเป็นงานที่ต้องเร่งรัด ติดตามจับกุมผู้ที่กระทำความผิดโดยรวบรวมพยานหลักฐานมาให้ได้ครอบคลุมมากที่สุด
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับการลงโทษและรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม สิ่งที่ประชาชนคนไทยพึงตระหนักก็คือหมายจับคดีค้างเก่าต่างๆ ของตำรวจมีจำนวนไม่น้อย นั่นหมายความว่าผู้ที่กระทำความผิดในคดีต่างๆ ยังคงลอยนวลอยู่ในสังคมไทย และด้วยบริบทของความเป็นสังคมวัฒนธรรมไทยด้วยนั้น ทำให้ตำรวจที่ทำงานด้านการสืบสวนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเกาะติดในงาน ทำงานด้วยการใช้กระบวนการทางปัญญาที่แยบยลและต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง จะทำงานในลักษณะทำๆ หยุดๆ หรือพักไปทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนก่อนมิได้เนื่องจากจะทำให้เกิดผลเสียและล่าช้ามากยิ่งขึ้น ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานในหน้าที่ต่างๆ ที่สถานีตำรวจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามปกติได้เพราะต้องเดินทางมาทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ยืนกั้นเป็นตัวกลางกันชนเพื่อไม่ให้เกิดการใช้ความรุนแรงระหว่างกันของผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ แล้วนั้น อะไรจะเกิดขึ้นในสังคมระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชน ?
จำนวนสถิติอาชญากรรมในประเภทต่างๆ ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในห้วงเวลานี้ทำให้ประชาชนเกิดความทุกข์ไม่น้อยในขณะที่ตำรวจเองก็ไม่ควรและไม่สามารถที่จะแสดงเหตุผลว่า "ไม่สามารถติดตามคดีหรือไม่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มที่เนื่องจากต้องไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน” แต่นี่คือสภาพความเป็นจริงที่คนไทยทุกคนจำเป็นต้องทราบและจำต้องยอมรับเพื่อร่วมกันพิจารณาแก้ไข
ความทุกข์ในเรื่องดังกล่าวมิใช่เกิดขึ้นเฉพาะประชาชน หากแต่เสียงของตำรวจก็ไม่แตกต่างจากเสียงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้นในเวลานี้เช่นกัน
เขาก่นด่า ว่าเรานั้นเลือกข้าง เราลูกจ้าง ราชการ ทำตามเรื่อง นายเขาสั่ง ให้มา ดูบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่อง เลือกข้าง ตามที่เป็น...อยากจะกลับ ไปทำ ตามหน้าที่ บำบัดทุกข์ ดูแลสุข คนบ้านฉัน ไม่ใช่มา ยืนมอง คนด่ากัน ตะโกนลั่น ไล่ด่า ท้าต่อยตี... หากพรพระ มีจริง ขอดลให้ ผองคนไทย เข้าใจในวิถี ว่าตำรวจ เขามา ด้วยท่าที พร้อมเป็นมิตรกับทุกสี ด้วยจริงใจ
หากสถานการณ์สังคมยังคงเป็นเช่นนี้ และมีทิศทางแนวโน้มที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ประชาชนจำเป็นต้องเรียกร้องให้รัฐบาลต้องดำเนินการด้วยก็คือ การเพิ่มอัตรากำลังพลของตำรวจ(หรือใครก็ตาม)ที่จะมาทำหน้าที่ในการควบคุมฝูงชนโดยเฉพาะ ซึ่งไม่ควรใช้กำลังพลเดิมที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีจำนวนน้อยมากอยู่แล้วมาทำหน้าที่นี้ควบคุมฝูงชนเช่นนี้ และปล่อยให้โจรได้ใจเพราะไร้ตำรวจทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ประชาชน บางทีการสรรหาคัดเลือกเด็กหนุ่มๆ เพื่อเข้ามาฝึกฝนเรียนรู้พัฒนาเพื่อทำหน้าที่เป็นกลุ่มตำรวจควบคุมฝูงชนอย่างมืออาชีพเลยอาจจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องพิจารณาและควรทำอย่างเร่งด่วนที่สุด หากเห็นความจำเป็นในการสร้างความสงบในชุมชนอย่างแท้จริง
น่าเวทนาที่เห็นตำรวจแก่ๆ ต้องเดินทางนั่งรถแรมคืนมาทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน ถึงแม้ว่าจะพยายามทำท่าทาง และฝึกฝนให้เข้มแข็งอย่างไร...สังขารมันก็ไม่ใช่ ! แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการ ทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความเป็นประเทศไทยที่มีความสงบมิใช่หรือ ?
วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
สวัสดีวันหยุด (๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันเสาร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ผมอยู่บ้านที่อำเภอเมืองพะเยาครับไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็อย่างว่านั่นแหละถ้าอยู่เฉยๆ ก็กระไรอยู่ นี่เลย ทำความสะอาดบ้านช่องห้องหอตามหน้าที่ที่ควรจะเป็นควรจะต้อง ไม่ทำไม่ได้ของลูกผู้ชาย ส่วนวันนี้ทำอะไรดูจากภาพนะครับ ภาพมันฟ้อง ๕๕
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ลากิจส่วนตัว (๒๐-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
ช่วงระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ผมลากิจส่วนตัวดังนั้นจึงไม่มีกิจกรรมเกี่ยวกับงานในหน้าที่ที่จะนำมาเสนอ
วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ร่วมประชุมคณะทำงานโครงการ อบถ.(๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้เวลา ๑๓.๓๐ น.ผมเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการติดตามผลโครงการพัฒนาระบบงานสืบสวนเพื่อการแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนหรือ อบถ. ณ ห้อง ศปก.ภ.จว.น่านโดย พ.ต.อ.จรัญฌิ์ เริงธรรม รอง ผบก.ภ.จว.น่าน เป็นประธานการประชุม
สาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้มีดังนี้
๑. เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามโครงการ อบถ.ของ ภ.จว.น่านห้วงระยะเดือนมกราคมถึงตุลาคม ๒๕๕๖
๓. พิจารณาผลการดำเนินการ ปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ไขของสถานีตำรวจในสังกัดเกี่ยวกับโครงการนี้
๔. รับทราบและเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการอบรมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตามโครงการของตำรวจภูธรน่านระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมน่านคีรีธารา อำเภอเมืองน่านโดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเป็นผู้บรรยาย
๕. ข้อสั่งการอื่นๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงสั่งการมา
การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๓๐ น.
สาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้มีดังนี้
๑. เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามโครงการ อบถ.ของ ภ.จว.น่านห้วงระยะเดือนมกราคมถึงตุลาคม ๒๕๕๖
๓. พิจารณาผลการดำเนินการ ปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ไขของสถานีตำรวจในสังกัดเกี่ยวกับโครงการนี้
๔. รับทราบและเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการอบรมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตามโครงการของตำรวจภูธรน่านระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมน่านคีรีธารา อำเภอเมืองน่านโดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเป็นผู้บรรยาย
๕. ข้อสั่งการอื่นๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงสั่งการมา
การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๓๐ น.
ร่วมประชุม Video conference (๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น.เป็นต้นไปผมพร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพโรจน์ สิริปิยานนท์ สว.อก.สภ.แม่จริมเข้าร่วมประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานตำรวจทุกแห่งที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธานจากศูนย์ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
การประชุมครั้งเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น.
การประชุมครั้งเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น.
วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันนี้ที่ สภ.แม่จริม (๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
ช่วงไปถึงโรงพักมีน้องๆ ตำรวจเขาอยู่ที่นั่้นก่อนแล้วหลายคนโดยเฉพาะพวกที่เข้าเวรเข้ายาม เห็นแล้วในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ชื่นใจดีใจที่เขามีความรับผิดชอบต่องานในหน้าที่กันดีก็เบาใจไปได้เยอะและเมื่อถึงเวลา ๐๘.๐๐ น.นายตำรวจเวรหัวหน้าสายตรวจนำเจ้าหน้าที่เคารพธงชาติพร้อมชี้แจงภารกิจก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ที่ลานหน้าที่ทำการสถานีโดยวันนี้ ร.ต.ต.โกศล ปวงจันต๊ะ ทำหน้าที่หัวหน้าสายตรวจ
หลังจากนั้นก็เข้าไปดูงานที่ห้องทำงานว่าวันนี้มีหรือจะต้องทำอะไรบ้าง ก็มีอยู่บ้างครับนิดๆ หน่้อยๆ ไม่มากมายอะไรตามประสาโรงพักเล็กๆ แบบแม่จริมของเรา แล้วก็งานทุกอย่างที่มีผ่านไปได้ด้วยดีด้วยความฝีมือของน้องๆ ตำรวจแต่ละแผนกงาน ขอบคุณมากน้อง
เวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น.เป็นต้นไปผมพร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพโรจน์ สิริปิยานนท์ สว.อก.สภ.แม่จริมเข้าร่วมประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานตำรวจทุกแห่งที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธานจากศูนย์ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลา
ประมาณ ๑๑.๔๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับโดยเสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.
หลังจากประชุมเสร็จก็ใช้เวลาที่เหลือนั้นอยู่ที่โรงพักเพราะมีงานที่จะต้องทำเยอะแยะมากมาย โดยงานส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำข้อมูลและกิจกรรมต่างๆ ที่พี่น้องตำรวจน่านส่งเข้ามาทางไลน์กลุ่มเสนอขึ้นเฟสบุ๊ค ภ.จว.น่านและเฟสบุ๊ค อบถ.ภ.๕ ที่ผมมีหน้าที่รับผิดชอบตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายโดยงานลักษณะนี้มีตลอดทั้งวันไม่มีวันหยุดครับ ดีอย่างที่การนำเสนอยุคนี้ไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่หน้าจอหรือโต๊ะคอมพิวเตอร์เสมอไปสามารถใช้จากโทรศัพท์มือถือก็ได้ทำให้สะดวกสบายขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว
ร่วมประชุม Video conference (๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น.เป็นต้นไปผมพร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพโรจน์ สิริปิยานนท์ สว.อก.สภ.แม่จริมเข้าร่วมประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานตำรวจทุกแห่งที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธานจากศูนย์ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลา
ประมาณ ๑๑.๔๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับโดยเสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลา
ประมาณ ๑๑.๔๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับโดยเสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ร่วมประชุม Video conference (๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.เป็นต้นไปผมพร้อมด้วย พ.ต.ท.นิกร นันตา สวป.,พ.ต.ท.ไพโรจน์
สิริปิยานนท์ สว.อก.และ ร.ต.ต.วีระศักดิ์ อินตานอน รอง สว.(ป.)
สภ.แม่จริมเข้าร่วมประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference
กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานตำรวจทุกแห่งที่ห้อง
ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
ผบ.ตร.เป็นประธานจากศูนย์ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลา
ประมาณ ๑๑.๔๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับโดยเสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น.
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลา
ประมาณ ๑๑.๔๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับโดยเสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น.
