วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะที่หยุดรถ (๒ สิงหาคม ๒๕๕๘)

เมื่อเร็วๆ นี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เผยแพร่ความเห็นทางกฎหมายกรณีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะหยุดรถตามสัญญาณจราจรสีแดง (ไฟแดง) 
โดยระบุว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในช่วงกลางเดือนมีนาคม ๒๕๕๘  สรุปความได้ว่ามีอดีตผู้พิพากษาท่านหนึ่งได้ตั้งประเด็นในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะรถจอดติดสัญญาณไฟแดงโดยเห็นว่าไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๔๓ แห่ง พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒
เนื่องจากความหมายตามพจนานุกรมคำว่า "การขับขี่" หมายความว่าสามารถบังคับเครื่องยนต์ให้ยานพาหนะเคลื่อนที่ไปได้ โดยอ้างว่าขณะรถติดสัญญาณไฟแดงรถไม่ได้เคลื่อนที่ จึงก่อให้เกิดปัญหาความเคลือบแคลงในทางกฎหมาย
และเมื่อ สตช.ได้สอบถามความเห็นของหน่วยงานในสังกัดแล้วปรากฎว่าได้ความว่าการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะรถจอดติดสัญญาณไฟแดงโดยไม่มีอุปกรณ์สำหรับสนทนาเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เนื่องจากผู้ขับขี่รถถือว่าเป็นบุคคลผู้ใช้ทางเดินรถมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายทั้งที่เป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้ มิใช่ตีความตามพจนานุกรม กรณีการจอดรถในขณะติดสัญญาณไฟแดง ยังถือว่าผู้ขับขี่ต้องควบคุมรถอยู่ตามกฎหมายจราจรและพร้อมที่จะขับเคลื่อนต่อไปเมื่อมีสัญญาณไฟเขียว ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีสติและสมาธิตลอดเวลาในการใช้มือทั้งสองข้างควบคุมรถ 
สตช.จึงเห็นว่าเนื่องจากกรณีดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งผู้ให้ความเห็นเป็น "อดีตผู้พิพากษา"  จึงอาจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติหากมีการจับกุมในกรณีดังกล่าว อันอาจทำให้เจ้าพนักงานถูกฟ้องร้องดำเนินดคี แต่หากไม่ดำเนินการใดๆ ก็อาจทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเกิดความเคยชินและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ 
สตช.จึงขอหารือตามรายละข้างต้นว่าการใช้โทรศัพ์เคลื่อนที่ในขณะหยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟแดง เป็นความผิดตามมาตรา ๔๓(๙) แห่งพ.ร.บ.จราจาทางบกฯ หรือไม่

เบื้องต้น คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๔) ได้เชิญตัวแทนผู้เกี่ยวข้องและพิจารณาข้อกฎหมายแล้ว มีความเห็น ๒ ประเด็น ดังนี้ 
ประเด็นแรก ความหมายของการขับรถและการหยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟสีแดงอยู่ในความหมายของการขับรถหรือไม่ 
คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วมีความเห็นว่าเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.จราจรทางบกฯ กำหนดให้ผู้ขับขี่ซึ่งควบคุมรถอยู่ในทางเดินรถจะต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจร ซึ่งรวมถึงการหยุดรถหลังเส้นให้รถหยุดเพื่อรอสัญญาณไฟจราจรด้วย 
ดังนั้น การหยุดรถเพื่อรอสัญญาณไฟจราจรจึงเป็นเพียงการปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรเท่านั้น โดยผู้ขับขี่ยังต้องควบคุมรถและปฏิบัติตามสัญญาณไฟแดงเจรจรต่อไป การหยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟสีแดงดังกล่าว จึงยังอยู่ในความหมายของการขับรถ 
ประการสอง ข้อยกเว้นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ ตามที่บัญญัติไว้ใน (๙) ของมาตรา ๔๓ 
มาตรา ๔๓ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ บัญญัติห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถในกรณีต่างๆ เช่น ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ ขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว ฯลฯ, รวมทั้งในมาตรา ๔๓(๙) กำหนดห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่
เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งหากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามดังกล่าว ก็จะต้องได้รับโทษปรับตั้งแต่ ๔๐๐ บาท ถึง ๑,๐๐๐ บาท

ทั้งนี้ เนื่องจากการที่ผู้ขับขี่ถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ ทำให้ผู้ขับขี่ต้องควบคุมการจับพวงมาลัยด้วยมือเพียงข้างเดียว ซึ่งมีโอกาศที่ผู้ขับขี่จะเสียการควบคุมและการบังคับรถได้ อันส่งผลให้ประสิทธิภาพ ในการขับรถลดลง และอาจทำให้เกิดการกีดขวางทางจราจรหรือทำให้การเจราจรติดขัด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาจราจร และยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนด้วย 
ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภับสำหรับผู้ใช้รถ จึงกำหนดห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ โดยกำหนดข้อยกเว้นไว้กรณีเดียว คือ กรณีการใช้งานโดยผ่านอุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น 
จากข้อพิจารณาทั้งสองประเด็นดังกล่าว คณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า เมื่อความในมาตรา ๔๓(๔) กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย
ย่อมแสดงให้เห็นได้ว่าบัญญัติดังกล่าวประสงค์จะห้ามการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะผู้ขับขี่ควบคุมรถอยู่ในทางเดินรถ ไม่ว่ารถดังกล่าวจะอยู่ในระหว่างการเคลื่อนที่หรืออยู่ระหว่างการหยุดรถตามสัญญาณจราจร โดยยกเว้นไว้เฉพาะการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น
ฉะนั้น การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ในขณะที่หยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟสีแดงโดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมตามข้อยกเว้นดังกล่าง จึงเป็นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระหว่างการขับรถ และเป็นความผิดตามมาตรา ๔๓(๙) ซึ่งมีโทษตามมาตรา ๑๕๗ แห่งพ.ร.บ.จราจรทางบท พ.ศ.๒๕๒๒
อนึ่ง สำหรับอดีตผู้พิพากษา ที่โพสต์แสดงความเห็นเรื่องนี้ คือ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา โดยได้โพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๗
................
ที่มาhttp://goo.gl/bDU3NF

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น