อกสั่นขวัญระทึกลามกระทบถึงครอบครัวลูกเมียคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สารวัตร ประจำปี ๒๕๖๑ ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีอำนาจเพียงผู้เดียวในการลงนามหนังสือ “แปะหน้า” บัญชีรายชื่อมาตั้งแต่วันที่ ๒๘ ก.พ.๒๕๖๒
สุดท้ายเหมือนยังไม่ “สะเด็ดน้ำ” คลอดทะลักกันไม่ยอมหยุด
กฎระเบียบและหลักเกณฑ์เป็นยิ่งกว่า “ขี้เลน” หาไม้หลักปักไม่ได้ หลังจาก “ขั้วอำนาจ” เข้ามาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายทำลายระบบ
กลุ่ม ได้ดิบ–ได้ดี ถูกมองมีเพียง “ฝูงเดียว” ที่เที่ยวยัดผลงานสนองนโยบาย “ผู้เป็นนาย” ทั้งที่บางคนเจอเรื่องร้องเรียนเป็น “หัวเบี้ย” เก็บ “ส่วยทัวร์เถื่อน” กระฉ่อนวงการ ยังยิ้มหน้าบานขึ้นนั่งเก้าอี้สูงกว่าเก่า เพราะผู้ใหญ่ไม่เอาความประพฤตินอกแถวมาใส่สมอง
ผิดกับ “นายสืบชั้นครูบางคน” อดทนทำงานเพื่อประเทศชาติมาทั้งชีวิต เจอคำสั่งวิปริต “ตกขอบ” หลุดออกนอกกรอบงานถนัดไปอยู่งานไม่คุ้นเคย
ไฉนเลยกับอีก ๘๐ กว่าชีวิต “สารวัตรป้ายแดง” แห่ง นรต.๖๕ ที่ถูก “แก้บัญชียกรุ่น” กลับไปวุ่นงานต้นธารกระบวนการยุติธรรม ทำหน้าที่สารวัตร (สอบสวน) ตามโรงพัก หวังกำจัดปัญหาวิกฤตการณ์ขาดแคลนคนทำสำนวน
ชนวนเรื้อรังมาจากผลพวงการยุบแท่งความเจริญก้าวหน้าของพนักงานสอบสวนเมื่อหลายปีก่อน
สะท้อนให้เห็นการแต่งตั้งโยกย้ายที่ทำลายขวัญกำลังใจทำงาน แม้มี “โบแดง” ส่งประกวดมากมาย
ทว่า “ผู้เป็นนาย” ไม่เห็นก็ไม่เป็นผล
พวกเขาเสียสละทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวม อาจไม่ได้เข้าร่วมสังฆกรรมทำคุณแก่กลุ่มอำนาจส่วนตัว
ส่งให้เกิดภาพการโยกย้าย “ผิดฝา–ผิดตัว” บ่งสัญญาณอันน่ากลัวขององค์กรสีกากี
ส่งให้เกิดภาพการโยกย้าย “ผิดฝา–ผิดตัว” บ่งสัญญาณอันน่ากลัวขององค์กรสีกากี
ในเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ยึด “ระบบคุณธรรม” นำการแต่งตั้ง แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะออกไปผดุงความยุติธรรมในสังคมได้หรือ.
สหบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น