วันนี้วันจันทร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ วันสุดท้ายของปีงบประมาณ ๒๕๕๖ และก็เป็นวันสุดในการรับราชการของพี่ๆ (งานนี้ไม่มีน้อง ฮา) ที่ทำงานมาจนครบเกษียณอายุราชการในปีนี้ ก็ขออวยพรให้พี่ๆ ทุกคนที่ทำงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ ขยันหมั่นเพียรจงมีความสุขหลังเกษียณ มีอายุยืนยาว สุขภาพกายใจแข็งแรงโดยทั่วกันนะครับ
ตัวผมเองยังเหลืออีก ๗ ปี (เฮ้อ ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย ไม่นานเลย) ก็คงทำงานต่อไปจนถึงวันสุดท้ายนั่นแหละ ไม่มีท้อ ไม่มีเหนื่อย ทั้งนี้ก็เพื่อพี่น้องประชาชนอันเป็นที่รักของตำรวจไทยเรา โดยวันนี้ผมมาทำงานที่โรงพักแม่จริมหลังจากไปทำงานอำนวยการที่ ภ.จว.น่านซะนาน ๗ เดือนเต็มๆ ชีวิตการทำงานชอบที่จะทำงานโรงพักมากกว่า มันตรงกับอุปนิสัยใจคอที่แท้จริง ทำแล้วไม่มีฝืน ยิ่งได้อยู่กับพี่น้องประชาชนด้วยแล้วสนุ้กสนุกกว่ากับไปนั่งจมอยู่กับกองเอกสารกองหนังสือเป็นไหนๆ งานแบบนั้นหากเปรียบไปก็คล้ายๆ เป็นโค้ชหรือเทรนเนอร์ซึ่งผมเองไม่ถนัด ผมชอบที่จะขึ้นเวทีไปต่อยตีต่อสู้เองมากกว่า ยิ่งเรามีความคิดหรือแนวการทำงานไม่ค่อยเหมือนใครด้วยแล้วการเสนออะไรๆ บางอย่างนายมักไม่ค่อยเห็นด้วยนัก หรือเสนอไปนายเล่นด้วยแต่ข้างล่าง (เหมือนถึงตำรวจโรงพัก) ก็อาจจะไม่เล่นกับเราหรือไม่ทำเหมือนที่เราคิด อีกทั้งเราก็ไม่มีอำนาจอะไรไปสั่งการเพราะฉะนั้นสู้ทำเองซะดีกว่าแม้จะไม่เหมือนใครแต่ก็ไม่มีใครเหมือน ดีไปอีกแบบหนึ่ง
แต่ที่ว่านี้ไม่ใช่้หมายถึงว่าทำอะไรตามอำเภอใจนะครับ ไม่ใช่ เราต้องยึดกฎ ระเบียบและคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไว้เป็นสำคัญ อย่าฝืน อย่ากระด้างกระเดื่อง นโยบายนี่้สำคัญมาก การเ็ป็นข้าราชการการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเป็นสิ่งาสำคัญที่สุดซึ่งผมเองก็ยึดถือและปฏิบัติตามมาโดยตลอด ที่พูดนั้นหมายถึงงานหรือการปฏิบัติหน้าที่ที่ผมเองชอบหรือกระทำมาตลอดส่วนใหญ่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ตำรวจเขาไม่ค่อยทำกันนักหรือทำก็นานๆ ทีเอาเป็นว่านายสั่งมาเมื่อไรถึงค่อยทำว่างั้นเถอะ แต่ของผมมันเหมือนกับเป็นชีวิตวิญญาณไปซะแล้วนั่นก็คือการทำงานกับพี่น้องประชาชนนั่นเองครับ งานลักษณะนี้ต้องตำรวจโรงพักเท่านั้น ตำรวจที่อื่นทำได้ไหม ได้ครับ แต่...มันก็เหมือนกับไม่มีพื้นที่ให้แสดง ไม่มีเวทีให้เล่นนั่นแหละ แต่อยู่โรงพักเรามีพื้นที่ให้แสดง มีเวทีให้เล่นได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงก็เลยสนุกและตรงกับนิสัยผม เอาเป็นว่ามาอยู่โรงพักแล้วสนุกแม้จะไม่สบายแต่เราก็ชอบที่จะไม่สบายมากกว่า
สำหรับงานวันนี้ช่วงเช้าผมทำงานอยู่แต่โรงพักเพราะต้องสะสางงาน ดูงาน เตรียมอะไรต่างๆ หลายอย่างซึ่งก็มีอยู่เยอะแยะพอสมควรและก็มีความตั้งใจว่าหากไม่มีอะไรเป็นพิเศษการทำงานในแต่ละวันจะตั้งโปรแกรมของตัวเองแบบนี้คือตอนเช้าทำงานที่โรงพักส่วนตอนบ่ายจะออกไปข้างนอกทำอะไรต่างๆ เท่าที่จะมีให้ทำเพราะหากอยู่แต่โรงพักอย่างเดียวรับรองรู้อยู่แค่นั้นแบบกบในกะลาว่างั้นเถอะ
ต่อมาช่วงบ่ายราวๆ บ่าย ๓ โมงเศษก็เดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องในเขตพื้นที่แม่จริมโดยวันนี้ผมไปเยี่ยมเยียนทักทายโอภาปาศรัยเจ้าหน้าที่ อ.ส.อำเิภอแม่จริมที่จุดบริการบ้านนาบัว ตำบลหนองแดง โดย อ.ส.ชาติ ศรีวิชัย อยู่ปฏิบัติหน้าที่ประจำวันนี้
พี่น้อง อ.ส.นี่เป็นกำลังสำคัญของฝ่ายปกครองในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยและการบริการพี่น้องประชาชนซึ่งพวกเราตำรวจก็ได้ประสานกับปฏิบัติอยู่ตลอดเสมอมา รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง แหล่งข่าวหรือความเคลื่อนไหวต่างๆ ในพื้นที่ก็ได้จากพี่ๆ น้องๆ อ.ส.เยอะมากเพราะฉะนั้นหากมีเวลาผมจะเข้าไปพบปะพูดคุยกับเขาเสมอ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเรื่องของขวัญและกำลังใจ
เวลาประมาณ ๑๗.๒๐ น.เดินทางกลับโรงพักและตรวจติดตามผลการปฏิบัติงานรอบวันของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแม่จริมที่ห้องทำงานว่าได้ผลเป็นแบบไหน อย่างไร ปัญหาข้อขัดข้องมีไหม หากมีจะได้ช่วยกันแก้ไขให้สำเร็จลุล่วงซึ่้งก็ดีครับน้องๆ เจ้าหน้าที่เขาทำไว้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เราในฐานะเป็นหัวหน้างานก็สบายไปหลายอย่าง
ปิดท้ายเย็นนี้ : ใครว่าการเป็นตำรวจต้องทำตัวหรูหรา ฟู่ฟ่า กินอาหารต้องขึ้นเหลา ราคาแพงๆ นี่คืออีกตัวอย่างหนึ่งของตำรวจยุคนี้ครับ พวกเรา "ตำรวจแม่จริม" กินกันแบบนี้ทุกเย็น ผมก็กินกับเขาด้วย เย็นไหนพี่น้องว่างๆ เชิญที่แม่จริมนะครับ ผมเลี้ยง
เย็นนี้กับข้าว ๒ อย่าง ๕๐ บาท ส่วนข้าวเราเตรียมมาจากบ้านแล้วก็หุงกันที่นี่ ๒ คน ๕๐ บาท ประหยัดเห็นๆ
ภาคกลางคืน : หลังจากอาบน้ำอาบท่า ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็มาอยู่ที่โรงพักเหมือนเช่นทุกวันที่เคยปฏิบัติครับ เหตุที่ต้องมาอยู่โรงพักก็ไม่ใช่ว่ามีงานอะไรนักหนาหรอก เป็นเพียงไม่รู้จะออกไปไหน ที่บ้านพักก็ไม่มีอะไรซักอย่าง ทีวี วิทยุไม่มีทั้งนั้น (เพราะตั้งใจไม่เอามา) ก็เลยมานั่งเป็นกำลังเสริมให้น้องๆ สายตรวจเขาเผื่อมีเหตุด่วนเหตุร้ายหรือเรื่องที่จะต้องบริการพี่น้องประชาชนซะที่โรงพักนี่แหละ พี่น้องคนไหนว่างๆ จะไปอยู่เป็นเพื่อนผมเชิญได้นะครับ มีกาแฟเลี้ยง
วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556
ความ(ไม่)ดีของตำรวจจราจร : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๙ กันยายน ๒๕๕๖)
สุภาพบุรุษจราจร
คือคำที่เขียนขึ้นในคู่มือการปฏิบัติงานตำรวจจราจรในสมัยที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจจราจรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๒ โดยกล่าวว่า ตำรวจจราจรที่เข้าข่ายสุภาพบุรุษจราจรจะต้องแต่งกายดี
บุคลิกดี วาจาดี การให้บริการดี มีความยุติธรรม ต้องมีน้ำใจ
และเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการขับขี่การใช้รถใช้ถนน เวลาผ่านไปเกินกว่าทศวรรษ (ปลายปี
พ.ศ.๒๕๕๕) คำว่าสุภาพบุรุษจราจรถูกนำมาบรรจุอยู่ในนโยบายด้านงานจราจรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หากทว่าในปี พ.ศ.๒๕๕๖ กระแสข่าวการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของตำรวจจราจรส่วนหนึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้ต้นทุนทางสังคมที่ตำรวจมีอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้วตกต่ำลงไปมากยิ่งขึ้น
จนดูเสมือนว่าตำรวจจราจรเป็นเสมือนภาพตัวแทน (Representation) ของตำรวจทั้งหมด ดังนั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงควรให้ความสำคัญกับงานนี้ไม่น้อยกว่างานอื่น
ตำรวจจราจรอาจมิใช่พระเอก (Hero) ในใจของใครเฉกเช่นเดียวกับตำรวจปราบยาเสพติด (ซึ่งก็ถูกตั้งคำถามเช่นกันว่าจับได้เยอะแต่ทำไมการแพร่ระบาดในชุมชนต่างๆ ก็ยังคงเยอะมากขึ้นเช่นกัน?) หรือตำรวจสายปราบปราม สายสืบสวนสอบสวน เป็นต้น สังคมไทยไม่เคยเห็นภาพตำรวจจราจรแถลงข่าวแสดงผลงานผ่านจอแก้วหรือสื่อมวลชนแขนงใดๆ ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยทุกคนเห็นจนอาจกลายเป็นความเคยชินก็คือตำรวจที่อยู่ในสายตาประชาชนมากที่สุด นั่นก็คือตำรวจจราจร จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีตำรวจจราจรยืนอยู่บนถนนไม่น้อยกว่าชาติใดในโลก ในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นการหาตำรวจจราจรบนถนนเป็นสิ่งที่ยากมาก
ทั้งนี้ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรจะถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม (เสมอภาคและเท่าเทียม) ผ่านการจับจ้องควบคุมของการใช้เทคโนโลยีตรวจจับที่ทันสมัยที่ติดตั้งอยู่บนถนนจำนวนมากและมีการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่สามารถส่งใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และแม่นยำ ถึงแม้ว่าผู้ขับขี่จะเป็นนักท่องเที่ยวก็ตาม โดยใบสั่งนี้จะส่งตรงไปยังที่อยู่ของบุคคลนั้นแม้จะอยู่ต่างประเทศก็ตาม (ไม่ใช้ตัวคนเป็นๆ ไม่มีการต่อราคา ไม่มีการขอร้องอ้อนวอนและไม่มีการใช้อำนาจเหนือกว่ามาข่มขู่คุกคาม)
“ทีคันนั้นทำไมคุณไม่จับ คุณเลือกมาจับแต่คันผมได้ไง” ข้อกังขาของผู้ขับขี่ที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรไทยที่พบบ่อย หากตำรวจจราจรตอบตามความจริงว่าก็ผมจับคันนั้นไม่ทัน ก็อาจสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ถามอีกเช่นกัน (ถึงแม้ว่าจะเป็นความจริง) ซึ่งหากวิเคราะห์โดยปราศจากอคติแล้วนั้นจะเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายจราจรในสถานการณ์ที่มีผู้กระทำผิดจำนวนมากในห้วงเวลาเดียวกันในขณะที่ผู้ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบควบคุมมีจำนวนจำกัดนั้นย่อมมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในลักษณะจับไม่ทัน ส่งผลให้ปรากฏภาพจับบ้างไม่จับบ้าง จนเกิดการตั้งคำถามและการตีความในลักษณะเลือกปฏิบัติ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง เป็นต้น
แม้แต่กลุ่มคนที่ทำงานด้านอุบัติเหตุทางถนนก็ยังตั้งคำถามว่าคนตายกลางถนนไม่ลดเพราะตำรวจไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง? ทั้งๆ ที่ทางแก้ปัญหานี้ให้ตรงจุดตรงสาเหตุคือการใช้เทคโนโลยีในการควบคุมพฤติกรรมการฝ่าฝืนกฎหมายจราจรที่มีประสิทธิภาพ หรือการออกแบบสภาพถนนที่สามารถควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย การบริหารจัดรถขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและมีวินัยในการขับขี่อย่างเช่นประเทศที่พัฒนาแล้วนิยมกระทำ มิใช่มุ่งบังคับให้ตำรวจจำนวนมากยืนเฝ้าจับจ้องคนบนถนน
“ฝ่าไปได้ครับ ตอนนี้ตำรวจไม่จับแต่ถึงจับก็จับไม่ทันหรอก ขืนมาจับรถก็ยิ่งติด ตำรวจกลัวโดนด่า” คนขับรถแท็กซี่บอกในขณะที่เปลี่ยนไปใช้ช่องทางเดินรถที่ผิดกฎหมายจราจรทั้งๆ ที่มีตำรวจจราจรยืนปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาเร่งด่วนอยู่บริเวณนั้น “บ้าไปแล้ว มืดขนาดนี้จะให้ใส่หมวกกันน็อก” หรือ "นักศึกษาจะรีบไปโรงเรียนก็มาจับมาเรียกตรวจหมวก ตรวจใบขับขี่ ตรวจกระจกรถ หวังจะเอาแต่ส่วนแบ่งค่าปรับ ไม่เห็นใจเด็กมันไม่มีเงินยังจะปรับมันอีก” หรือ "ถือใบสั่งกันว่อนใกล้สิ้นเดือนตำรวจก็อย่างนี้...” และอื่นๆ อีกมากมายที่ล้วนแต่เป็นความรู้สึกในเชิงลบซึ่งได้รับความนิยมอย่างยิ่งและมีการเผยแพร่ส่งต่อกันอย่างรวดเร็วในยุคเทคโนโลยีข่าวสารในปัจจุบัน