ตำรวจเลือกข้าง? : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
การสื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องถึงเหตุจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจควบคุมฝูงชนนอกเหนือจากจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าบรรดาตำรวจชั้นผู้น้อยที่เดินทางไกลมาจากสถานีตำรวจต่างๆทั่วประเทศเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่อยู่บนท้องถนนท่ามกลางความรู้สึกโกรธแค้นชิงชังทั้งๆ ที่ตำรวจมิใช่คู่กรณีของความขัดแย้งที่แท้จริงของประชาชนแล้วนั้นยังเป็นการทำให้อัตลักษณ์และภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจในสายตาประชาชนเป็นไปอย่างถูกต้องมิได้บิดเบือนอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากความเข้าใจที่ผิดพลาด
ด้วยบทบาทหน้าที่และวินัยทำให้ตำรวจไม่มีสิทธิเลือกข้าง ถึงแม้ว่าตำรวจจะเป็นมนุษย์ปุถุชนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ นี่คือความจริงที่ทุกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ถึงแม้ว่าตำรวจอาจจะมีความเห็นไม่แตกต่างจากกลุ่มผู้ชุมนุมตำรวจก็ไม่สามารถแสดงปฏิบัติการทางสังคมได้เช่นเดียวกับผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นผู้ชุมนุมฝ่ายใดก็ตาม เพราะบทบาทหน้าที่ที่สำคัญของตำรวจในยามนี้คือต้องพยายามรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมไว้ให้ได้มากที่สุด ต้องรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยมิให้มีการใช้ความรุนแรงให้ได้มากที่สุด
ลูกแก้วและหัวนอตที่ถูกยิงมายังตำรวจด้วยหนังสติ๊กนั้น ผู้กระทำการอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บมีความรู้สึก มีความคิดเห็นเหมือนหรือแตกต่างจากพวกเขา ผู้กระทำการอาจจะโกรธแค้น ชิงชังที่ถูกขัดขวาง ถูกทัดทาน ถูกห้ามปรามมิให้กระทำการในสิ่งที่ขัดกับกฎหมายที่ประกาศใช้ในพื้นที่ควบคุม นั้น(ถึงแม้ว่าจะเป็นการกล่าวอ้างของผู้มีอำนาจว่าเพื่อเป็นไปเพื่อรักษา ความสงบเรียบร้อยหรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม)
ลองคิดดูเถิดว่าหากบริเวณพื้นที่แห่งความขัดแย้งนั้นไม่มีตำรวจทำหน้าที่อยู่เลยจะเกิดอะไรขึ้น? หากตำรวจปล่อยให้คู่ของความขัดแย้งต่างสามารถแสดงความรู้สึกและปฏิบัติการต่างๆ ได้อย่างเสรี โดยที่ไม่มีตำรวจทำหน้าที่เป็นตัวกลางเป็นกันชนแล้วนั้น อะไรจะเกิดขึ้น?
แท้ที่จริงแล้วเหล่าบรรดาตำรวจชั้นผู้น้อยเหล่านี้ต่างก็มีสถานะที่ไม่แตกต่างจากแท่นคอนกรีตที่ถูกนำมาวางกั้นไว้บนถนนเพื่อทำหน้าที่เป็นกันชนเพียงแต่กันชนเหล่านี้เป็นกลุ่มมนุษย์ที่เลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ มีอารมณ์ความรู้สึก มีลูก มีเมีย มีพ่อแม่ครอบครัวที่ต้องดูแลไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ ในสังคมเช่นเดียวกัน
“ผมพูดไม่ได้" นี่คือเสียงของตำรวจชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้ที่มีนาจ
“พวกผมไม่ใช่สีไหน แต่ชุดที่ใส่คือกากีสีของแผ่นดิน
ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่ แต่จะมีสักกี่คนจะเข้าใจ
พวกท่านมาเพราะสิทธิ พวกผมมาเพราะหน้าที่
พวกท่านต่อว่า ปาสิ่งของ พวกผมยืนมองไม่ยอมตอบโต้
พวกท่านยุติแล้วกลับบ้าน พวกผมต้องกลับทำงานตามหน้าที่...”
