วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สวนทางนายกฯขอพูดเรื่องปฏิรูปตำรวจ? : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

พวกเราเป็นตำรวจรึเปล่าเนี่ย? นี่คือการตั้งคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจของพนักงานสอบสวนอันนำมาซึ่งความอึดอัดใจไม่น้อยกว่าความรู้สึกที่คิดว่าพวกตนเป็นลูกเมียน้อย ในขณะที่ตำรวจในสายอื่นๆ กลับพูดถึงพนักงานสอบสวนที่สวนทางกันอย่างชนิดต่างขั้วต่างมุมว่า พนักงานสอบสวนเป็นพวกมีอภิสิทธิ์ ไม่สนใจใคร สร้างโลกของตัวเอง ไม่เห็นหัวใครในโรงพัก แยกตัวอิสระความรู้สึกที่สวนทางกันนี้เป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากระบบการบริหารงานผิดๆ ที่เหล่าผู้มีอำนาจในอดีตสร้างขึ้น โดยมองปัญหาไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งและไม่มองให้เห็นเหตุปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันของประสิทธิภาพในการทำงานของโรงพัก คิดแต่ว่า เพิ่มค่าตอบแทนเป็นเงินแล้วเรื่องก็จะจบ !!

โรงพักที่ผู้บริหารงาน ตร. บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความสำคัญที่สุด เป็นจุดแตกหักว่าจะทำให้ภารกิจสำคัญของตร.บรรลุหรือไม่นั้นกลับไม่มีรูปธรรมของการพัฒนาประสิทธิภาพงานโรงพักที่ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ? ต้องไม่ลืมด้วยว่า นอกจากตำรวจจราจรแล้วนั้น ตำรวจที่ใกล้ชิดประชาชนอย่างมากคือ พนักงานสอบสวน อย่าหลงผิดคิดว่า การจับให้เขามานั่งเอาหน้าชนกัน(ระหว่างพนักงานสอบสวนกับประชาชนที่มาแจ้งความ) โดยมีสถานที่ดีๆ และให้พนักงานสอบสวนใช้คำพูดปลอบประโลมใจ แค่นั้นจะพอแล้วนะ

นายตำรวจใหญ่ขยายความว่า เนื้อหา และกระบวนการทำงานสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งสามารถเสร็จสิ้นตามกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็วต่างหากที่เป็นสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชนและพนักงานสอบสวน อย่าคิดว่า ให้เงินประจำตำแหน่ง ให้เงินค่าสำนวนแค่นั้นแล้วจะทำให้พนักงานสอบสวนคิดว่าตนเองมีคุณค่า มีความหมายในการทำงาน ถ้าการให้เงินเป็นการแก้ปัญหาจริง พนักงานสอบสวนคงไม่วิ่งย้ายออกกันขนาดนี้นายตำรวจพรั่งพรูเรื่องราวปฐมเหตุแห่งปัญหาของพนักงานสอบสวนที่สะสมมาอย่างยาวนานนับทศวรรษในบริบทที่ผู้มีอำนาจทั้งในส่วนตำรวจและส่วนการเมืองล้วนแก้กันมาแบบไม่ตรงจุด ไม่ตรงสาเหตุจนปรากฏผลสำแดงความผิดพลาดในการวางระบบงานสอบสวนที่ขาดความรู้ความเข้าใจอย่างถึงแก่น

คนมาเป็นตำรวจนะ เชื่อเถอะร้อยทั้งร้อยเขาอยากภูมิใจในความเป็นตำรวจของเขา แต่ตอนนี้งานที่เขาทำมันไม่ต่างจากเสมียน...นั่งพิมพ์ไปสิทั้งวันไม่ได้เงยหน้าเงยตาออกมาจากสำนวนที่กองอยู่เต็มโต๊ะ" ผู้มีความรู้ด้านตัวบทกฎหมายมีมากมาย แต่ผู้รู้เหล่านั้นมีลักษณะธรรมชาติของการทำงานด้านกฎหมายที่แตกต่างจากตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน แตกต่างจากพนักงานสอบสวนที่เป็นตำรวจ