ตำรวจจราจรอาจมิใช่พระเอก (Hero) ในใจของใครเฉกเช่นเดียวกับตำรวจปราบยาเสพติด (ซึ่งก็ถูกตั้งคำถามเช่นกันว่าจับได้เยอะแต่ทำไมการแพร่ระบาดในชุมชนต่างๆ ก็ยังคงเยอะมากขึ้นเช่นกัน?) หรือตำรวจสายปราบปราม สายสืบสวนสอบสวน เป็นต้น สังคมไทยไม่เคยเห็นภาพตำรวจจราจรแถลงข่าวแสดงผลงานผ่านจอแก้วหรือสื่อมวลชนแขนงใดๆ ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยทุกคนเห็นจนอาจกลายเป็นความเคยชินก็คือตำรวจที่อยู่ในสายตาประชาชนมากที่สุด นั่นก็คือตำรวจจราจร จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีตำรวจจราจรยืนอยู่บนถนนไม่น้อยกว่าชาติใดในโลก ในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นการหาตำรวจจราจรบนถนนเป็นสิ่งที่ยากมาก
ทั้งนี้ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรจะถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม (เสมอภาคและเท่าเทียม) ผ่านการจับจ้องควบคุมของการใช้เทคโนโลยีตรวจจับที่ทันสมัยที่ติดตั้งอยู่บนถนนจำนวนมากและมีการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่สามารถส่งใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และแม่นยำ ถึงแม้ว่าผู้ขับขี่จะเป็นนักท่องเที่ยวก็ตาม โดยใบสั่งนี้จะส่งตรงไปยังที่อยู่ของบุคคลนั้นแม้จะอยู่ต่างประเทศก็ตาม (ไม่ใช้ตัวคนเป็นๆ ไม่มีการต่อราคา ไม่มีการขอร้องอ้อนวอนและไม่มีการใช้อำนาจเหนือกว่ามาข่มขู่คุกคาม)
“ทีคันนั้นทำไมคุณไม่จับ คุณเลือกมาจับแต่คันผมได้ไง” ข้อกังขาของผู้ขับขี่ที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรไทยที่พบบ่อย หากตำรวจจราจรตอบตามความจริงว่าก็ผมจับคันนั้นไม่ทัน ก็อาจสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ถามอีกเช่นกัน (ถึงแม้ว่าจะเป็นความจริง) ซึ่งหากวิเคราะห์โดยปราศจากอคติแล้วนั้นจะเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายจราจรในสถานการณ์ที่มีผู้กระทำผิดจำนวนมากในห้วงเวลาเดียวกันในขณะที่ผู้ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบควบคุมมีจำนวนจำกัดนั้นย่อมมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในลักษณะจับไม่ทัน ส่งผลให้ปรากฏภาพจับบ้างไม่จับบ้าง จนเกิดการตั้งคำถามและการตีความในลักษณะเลือกปฏิบัติ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง เป็นต้น
แม้แต่กลุ่มคนที่ทำงานด้านอุบัติเหตุทางถนนก็ยังตั้งคำถามว่าคนตายกลางถนนไม่ลดเพราะตำรวจไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง? ทั้งๆ ที่ทางแก้ปัญหานี้ให้ตรงจุดตรงสาเหตุคือการใช้เทคโนโลยีในการควบคุมพฤติกรรมการฝ่าฝืนกฎหมายจราจรที่มีประสิทธิภาพ หรือการออกแบบสภาพถนนที่สามารถควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย การบริหารจัดรถขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและมีวินัยในการขับขี่อย่างเช่นประเทศที่พัฒนาแล้วนิยมกระทำ มิใช่มุ่งบังคับให้ตำรวจจำนวนมากยืนเฝ้าจับจ้องคนบนถนน
“ฝ่าไปได้ครับ ตอนนี้ตำรวจไม่จับแต่ถึงจับก็จับไม่ทันหรอก ขืนมาจับรถก็ยิ่งติด ตำรวจกลัวโดนด่า” คนขับรถแท็กซี่บอกในขณะที่เปลี่ยนไปใช้ช่องทางเดินรถที่ผิดกฎหมายจราจรทั้งๆ ที่มีตำรวจจราจรยืนปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาเร่งด่วนอยู่บริเวณนั้น “บ้าไปแล้ว มืดขนาดนี้จะให้ใส่หมวกกันน็อก” หรือ "นักศึกษาจะรีบไปโรงเรียนก็มาจับมาเรียกตรวจหมวก ตรวจใบขับขี่ ตรวจกระจกรถ หวังจะเอาแต่ส่วนแบ่งค่าปรับ ไม่เห็นใจเด็กมันไม่มีเงินยังจะปรับมันอีก” หรือ "ถือใบสั่งกันว่อนใกล้สิ้นเดือนตำรวจก็อย่างนี้...” และอื่นๆ อีกมากมายที่ล้วนแต่เป็นความรู้สึกในเชิงลบซึ่งได้รับความนิยมอย่างยิ่งและมีการเผยแพร่ส่งต่อกันอย่างรวดเร็วในยุคเทคโนโลยีข่าวสารในปัจจุบัน
หันกลับมามองอีกมุมมีตัวอย่างดีๆ เช่นที่สถานีตำรวจภูธรระโสม
จ.พระนครศรีอยุธยา
มีการประสานภาคีเครือข่ายทั้งผู้ใหญ่บ้านและเยาวชนในหมู่บ้านหวังสร้างความตระหนักในการขับขี่ที่ปลอดภัยบนถนนที่ปลอดภัยเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่
โดยพยายามทำทุกอย่างทั้งการบังคับใช้กฎหมายและการมีถนนที่ปลอดภัยในการขับขี่โดยร่วมมือกันนำหินคลุกซ่อมกลบหลุมบ่อถนน
ด้วยหวังว่าการกระทำเกินบทบาทหน้าที่ของตำรวจนี้จะทำให้ประชาชนเข้าใจความปรารถนาดีต่อการมุ่งมั่นรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน
การกระทำไม่แตกต่างจากการปิดทองหลังพระ ไม่มีการโชว์สัญลักษณ์ใดว่าเป็นตำรวจ
ไม่มีการแถลงข่าว ไม่มีการประชาสัมพันธ์และไม่สนใจว่าจะมีใครเผยแพร่ความตั้งใจดีๆ
ของตำรวจจราจรหรือไม่ แต่ทำงานโดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่มีคนตายกลางถนนเป็นอันดับ
๓ ของโลกเช่นเดียวกับตำรวจจราจรอีกจำนวนไม่น้อย ด้วยความอดทน
อดกลั้นต่อข้อจำกัดต่างๆ
ของทรัพยากรในการบริหารงานจราจรและอคติของสังคมที่มีต่อตำรวจจราจร...หากเปิดใจสักนิดอาจพบว่าตำรวจไม่ดีมีเป็นร้อย
แต่ก็ยังมีตำรวจอีกไม่น้อยที่ทำดีแล้วไม่มีใครเห็น!! (แม้แต่นาย!!?!!)