ตำรวจจากสถานีตำรวจต่างๆ ถูกเรียกให้มาปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยโดยให้หมุนเปลี่ยนเวียนกัน มาปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมฝูงชนโดยแบ่งกลุ่มกันเป็นกองร้อยตามที่จัดไว้ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจตามห้วงเวลาก็จะต้องกลับไปปฏิบัติงานซึ่งเป็นงานประจำที่คั่งค้างอยู่และถูกกำกับ ติดตาม ตรวจสอบอย่างเข้มงวด พวกเขาซึ่งเป็นตำรวจผู้น้อยเหล่านี้ไม่ได้หยุดพักอย่างที่ควรจะเป็น (แม้กระทั่งทหารเมื่อกลับมาจากประจำการยังได้พักโดยไม่ต้องทำงานในห้วงเวลาที่พักแต่สำหรับตำรวจมิได้เป็นเช่นนั้น) หากจะมองว่าการเหนื่อยยากลำบากกายเป็นสิ่งที่ตำรวจพึงต้องอดทนก็อาจจะสามารถมองเช่นนั้นได้ แต่หากมองให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความลำบากกายนี้ดำรงอยู่คู่กับปัญหาภาระงานในหน้าที่ที่ผูกโยงกับภัยอาชญากรรมในสังคมด้วยก็จะเห็นว่าตำรวจผู้ปฏิบัติงานมีภาระที่หนักหน่วงและสุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือประชาชนนั่นเอง
การแก้ไขและป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ที่เกิดขึ้นในห้วงสถานการณ์ที่สังคมไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองกลายเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสำคัญหลังภารกิจควบคุมฝูงชน?
อำนาจแผ่ซ่านในบริบททุนนิยม
ไพร่พลตำรวจมดงานต่างตกอยู่ภายใต้กลไกของอำนาจและวินัยดั่งที่ฟูโกว่าไว้
อีกทั้งอำนาจที่เข้ากดทับ จับจ้องและควบคุมเหล่าไพร่พลตำรวจมดงาน
ก็ยากที่จะต่อต้าน ขัดขืน...
จึงขอเชิญชวนให้ช่วยเป่านกหวีดเพื่อทำให้องค์กรตำรวจได้มีโอกาสเป็นองค์กรของประชาชนอย่างแท้จริงด้วยเถิด!!
วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
คืนนี้ที่ สภ.แม่จริม (๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันเสาร์ซึ่งตามปกติหากไม่มีอะไรผมก็จะกลับบ้านที่อำเิภอเมืองพะเยาแต่ว่าวันนี้มีงานซึ่งผมต้องเข้าร่วมประชุม Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานต่างๆ ที่โรงพักก็เลยอยู่ รวมถึงอยู่โรงพักในวันอาทิตย์พรุ่งนี้ด้วย อย่างว่าครับแม้โรงพักแม่จริมแทบจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตามแต่ความเป็นตำรวจก็จะประมาทไม่ได้ ต้องพร้อมอยู่เสมอรวมถึงผมที่เป็นหัวหน้างานและระดับการบังคับบัญชารองลงมาจากหัวหน้าสถานีด้วยก็ต้องพร้อม แล้วทีนี้การพร้อมหรือเตรียมพร้อมมีอยู่หลายวิธี บางคนก็เลือกวิธีการอยู่ในเขตพื้ินที่หากมีเหตุสามารถเรียกตัวได้ทันที แต่ผมใช้วิธีนอกจากอยู่ในพื้นที่แล้วก็ไปอยู่ประจำเสียที่โรงพักเลย ง่ายกว่าอย่างเช่นคืนนี้ครับ
ร่วมประชุม Video conference (๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๗.๓๐ น.เป็นต้นไปผมพร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพโรจน์ สิริปิยานนท์ สว.อก.และ ร.ต.ต.พิชัย นวลอนงค์ รอง สว.(ป.) สภ.แม่จริมเข้าร่วมประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานตำรวจทุกแห่งที่ห้อง ศปก.สภ.แม่จริมโดยการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธานจากศูนย์ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๐๙.๑๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับ
การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น.
การประชุมในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็ฺจสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๐๙.๑๐ น.หลังจากนั้นเป็นการประชุมเฉพาะในส่วนของตำรวจภูธรภาค ๕ และตำรวจภูธรจังหวัดน่านตามลำดับ
การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้นทั้งหมดเมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น.