วันนี้เวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น.ผมเดินทางไปตรวจตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจนาบัวพบ ร.ต.ท.สุกิจ วังคำหมื่น อยู่ปฏิบัติหน้าที่รายงานไม่มีเหตุ,ขัอขัดข้องหรือปัญหาในการปฏิบัติใดๆ
จุดตรวจนาบัวเป็น ๑ ใน ๒ ของจุดตรวจหรือหน่วยบริการประชาชนของ สภ.แม่จริมตั้งอยู่ติดถนนสายแม่จริม-น่านไปทางทิศใต้ห่างจาก สภ.แม่จริมประมาณ ๖ กิโลเมตร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบ ๒ นายผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันโดยบริเวณที่ติดกับจุดตรวจนั้นมีหน่วยบริการของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอำเภอแม่จริมที่มีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด ๒๔ ชั่วโมงประจำอยู่ด้วยทำให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการพี่น้องประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ผมได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งด้วยดังนี้
๑. ช่วงนี้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่จะออกจากบ้านเพื่อไปทำการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ทำให้บางช่วงเวลาไม่มีผู้อยู่ดูแลบ้านพักอาศัยและอาจเป็นช่องว่างให้คนร้าย เข้าไปประทุษร้ายต่อทรัพย์ของพี่น้องได้ จึงให้จัดเจ้าหน้าที่หมั่นออกตรวจตราดูแลบ้านพักอาศัยของพี่น้องให้มากเป็นพิเศษกว่าช่วงเวลาปกติ
๒. ระหว่างการออกตรวจตราดูแลตามข้่อ ๑. ให้ประชาสัมพันธ์หรือแนะนำวิธีการป้องกันต่อการถูกประทุษร้ายเบื้องต้นตามรูปแบบที่แจ้งให้ทราบในการตรวจครั้งนี้ให้พี่น้องทราบด้วย
๓. ขณะเดียวกันก็ให้ออกตรวจข้อมูลต่างๆ ที่อาจมีการเปลี่ยนอีกส่วนหนึ่ง
๔. การออกปฏิบัติหน้าที่ให้จัดทำบันทึกไว้ในสมุดประจำหน่วยบริการฯทุกครั้ง
๕. หากพบการกระทำผิดหรือสิ่งบอกเหตุที่น่าสนใจให้รีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบทันที
เจ้าหน้าที่รับทราบ
มาตรวจมาเยี่ยมเยือน จนถึงเรือนถึงตู้ยาม
สงสัยก็ไต่ถาม พร้อมแนะนำไปในตัว
หน้าที่คนเป็นนาย ทำอะไรต้องถี่ทั่ว
เข้าไปถึงในครัว ดูให้เห็นเป็นยังไง
"นายครับ..." จนท.ตู้ยามนาบัวพูดกับผม "...อีก ๒ ปีผมก็จะเกษียณแล้ว หลังเกษียณ ผมอยากจะรบกวนนายช่วยบอกให้คนที่มาอยู่ใหม่อนุรักษ์หม้อหุงข้าวประจำตู้ไว้ด้วยนะครับ หม้อนี้น่ะผมเห็นมาตั้งแต่ผมบรรจุที่แม่จริมเมื่อปี ๒๕๒๐ แล้ว ทุกวันนี้ผมก็ใช้หม้อใบนี้นี่แหละครับนาย"
ส่วนตำรวจคนนี้บรรจุหลังระฆังแม่จริมที่เห็นซึ่งปีหน้าพี่แกก็จะเกษียณแล้วแต่ระฆังยังคงดังเหง่งหง่างไปอีกตราบนานเท่านานครับ
“ระฆัง” ของโรงพักแม่จริมที่เห็นนี่อยู่คู่กับโรงพักมาแต่เนิ่นนานแล้วเรียกว่าพอสร้างโรงพักก็มีระฆังที่เห็นนี้ (ประมาณ ๕๐ ปีเศษ) ปัจจุบันโรงพักแทบทุกแห่งแทบไม่มีการนำระฆังมาแขวนไว้อีกแล้ว ทำให้ตำรวจรุ่นใหม่หรือชาวบ้านทั่วไปในสมัยนี้อาจจะไม่ทราบถึงความสำคัญของระฆังที่ในอดีตโรงพักทุกแห่งจะต้องมีระฆังเอาไว้ประจำโรงพัก เพราะจะใช้สำหรับให้สิบเวรตีบอกเวลาในขณะเข้าเวรยามหรือใช้สำหรับตีระฆังเปลี่ยนเวรยามหรือแจ้งเตือนเหตุร้าย และเป็นกุสโลบายของนายที่จะทำให้ทราบว่าสิบเวรหลับยามขณะปฏิบัติหน้าที่หรือไม่เพราะต้องตีบอกเวลาทุกชั่วโมง แต่เมื่อกาลเวลาได้เปลี่ยนไปการติดต่อสื่อสารทันสมัยขึ้นมีการใช้โทรศัพท์ วิทยุสื่อสารหรือการติดต่อทางโลกไซเบอร์อื่นๆ ระฆังประจำโรงพักจึงหมดความจำเป็นและค่อยๆ หายไป ทั้งที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำโรงพักที่ทุกแห่งจะต้องมี ทาง สภ.แม่จริมจึงอนุรักษ์เอาไว้เป็นเพื่อให้ตำรวจรำลึกถึงประวัติความเป็นมาและวิธีการทำงานของตำรวจในอดีต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น