ที่มา : http://goo.gl/KFdJ6T
วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556
ร่วมประชุมคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัด (๒๗ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น.เป็นต้นไปผมเป็นตัวแทน ผกก.สภ.แม่จริมเข้าร่วมประชุึมคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดน่้านครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ ณ ห้องประชุม ๑ ศาลากลางจังหวัดน่าน ผู้เข้าร่วมประชุึมประกอบหัวหน้าส่วนราชการหรือผู้แทนจากจังหวัดน่าน,ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน,สถานีตำรวจทุกแห่งในสังกัด (๒๐ สถานี), สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย,สาธารณสุข,พัฒนาสังคมฯ,เขตพื้นที่การศึกษา,ด่านกักสัตว์,สรรพสามิต,เรือนจำจังหวัด,คุมประพฤติ,ด่านตรวจคนเข้าเมือง,ด่านศุลกากรทุ่้งช้าง,ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประมาณ ๖๐ คนโดยปลัดจังหวัดน่านทำหน้าที่ประธานการประชุม
ระเบียบวาระการประชุมวันนี้มีดังนี้
* ระเบียบวาระที่ ๑ : เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
* ระเบียบวาระที่ ๒ : เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๖
* ระเบียบวาระที่ ๓ : เรื่องเสนอเพื่อทราบของแต่ละหน่วยที่เข้าร่วมประชุึม
* ระเบียบวาระที่ ๔ : เรื่องเสนอเิพื่อพิจารณา
* ระเบียบวาระที่ ๕ : เรื่องอื่น
การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๔.๕๐ น.และกำหนดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ ห้องประชุม ๑ ศาลากลางจังหวัดน่าน
ระเบียบวาระการประชุมวันนี้มีดังนี้
* ระเบียบวาระที่ ๑ : เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
* ระเบียบวาระที่ ๒ : เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๖
* ระเบียบวาระที่ ๓ : เรื่องเสนอเพื่อทราบของแต่ละหน่วยที่เข้าร่วมประชุึม
* ระเบียบวาระที่ ๔ : เรื่องเสนอเิพื่อพิจารณา
* ระเบียบวาระที่ ๕ : เรื่องอื่น
การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๔.๕๐ น.และกำหนดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ ห้องประชุม ๑ ศาลากลางจังหวัดน่าน
พบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดแม่จริม (๒๗ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น.เป็นต้นไปผมออกเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ตลาดอำเภอแม่จริมตามแผนการปฏิบัติประจำวันรวมถึงนโยบายการสร้างความอุ่นใจต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่พี่น้องประชาชนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
การพบปะเยี่ยมเยียนครั้งนี้ก็จะคล้ายๆ กับทุกครั้งที่ผ่านมาคือพูดคุยโอภาปราศัยกัน มีอะไรจะให้ตำรวจช่วยเหลือบ้างครับ มีอะไรที่จะแนะนำตำรวจเราให้ทำเพื่อให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องบ้างครับ อะไรประมาณนี้ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างดีพอสมควร และที่แน่ๆ ก็คือมิตรภาพหรือความผูกพันต่อกันระหว่างตำรวจกับพี่น้องแน่นแฟ้นอบอุ่นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยการพบปะเยี่ยมครั้งนี้ผมใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง สำหรับภาพทั้งหมดกรุณาคลิกดูได้ที่นี่นะครับ
การพบปะเยี่ยมเยียนครั้งนี้ก็จะคล้ายๆ กับทุกครั้งที่ผ่านมาคือพูดคุยโอภาปราศัยกัน มีอะไรจะให้ตำรวจช่วยเหลือบ้างครับ มีอะไรที่จะแนะนำตำรวจเราให้ทำเพื่อให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องบ้างครับ อะไรประมาณนี้ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างดีพอสมควร และที่แน่ๆ ก็คือมิตรภาพหรือความผูกพันต่อกันระหว่างตำรวจกับพี่น้องแน่นแฟ้นอบอุ่นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยการพบปะเยี่ยมครั้งนี้ผมใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง สำหรับภาพทั้งหมดกรุณาคลิกดูได้ที่นี่นะครับ
ตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยธนาคาร-ร้านทอง (๒๗ กันยายน ๒๕๕๖)
การตรวจตราดูแลครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ธนาคาร ร้านค้าทอง ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ทของ สภ.แม่จริมที่กำหนดไว้โดยยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีนโยบายที่จะเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพื้นฐานที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินและชีวิตร่างกายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความหวาดระแวงภัยจากอาชญากรรมของพี่น้องให้เหลือน้อยที่สุด
การปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ของ สภ.แม่จริมนั้นได้ดำเนินการดังนี้ครับ
๑. แนวคิดในการปฏิบัติ
ได้ยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีนโยบายที่จะเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพื้นฐานที่ เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน ทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินและชีวิตร่างกาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความหวาดระแวงภัยจากอาชญากรรมของพี่น้องให้เหลือน้อยที่สุด
๒. วัตถุประสงค์ในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้
๒.๑ เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมธนาคาร ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ท
๒.๒ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนและพนักงานขาย หรือผู้ประกอบการ
๒.๑ เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมธนาคาร ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน ร้านมินิมาร์ท
๒.๒ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนและพนักงานขาย หรือผู้ประกอบการ
๓. เป้าหมาย : สถานประกอบการในเรื่องดังกล่าวทั้งหมดในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.แม่จริม
๔. แนวทางในการปฏิบัติ
๔.๑ สำรวจสถานที่และสถานประกอบการเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดและเก็บและนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ เช่น สถานที่ตั้ง,จำนวนผู้ใช้บริการ,เวลาที่มีผู้มาใช้บริการทั้งจำนวนมากและน้อยที่สุดในแต่ละวัน เป็นต้น
๔.๒ เพิ่มความเข้มในการตรวจตราป้องกันโดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ออกตรวจตราและเพิ่มความเข้มรวมถึงความถี่ในการตรวจเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนออกปฏิบัติหน้าที่แต่ละผลัดนั้นได้มอบหมายภารกิจและแนวทางปฏิบัติไว้ด้วยทุกครั้ง
๔.๓ ขณะเจ้าหน้าที่ออกตรวจจะให้เพิ่มความสังเกตและตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะซึ่งมีลักษณะผิดปกติ เช่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดนานผิดสังเกต พกพาอาวุธปืนหรือสวมใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผิดไปจากบุคคลทั่วไป
๔.๔ ติดตั้งจุดตรวจของสายตรวจหรือที่เรียกกันติดปากว่า “ตู้แดง” ไว้ตามสถานที่ที่น่าจะเสี่ยงต่อการถูกประทุษร้าย โดยเรื่องนี้ในเขตเทศบาลของ สภ.แม่จริมได้ติดตั้งไว้จำนวนมากกว่า ๑๐ ตู้ครอบคลุมทุกจุดสำคัญๆ
๔.๕ ประชาสัมพันธ์และออกหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการให้ทราบถึงวิธีการกระทำผิดของคนร้าย การป้องกันและการแจ้งเมื่อเกิดเหตุ สำหรับการปฏิบัติเรื่องนี้นั้น สภ.แม่จริมได้เชิญเจ้าของ/ผู้ประกอบการเข้าประชุมเป็นระยะ รวมถึงได้จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องและสำคัญๆ ให้ทราบอยู่เสมอ ประการสำคัญก็คือได้ใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุชุมชนในเขตพื้นที่ให้ทราบทุกสัปดาห์ๆ
๔.๖ ขอความร่วมมือให้มีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เช่น สัญญาณเตือนภัย โทรทัศน์วงจรปิด
๔.๗ การวางระแบบการรับแจ้งเหตุให้สามารถแจ้งเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ทันท่วงที โดย สภ.แม่จริมกับสถานประกอบการได้เชื่อมโยงการแจ้งเหตุทางโทรศัพท์อัตโนมัติและกริ่งสัญญาณรวมถึงการติดต่อสื่อสารสมัยใหม่ไว้แล้วและมีการทดสอบการปฏิบัติอย่างน้อย ๒ สัปดาห์ต่อครั้งอยู่เป็นประจำ
๔.๘ การตรวจสอบความพร้อมจุดรับแจ้งเหตุและเจ้าหน้าที่ สภ.แม่จริมโดยได้กำหนดให้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุหรือสถานการณ์สมมุติกรณีมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจากการประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือชีวิตและทรัพย์สินของสถานประกอบการเหล่านี้เป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งเพื่อความพร้อมและคล่องตัวของเจ้าหน้าที่หากมีเหตุเกิดขึ้น
๔.๑ สำรวจสถานที่และสถานประกอบการเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดและเก็บและนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ เช่น สถานที่ตั้ง,จำนวนผู้ใช้บริการ,เวลาที่มีผู้มาใช้บริการทั้งจำนวนมากและน้อยที่สุดในแต่ละวัน เป็นต้น
๔.๒ เพิ่มความเข้มในการตรวจตราป้องกันโดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ออกตรวจตราและเพิ่มความเข้มรวมถึงความถี่ในการตรวจเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนออกปฏิบัติหน้าที่แต่ละผลัดนั้นได้มอบหมายภารกิจและแนวทางปฏิบัติไว้ด้วยทุกครั้ง
๔.๓ ขณะเจ้าหน้าที่ออกตรวจจะให้เพิ่มความสังเกตและตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะซึ่งมีลักษณะผิดปกติ เช่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดนานผิดสังเกต พกพาอาวุธปืนหรือสวมใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผิดไปจากบุคคลทั่วไป
๔.๔ ติดตั้งจุดตรวจของสายตรวจหรือที่เรียกกันติดปากว่า “ตู้แดง” ไว้ตามสถานที่ที่น่าจะเสี่ยงต่อการถูกประทุษร้าย โดยเรื่องนี้ในเขตเทศบาลของ สภ.แม่จริมได้ติดตั้งไว้จำนวนมากกว่า ๑๐ ตู้ครอบคลุมทุกจุดสำคัญๆ
๔.๕ ประชาสัมพันธ์และออกหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการให้ทราบถึงวิธีการกระทำผิดของคนร้าย การป้องกันและการแจ้งเมื่อเกิดเหตุ สำหรับการปฏิบัติเรื่องนี้นั้น สภ.แม่จริมได้เชิญเจ้าของ/ผู้ประกอบการเข้าประชุมเป็นระยะ รวมถึงได้จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องและสำคัญๆ ให้ทราบอยู่เสมอ ประการสำคัญก็คือได้ใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุชุมชนในเขตพื้นที่ให้ทราบทุกสัปดาห์ๆ
๔.๖ ขอความร่วมมือให้มีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เช่น สัญญาณเตือนภัย โทรทัศน์วงจรปิด
๔.๗ การวางระแบบการรับแจ้งเหตุให้สามารถแจ้งเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ทันท่วงที โดย สภ.แม่จริมกับสถานประกอบการได้เชื่อมโยงการแจ้งเหตุทางโทรศัพท์อัตโนมัติและกริ่งสัญญาณรวมถึงการติดต่อสื่อสารสมัยใหม่ไว้แล้วและมีการทดสอบการปฏิบัติอย่างน้อย ๒ สัปดาห์ต่อครั้งอยู่เป็นประจำ
๔.๘ การตรวจสอบความพร้อมจุดรับแจ้งเหตุและเจ้าหน้าที่ สภ.แม่จริมโดยได้กำหนดให้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุหรือสถานการณ์สมมุติกรณีมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจากการประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือชีวิตและทรัพย์สินของสถานประกอบการเหล่านี้เป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งเพื่อความพร้อมและคล่องตัวของเจ้าหน้าที่หากมีเหตุเกิดขึ้น
ประชุมเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.แม่จริม (๒๗ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้เวลาประมาณ ๐๙.๔๐ น.ผมเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.แม่จริมที่ห้องประชุมงานสืบสวน
สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้มีดังนี้
๑. เจ้าหน้าที่รายงานผลการดำเนินการรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้องและแนวทางวิธีการการดำเนินการแก้ไขปัญหานั้นๆ
๒. กำหนดและมอบหมายงานให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนนำไปดำเนินการวันนี้และในห้วงสัปดาห์
๓. แนะนำแนวทางวิธีการดำเนินการใหม่ๆ เกี่ยวกับงานสืบสวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีมาปรับหรือประยุกต์ใช้กับงาน
๔. ในครั้งต่อไปจะจัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ทุกวันพุธเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.ที่ห้องสืบสวนแห่งนี้
เสร็จสิ้นการประชุมเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.
สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้มีดังนี้
๑. เจ้าหน้าที่รายงานผลการดำเนินการรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้องและแนวทางวิธีการการดำเนินการแก้ไขปัญหานั้นๆ
๒. กำหนดและมอบหมายงานให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนนำไปดำเนินการวันนี้และในห้วงสัปดาห์
๓. แนะนำแนวทางวิธีการดำเนินการใหม่ๆ เกี่ยวกับงานสืบสวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีมาปรับหรือประยุกต์ใช้กับงาน
๔. ในครั้งต่อไปจะจัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ทุกวันพุธเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.ที่ห้องสืบสวนแห่งนี้
เสร็จสิ้นการประชุมเมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.
กลับมาทำงานที่แม่จริม (๒๗ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๖ ผมกลับมาทำงานที่โรงพักแม่จริมแล้วครับหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานที่......(ขออนุญาตบันทึกไว้ในใจเพียงคนเดียวนะ) ก็ดีเหมือนกันเพราะว่าจริงๆ แล้วเป็นคนที่ชอบทำงานโรงพักมากกว่าการทำงานอำนวยการหรืองานหนังสือที่แม้จะพอมีความรู้ความเข้าใจในระดับดีก็ตามแต่นั่นมันไม่ใช่อุปนิสัยที่แท้จริงของเรา อีกอย่างหนึ่งตำแหน่งจริงๆ ของเราก็เป็นตำแหน่งโรงพักคือ รอง ผกก.สืบสวน สภ.แม่จริมเพราะฉะนั้นจึงคิดว่าดีแล้วที่เราได้กลับมาทำงานตามตำแหน่ง เพราะงานโรงพักคือหัวใจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โีรงพักเป็นหน่วยงานที่เล็กที่สุดแต่มีความสำคัุญที่สุด ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทุกท่านของวงการตำรวจเราก็มีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็จะขอตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของคนคนหนึ่งพึงมีทั้งนี้ก็เพื่อ "พี่น้องประชาชน" เป็นสำคัญ
วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556
ภารกิจวันนี้ (๒๖ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ ผมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจหน้าศาลากลางจังหวัดน่านตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น.เนื่องจากเวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.จะมีกลุ่มพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจังหวัดน่านเดินทางมาชุมนุมเรียกร้องราคาที่จุดดังกล่าวนี้ต่อจากเมื่อวาน การปฏิบัติหน้าที่ที่จุดนี้ผมได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ชี้แจง ขอความร่วมมือผู้ชุมนุมให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ ไม่ละเมิดสิทธิหรือสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นและทำผิดกฎหมายโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจังหวัดน่าน ๑ กองร้อยและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองน่านคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรที่จุดนี้และใกล้เคียง
การชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น.หลังจากนั้นผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งแยกย้ายเดินทางกลับภูมิลำเนาและอีกส่วนหนึ่งเดินทางไปสมทบกับผู้ชุมนุมจุดใหญ่ที่ด่านห้วยน้ำอุ่น อำเภอเวียงสาซึ่งผู้ชุมนุมได้ปิดถนนที่จุดนี้ทำให้การจราจรไม่สามารถผ่านไปมาได้ทั้งสองจุดตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น.ของเมื่อวานสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมากซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราก็ได้พยายามขอความร่วมมือจากแกนนำและผู้ชุมนุมแต่ไม่ได้รับการตอบสนองในช่วงแรกๆ
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ผมรวบรวมภาพและข้อมูลไว้ในเฟสบุ๊ค ภ.จว.น่านและมีการ update ตลอดเวลาซึ่งท่านสามารถติดตามได้ในเฟสบุ๊คนี้นะครับ
การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดซึ่งทำการปิดถนนที่ด่านห้วยน้ำอุ่น อำเภอเวียงสาตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมามานั้นต่อมาวันนี้เวลาประมาณ ๑๕.๒๐ น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เปิดการจราจรหลังจากบรรลุข้อตกลงในการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง << ภาพประกอบ >>
อนึ่ง สำหรับภาพประกอบอื่นๆ ในการชุมนุมเรียกร้องและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจเราครั้งนี้กรุณาึคลิกที่หัวข้อด้านล่างครับ
* ผบก.ฯ ประชุมเจ้าหน้าที่ (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* ภาพบางส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ของชุดควบคุมฝูงชน (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* ภาพการชุมนุมเรียกร้องและปิดถนนที่ด่านห้วยน้ำอุ่น (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* พาณิชย์จังหวัดเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ด่านห้วยน้ำอุ่น (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* รอยยิ้มในม็อบ (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* ภาพการชุมนุมเรียกร้องราคาข้าวโพดและปิดถนนที่ด่านห้วยน้ำอุ่นเช้าวันที่ ๒๖ ก.ย.๒๕๕๖
* ส่วนหนึ่งของการชุมนุมที่ด่้านห้วยน้ำอุ่น (๒๖ ก.ย.๒๕๕๖)
* ภาพผู้สัญจรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมและปิดถนน (๒๕-๒๖ ก.ย.๒๕๕๖)
* เปิดการจราจรที่ด่านห้วยน้ำอุ่น (๒๖ ก.ย.๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๒๐ น.)