ต้องเริ่มต้นวิเคราะห์ตั้งแต่จุดเริ่มต้น อย่าลืมว่าเขาเข้ามาเป็นตำรวจนะ เขาไม่ได้บอกว่าฉันจะสอบไปเป็นพนักงานสอบสวน ตอนที่เขามีแรงบันดาลใจไปสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจน่ะนายตำรวจใหญ่ขยายความที่มาได้อย่างน่าสนใจ เชื่อเถอะว่าคนมาเป็นตำรวจ เขาอยากภาคภูมิใจว่าเขาได้ช่วยคน แต่เป็นการช่วยในบทของตำรวจนักสอบสวนไม่ใช่ช่วยนอกบทคำว่าบทของตำรวจตามที่นายตำรวจพูด หมายถึง การทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์อันเกิดจากการที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในคดีอาญาที่เป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงของตำรวจทุกนาย รวมถึงพนักงานสอบสวน ทุกวันนี้พิมพ์สำนวน จนนึกไม่ออกว่าช่วยคนยังไง ทำแต่สำนวนคดีไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด ???” ความบกพร่องที่เกิดขึ้นคือการขาดความร่วมมืออย่างแท้จริงของฝ่ายสืบสวนสอบสวนและป้องกันปราบปราม ดังนั้นถ้าแยกหน่วยงานออกไปจะแย่ยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่านัก !!

พนักงานสอบสวนต้องการทำงานอย่างมีคุณค่าให้แก่ประชาชนเหมือนตำรวจคนอื่นๆ นั่นแหละ เช่น การลงพื้นที่ การหาข้อมูล การคิดวิเคราะห์ วางแผน จับกุมคนร้าย การนำข้อมูลมาเทียบเคียงตัวบทกฏหมายแล้วดำเนินการตามกฎหมาย เป็นต้นพนักงานสอบสวนเพียงแต่อยากจะขอให้พวกเขาได้มีโอกาสได้ใช้วิชาความรู้ด้านการสืบสวนสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมมาใช้เป็นหลักสำคัญประกอบในการทำสำนวนคดีด้วยบ้าง ไม่ใช่ให้พวกเขาจำต้องนั่งก้มหน้าก้มตาพิมพ์สำนวนอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ พนักงานสอบสวนเป็นตำรวจ ต้องการแสดงบทบาทตำรวจ อยากได้ตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย ไม่มีตำรวจคนไหนอยากทำหน้าที่แค่พิมพ์ พิมพ์ และพิมพ์เอกสารหรอก

อย่ามาพูดว่าก็ไม่ได้ห้ามนี่ พนักงานสอบสวนก็ต้องไปสอบสวนสืบสวนหาพยานหลักฐานมาประกอบอยู่แล้ว ถ้าพูดแบบนี้ เรียกว่าไม่เข้าใจปัญหาแล้ว และตอนนี้สำนวนที่ค้างอยู่มีจำนวนมาก มันแทบจะกลบมิดตัวพนักงานสอบสวนจนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปทำอะไรได้ ผู้มีอำนาจต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบงาน กระบวนการทำงานทั้งกระบวนการแบบองค์รวม แต่ไม่ใช่เอาออกจากตำรวจ เพราะงานสืบสวนและสอบสวนมีความเกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออกตามลักษณะธรรมชาติของเนื้องาน ถ้าคิดแยกกันแบบนี้ยิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากขึ้น

ให้เขาได้มีโอกาสทำงานเป็นทีมเถอะ ชุดทีมที่มีทั้งสืบสวน สอบสวน และป้องกันปราบปรามอยู่ในทีมเดียวกันในโรงพักนั่นแหละ เชื่อเถอะว่าตำรวจมีหัวใจของความเป็นตำรวจ ถ้าเขาได้ทำงานอย่างเป็นระบบและมีคุณค่า เห็นผลลัพธ์ที่ดีของงาน ได้ช่วยประชาชนที่เดือดร้อน แค่นี้แหละพนักงานสอบสวนเขาก็พอใจแล้ว เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมายังไม่ครบถ้วนและเบี่ยงเบน ในเมื่อเหตุแห่งทุกข์ยังไม่ถูกแก้ไขความทุกข์จึงยังคงอยู่ ทั้งทุกข์ของตำรวจและทุกข์ของประชาชน

ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลสมัยหน้าก็ตามทีคนไทยน่ารอได้นะ?!! แต่อย่าให้รอเก้อ และขอให้คนทำงาน คนมีประสบการณ์จริงได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ด้วยก็แล้วกัน

ที่สำคัญตำรวจยังจำเป็นต้องปฏิรูป แต่คงจะไม่กล่าวอ้างอย่างเกินจริงว่าหากไม่ได้ปฏิรูปตำรวจแสดงว่าไม่ได้ปฏิรูปประเทศ เพราะการปฏิรูปเฉพาะตำรวจไม่สามารถสร้างผลสำเร็จที่ดีได้หากองค์กรอื่นไม่ได้รับการปฏิรูปด้วยพร้อมกัน !!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น