* ศูนย์ปฏิบัติิการ ภ.จว.น่านส่วนหน้าด่านห้วยน้ำอุ่น
การชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น.หลังจากนั้นผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งแยกย้ายเดินทางกลับภูมิลำเนาและอีกส่วนหนึ่งเดินทางไปสมทบกับผู้ชุมนุมจุดใหญ่ที่ด่านห้วยน้ำอุ่น อำเภอเวียงสาซึ่งผู้ชุมนุมได้ปิดถนนที่จุดนี้ทำให้การจราจรไม่สามารถผ่านไปมาได้ทั้งสองจุดตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น.ของเมื่อวานสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมากซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราก็ได้พยายามขอความร่วมมือจากแกนนำและผู้ชุมนุมแต่ไม่ได้รับการตอบสนองในช่วงแรกๆ
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ผมรวบรวมภาพและข้อมูลไว้ในเฟสบุ๊ค ภ.จว.น่านและมีการ update ตลอดเวลาซึ่งท่านสามารถติดตามได้ในเฟสบุ๊คนี้นะครับ
การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดซึ่งทำการปิดถนนที่ด่านห้วยน้ำอุ่น อำเภอเวียงสาตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมามานั้นต่อมาวันนี้เวลาประมาณ ๑๕.๒๐ น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เปิดการจราจรหลังจากบรรลุข้อตกลงในการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง << ภาพประกอบ >>
อนึ่ง สำหรับภาพประกอบอื่นๆ ในการชุมนุมเรียกร้องและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจเราครั้งนี้กรุณาึคลิกที่หัวข้อด้านล่างครับ
* ผบก.ฯ ประชุมเจ้าหน้าที่ (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* ภาพบางส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ของชุดควบคุมฝูงชน (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* ภาพการชุมนุมเรียกร้องและปิดถนนที่ด่านห้วยน้ำอุ่น (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* พาณิชย์จังหวัดเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ด่านห้วยน้ำอุ่น (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* รอยยิ้มในม็อบ (๒๕ ก.ย.๒๕๕๖)
* ภาพการชุมนุมเรียกร้องราคาข้าวโพดและปิดถนนที่ด่านห้วยน้ำอุ่นเช้าวันที่ ๒๖ ก.ย.๒๕๕๖
* ส่วนหนึ่งของการชุมนุมที่ด่้านห้วยน้ำอุ่น (๒๖ ก.ย.๒๕๕๖)
* ภาพผู้สัญจรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมและปิดถนน (๒๕-๒๖ ก.ย.๒๕๕๖)
* เปิดการจราจรที่ด่านห้วยน้ำอุ่น (๒๖ ก.ย.๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๒๐ น.)
* ศูนย์ปฏิบัติิการ ภ.จว.น่านส่วนหน้าด่านห้วยน้ำอุ่น
ปิดท้ายก่อนนอน
เมื่อกี๊นายตำรวจรุ่นน้องโทรมาปรึกษาว่า “ผมจะทำไงดีครับพี่พจน์
นายไม่ยอมเข้าใจและไม่ยอมรับรู้ด้วยว่าผมทำงาน เช้า(นาย)ก็ไม่เห็น(หน้าผม) เย็น(ผม)ก็ไม่ถึง(บ้านนาย)
ผมเอาแต่ทำงาน แล้วงานที่ผมทำเนี่ยะก็เหมือนๆ กับพี่พจน์นั่นแหละ นายไม่เคยมองว่ามันเป็นงาน
ผมก็เลยกลายเป็น”คนไม่ทำงาน” ในสายตาของนายไปเลย พี่พจน์จะให้ผมไงดีครับ”
วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556
ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมเรียกร้องราคาค่าข้าวโพด (๒๕ กันยายน ๒๕๕๖)
เวลา ๐๗.๒๐ น. พล.ต.ต.ณรงค์ชัย วงษ์สามี รอง ผบก.ฯ และ พ.ต.อ.สมพงษ์ สวนคร้ามดี รอง ผบก.ภ.จว.น่านประชุมเจ้าหน้าที่ซึ่งจะออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในการชุมนุมหน้าอาคารที่ทำการ ภ.จว.น่าน หลังจากชี้แจงภารกิจแล้วเจ้าหน้าที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่รับมอบหมาย (แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณรอบๆ พื้นที่การชุมนุมเนื่องจากพี่น้องทุกคน (ประมาณ ๒,๐๐๐ คนเศษ) ชุมนุมกันด้วยความสงบเป็นอย่างดียิ่ง
<< ภาพทั้งหมดในส่วนนี้ >>
การชุมนุมดำเนินไปอย่างสงบโดยตัวแทนผู้ชุมนุมได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดน่านและหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนกระทั่้งเวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น. นายชุมพร แสงมณี ผวจ.น่านและหัวหน้าหน่วยงานออกมาพบปะและแจ้งผลการประชุมให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมทราบว่าจะส่งข้อเรียกร้องต่างๆ ที่เสนอมาไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่มีอำนาจตัดสินใจเนื่องจากเกินอำนาจที่ระดับจังหวัดจะดำเนินการได้ทำให้ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งไม่พอใจและแจ้งว่าจะใช้มาตรการปิดถนนเส้นทางอำเภอเวียงสา จังหวัดน่านกับอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่บริเวณด่้านตรวจห้วยน้ำอุ่นเขตพื้นที่อำเภอเวียงสาและจากนั้นผู้เข้าร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งได้เดินทางไปยังจุดที่แจ้งและปิดถนนเมื่อเวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น.ทั้งฝ่ายขาขึ้นและขาล่อง ยวดยานพาหนะไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ << ภาพประกอบในส่วนของการชุมนุมที่ศาลากลาง >>
<< ภาพการชุมนุมและปิดถนนที่ด่านห้วยน้ำอุ่น >>
ปิดท้ายกันด้วยรอยยิ้มในม็อบครับพี่น้อง เรื่องทั้งหมดเป็นยังไงคลิกดูที่นี่ได้เลยครับผม
แถมอีกนิด : ใครว่าอยู่กับม็อบแล้วจะเครียด
พี่น้องรู้ไหมว่าวันนี้ช่วงที่ผมไปดูแลม็อบหน้าศาลากลางจังหวัดน่านน่ะสนุ้ก สนุก พี่น้องทุกคนเชื่อและก็ไม่มีใครเถียงผมเลยซักคน อ้ะอ๊า จริงๆ ให้ตายซิ่เอ้า
“พี่ๆๆ พี่มาจากอำเภอ....แม่นก่อครับ” ผมถามพี่ๆ เขา
“แม่นแล้วเจ๊า เอ้อ แล้วน้องต๋ำหนวดสุดหล่อฮู้ได้ไงว่าพวกพี่มาจากอำเภอ....” พี่ๆ เขาตอบและย้อนถามผม
“แหม ทำไมผมจะไม่รู้ ก็สาวๆ อำเภอ....นี่สวยทุกคน แม่นก่อครับ หรือพี่จะเถียงผม” 5555
วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556
ภารกิจวันนี้ (๒๔ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ ผมเดินทางไปทำงานอำนวยการที่ ภ.จว.น่านซึ่งไปถึงก่อนเวลาราชการเล็กน้อยสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบอะไร ช่วงแรกๆ ยังไม่มีอะไรมากมายนัก จะมีึก็เพียงตรวจและเซ็นชื่อในงานชิ้นสองชิ่้นที่น้องๆ เขาผ่านมาให้ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการอีกชั้นหนึ่ง
ต่อมาเวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.ตำรวจภูธรจังหวัดน่านได้จัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนาระบบงานสืบสวนอุบัติเหตุทางถนนหรือ อบถ.เพื่อแก้ไขและบูรณาการอย่างยั่งยืินระยะที่ ๓ ณ ห้องประชุมหลวงนารถนราบุบาลโดย พล.ต.ต.ณรงค์ชัย วงษ์สามี ผบก.ภ.จว.น่านเป็นประธาน ผู้เข้าร่วมประชุมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของทุก สภ.ที่รับผิดชอบโครงการประมาณ ๖๐ คนซึ่งผมในฐานะผู้รับผิดชอบงานนี้ทำหน้าที่เลขานุการการประชุม สำหรับการประชุมครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ << ภาพประกอบ >>
สำหรัีบช่วงบ่ายก็ทำงานที่ ภ.จว.น่านตามปกติจนหมดเวลาราชการจึงกลับไปที่พักที่ สภ.แม่จริมและช่วงกลา่งก็ไปนั่งเป็นกำลังเสริมที่โรงพักเหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติมา
ต่อมาเวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.ตำรวจภูธรจังหวัดน่านได้จัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนาระบบงานสืบสวนอุบัติเหตุทางถนนหรือ อบถ.เพื่อแก้ไขและบูรณาการอย่างยั่งยืินระยะที่ ๓ ณ ห้องประชุมหลวงนารถนราบุบาลโดย พล.ต.ต.ณรงค์ชัย วงษ์สามี ผบก.ภ.จว.น่านเป็นประธาน ผู้เข้าร่วมประชุมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของทุก สภ.ที่รับผิดชอบโครงการประมาณ ๖๐ คนซึ่งผมในฐานะผู้รับผิดชอบงานนี้ทำหน้าที่เลขานุการการประชุม สำหรับการประชุมครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ << ภาพประกอบ >>
สำหรัีบช่วงบ่ายก็ทำงานที่ ภ.จว.น่านตามปกติจนหมดเวลาราชการจึงกลับไปที่พักที่ สภ.แม่จริมและช่วงกลา่งก็ไปนั่งเป็นกำลังเสริมที่โรงพักเหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติมา
วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556
วันนี้ที่ ภ.จว.น่าน (๒๓ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันจันทร์ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ ผมทำงานอำนวยการที่ ภ.จว.น่านตามปกติและงานที่ทำงานก็เป็นปกติเหมือนกันทุกๆ วันที่ผ่านมานั่นแหละครับ ไม่มีอะไรหวือหวาหรือพิเศษอะไรกว่าวันไหนๆ ไม่เหมือนกับงานโรงพักที่ทุกๆ วันจะมีงานนั่นงานนี่เปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยซ้ำกันแม้ว่างานนั้่นจะเป็นงานสายงานหรือลักษณะเดียวกันก็ตาม เพราะฉะนั้นในส่วนของผมเองก็เลยไม่มีอะไรพิเศษที่จะต้องบันทึกไว้ดังเช่นปกติ แต่งานอื่นๆ ในภาพรวมก็มีอยู่เรื่องหนึ่งครับที่จะขอบันทึกไว้เป็นหลักฐานหน่อยคือวันนี้เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. พ.ต.อ.วีระชัย บั้งเงิน รอง ผบก.ภ.จว.น่านพร้อมงานสืบสวน,งานสอบสวนและงานป้องกันอาชญากรรมประชุมรับมอบนโยบายงานป้องกันอาชญากรรมครั้งที่ ๑๖/๒๕๕๖ ผ่านระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video Conference จาก พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ที่ห้องประชุม ศปก.ภ.จว.น่านซึ่งผมในฐานะผู้รับผิดชอบงาน ศปก.ก็มีส่วนในการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย โดยการประชุมครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงครึ่งก็แล้วเสร็จครับ
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556
สวัสดีวัน(ไม่ได้)หยุด (๒๒ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ วันหยุดของหลายๆ คนซึ่งรวมทั้งผมด้วย วันนี้ไม่ได้ออกไปไหนครับอยู่แต่บ้าน แต่ก็อย่างว่าแหละ "บ้านเราแสนสุขใจ ถึงจะอยู่ที่ไหนไม่สุขใจดังบ้านเรา" อย่างเพลงที่พี่สุเทพ วงค์กำแหง เขาร้องไว้ก็เลยใช้เวลาวันหยุดนี้ทำงานบ้านไปเรื่อยๆ เพลินดีเหมือนกัน อย่างภาพซ้ายนี่ทำความสะอาดโต๊ะหินอ่อนหลังจากไม่ได้ทำซะนาน ช่วงที่่ผ่านมาฝนฟ้าตกบ่อยแต่ตอนนี้หายแล้ว หนาวเริ่มมาเยือนด้วยซ้ำก็เลยทำความสะอาดให้น่านั่งซะหน่อย
ภาพต่อไปก็ทำสวนครับ ตัดหญ้าหมดทั้งสวนเลย กว่าจะเสร็จได้ปาเข้าไปครึ่งวันกว่า
หลังจากทำเสร็จแล้วก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่ชื่นใจสุดๆ เลยทีเดียวครับท่านผู้ชม
ภาพต่อไปก็ทำสวนครับ ตัดหญ้าหมดทั้งสวนเลย กว่าจะเสร็จได้ปาเข้าไปครึ่งวันกว่า
หลังจากทำเสร็จแล้วก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่ชื่นใจสุดๆ เลยทีเดียวครับท่านผู้ชม
เกลือเป็นหนอนในโลกของตำรวจ : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๒ กันยายน ๒๕๕๖)
“แม่บอกว่าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาหรอก
ไม่ต้องเป็นห่วง” นายตำรวจใหญ่เล่าถึงคำพูดของแม่ในยามที่ลูกชาย
"แวะ” ไปหาภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจปราบผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิด
"แต่ก่อนนี้บ่นว่าถ้ารู้ว่าเป็นตำรวจแล้วจะไม่กลับบ้านกลับช่องตั้งแต่หนุ่มยันแก่อย่างนี้ก็จะไม่สนับสนุนให้เป็นตั้งแต่แรก ทีตอนนี้แวะกลับไปยังไม่ทันกินน้ำหมดแก้วเลยไล่กลับแล้ว" เสียงหัวเราของนายตำรวจผู้เป็นลูกที่พูดถึงอาการของผู้เป็นแม่ในเชิงเย้าแหย่ถึงความกลัวเกรงว่านายตำรวจผู้เป็นลูกจะได้รับอันตรายจากการทำหน้าที่ในครั้งนี้จนถึงกับ "ยอม" ไม่ให้ลูกมาเยี่ยมถึงแม้ว่าจะเคยเรียกร้องตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วยความอดทนและรอคอยว่า "เมื่อไหร่ลูกชายจะกลับบ้าน”
คำว่า "ผู้มีอิทธิพล” หมายถึงบุคคลที่สามารถชักนำด้วยคำพูดหรือกำลังขู่เข็ญ บังคับผู้อื่นให้กระทำหรืองดกระทำตามที่ตนต้องการ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะมีการซ่องสุมผู้คนในกลุ่มต่างๆ ไว้เพื่อเสริมอำนาจในการกระทำการที่ต้องการในรูปแบบต่างๆ เช่น กระทำการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การฮั้วประมูล การเรียกรับผลประโยชน์ ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี จัดให้มีบ่อนการพนัน ค้ามนุษย์ และอื่นๆ อีกมากมาย
การกระทำดังกล่าวของผู้มีอิทธิพลนั้นจะไม่มีทางสำเร็จหากไม่มีตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ
ตำรวจมีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อทำให้สังคมสงบสุข อำนาจที่สำคัญของตำรวจอยู่ที่ความสามารถในการใช้กฎหมายเพื่อบังคับการกระทำของบุคคลที่กระทำการผิดกฎหมาย แต่ถ้าตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือรุนแรงจนกระทั่งก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมายของผู้มีอิทธิพลจะสร้างความเสียหายที่รุนแรง(อะไรคือสิ่งจูงใจให้ตำรวจทำเช่นนั้น?) ดังนั้นนอกเหนือจากการที่ผู้นำตำรวจจะมุ่งให้ความสำคัญกับ "การปราบปรามผู้มีอิทธิพล” ซึ่งนับรวมเหล่าบรรดาตำรวจที่เข้าไปมีส่วนร่วมกระทำการด้วยแล้วนั้น ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันมิให้ตำรวจสีขาวเดินเข้าสู่เส้นทางสีดำด้วยการกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนผู้มีอิทธิพล ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ยากแต่หากมีความมุ่งมั่นจริงจังก็น่าจะง่ายกว่าการพยายามทำให้ตำรวจสีดำกลายเป็นสีขาวเพราะดูแล้วน่าจะมีโอกาสแห่งความสำเร็จน้อยมาก เนื่องจากความเย้ายวนของอำนาจและผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเลือกเส้นทางสายนี้
วิธีการป้องกันมิให้ตำรวจเดินเข้าสู่กับดักแห่งอำนาจและผลประโยชน์ที่มิชอบก็คือการสร้างความเข้มแข็งในการบริหารงานบุคคลทั้งระบบตั้งแต่ต้นธารของการมาเป็นตำรวจและต่อเนื่องตลอดกระบวนการจนกระทั่งพ้นจากภาวะของการเป็นตำรวจไปด้วยกระบวนการสรรหา คัดเลือก บรรจุ แต่งตั้ง ฝึกอบรม-พัฒนา และประเมินผลเพื่อส่งเสริมให้คนดีได้เจริญก้าวหน้า บริหารพัฒนาองค์กรต่อไป รวมถึงทำโทษ ควบคุมคนไม่ดีให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือผลักดันออกจากองค์กรเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนได้ในที่สุด ทั้งนี้ กระบวนการบริหารงานบุคคลในโลกของตำรวจจะต้องเป็นกระบวนการที่สามารถสร้างความมั่นใจ เชื่อถือ ศรัทธาให้แก่ประชาคมตำรวจว่า เมื่อทำดีต้องได้ดีจากการทำงานและเมื่อทำชั่วจะไม่มีสิทธิได้ดีให้จงได้
การที่ตำรวจจำนวนไม่น้อยได้เดินหลงทางเข้าไปสู่เส้นทางสายผู้มีอิทธิพล(เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ)? มีสถานะเกลือเป็นหนอนนั้นได้กลายเป็นปัญหาอุปสรรคที่สำคัญในการทำงานปราบปรามผู้มีอิทธิพล นอกเหนือจากการสร้างบรรยากาศของความไม่ไว้วางใจกันในหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องทำงานกันอย่างใกล้ชิดแล้วนั้น การกระทำของตำรวจ(ที่ทำตัวเป็น)หนอนทั้งหลายยังได้สร้างความเสี่ยงและอันตรายถึงชีวิตแก่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมุ่งมั่นอีกด้วย
ประเด็นที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ตำรวจคือ...หนอนเหล่านั้นมักได้ดีและเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีสถานะกลายมาเป็นนายของตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในที่สุด หากเปรียบองค์กรตำรวจเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีหนอนเจาะไชและเพิ่มจำนวนทวีคูณเนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูที่ดี...ต้นไม้ใหญ่นี้จะตั้งต้นตระหง่านแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาอยู่ได้นานเพียงไร?
แอบคิดในใจว่า แม่ของนายตำรวจใหญ่ท่านนี้ยังโชคดีกว่าแม่ของตำรวจอีกหลายๆ คนที่ลูกชายจากไปโดยไม่กลับมาอีกเลยในขณะปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์...ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนในสังคมจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่พอใจ ไม่ชื่นชอบ หรือรุนแรงจนถึงขั้นเกลียดตำรวจ!! แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมคือ มีตำรวจจำนวนไม่น้อยที่มีความเพียรพยายามทุ่มเททำงานตามหน้าที่ของตำรวจที่ดี ถึงแม้จะต้องใช้ความอดทน อดกลั้นในการทำงานมากเพียงใดก็ตาม นั่นเป็นเพราะการได้รับการฝึกฝนและพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีวินัย "ตำรวจที่ดีต้องมีวินัย"
นายเขาบอกว่า "ต้องทำให้ได้" พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อนายบัญชาลูกน้องก็พร้อมที่จะน้อมรับ...จนเกิด "วัฒนธรรมครับนาย"...ครับนาย ครับนายครับ ครับนาย ...คำพูดที่คุ้นชินในโลกของตำรวจ
"โชค" ดีของนายตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาที่นายยังมีคำพูดต่อท้ายว่า "ทำเต็มที่ต้องการการสนับสนุนอะไรบอกมา”
อย่างน้อยในองค์กรตำรวจก็ยังมีแง่มุมที่ทำให้หัวใจของตำรวจมดงานอิ่มเอิบและพร้อมที่จะทุ่มเททำงานเพื่อให้ตำรวจไทยเป็นตำรวจมืออาชีพตามนโยบายของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้นำการเปลี่ยนแปลงของตำรวจ แต่หากจะถามแทนตำรวจว่า "นายจะสนับสนุนให้ผมทำดีแล้วได้ดีใช่มั้ยครับ...งานกับความก้าวหน้าและความมั่นคงในงานจะมาควบคู่กันใช่มั้ยครับ"
อยากรู้ว่าผู้นำตำรวจจะตอบว่าอย่างไร?
"แต่ก่อนนี้บ่นว่าถ้ารู้ว่าเป็นตำรวจแล้วจะไม่กลับบ้านกลับช่องตั้งแต่หนุ่มยันแก่อย่างนี้ก็จะไม่สนับสนุนให้เป็นตั้งแต่แรก ทีตอนนี้แวะกลับไปยังไม่ทันกินน้ำหมดแก้วเลยไล่กลับแล้ว" เสียงหัวเราของนายตำรวจผู้เป็นลูกที่พูดถึงอาการของผู้เป็นแม่ในเชิงเย้าแหย่ถึงความกลัวเกรงว่านายตำรวจผู้เป็นลูกจะได้รับอันตรายจากการทำหน้าที่ในครั้งนี้จนถึงกับ "ยอม" ไม่ให้ลูกมาเยี่ยมถึงแม้ว่าจะเคยเรียกร้องตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วยความอดทนและรอคอยว่า "เมื่อไหร่ลูกชายจะกลับบ้าน”
คำว่า "ผู้มีอิทธิพล” หมายถึงบุคคลที่สามารถชักนำด้วยคำพูดหรือกำลังขู่เข็ญ บังคับผู้อื่นให้กระทำหรืองดกระทำตามที่ตนต้องการ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะมีการซ่องสุมผู้คนในกลุ่มต่างๆ ไว้เพื่อเสริมอำนาจในการกระทำการที่ต้องการในรูปแบบต่างๆ เช่น กระทำการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การฮั้วประมูล การเรียกรับผลประโยชน์ ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี จัดให้มีบ่อนการพนัน ค้ามนุษย์ และอื่นๆ อีกมากมาย
การกระทำดังกล่าวของผู้มีอิทธิพลนั้นจะไม่มีทางสำเร็จหากไม่มีตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ
ตำรวจมีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อทำให้สังคมสงบสุข อำนาจที่สำคัญของตำรวจอยู่ที่ความสามารถในการใช้กฎหมายเพื่อบังคับการกระทำของบุคคลที่กระทำการผิดกฎหมาย แต่ถ้าตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือรุนแรงจนกระทั่งก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมายของผู้มีอิทธิพลจะสร้างความเสียหายที่รุนแรง(อะไรคือสิ่งจูงใจให้ตำรวจทำเช่นนั้น?) ดังนั้นนอกเหนือจากการที่ผู้นำตำรวจจะมุ่งให้ความสำคัญกับ "การปราบปรามผู้มีอิทธิพล” ซึ่งนับรวมเหล่าบรรดาตำรวจที่เข้าไปมีส่วนร่วมกระทำการด้วยแล้วนั้น ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันมิให้ตำรวจสีขาวเดินเข้าสู่เส้นทางสีดำด้วยการกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนผู้มีอิทธิพล ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ยากแต่หากมีความมุ่งมั่นจริงจังก็น่าจะง่ายกว่าการพยายามทำให้ตำรวจสีดำกลายเป็นสีขาวเพราะดูแล้วน่าจะมีโอกาสแห่งความสำเร็จน้อยมาก เนื่องจากความเย้ายวนของอำนาจและผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเลือกเส้นทางสายนี้
วิธีการป้องกันมิให้ตำรวจเดินเข้าสู่กับดักแห่งอำนาจและผลประโยชน์ที่มิชอบก็คือการสร้างความเข้มแข็งในการบริหารงานบุคคลทั้งระบบตั้งแต่ต้นธารของการมาเป็นตำรวจและต่อเนื่องตลอดกระบวนการจนกระทั่งพ้นจากภาวะของการเป็นตำรวจไปด้วยกระบวนการสรรหา คัดเลือก บรรจุ แต่งตั้ง ฝึกอบรม-พัฒนา และประเมินผลเพื่อส่งเสริมให้คนดีได้เจริญก้าวหน้า บริหารพัฒนาองค์กรต่อไป รวมถึงทำโทษ ควบคุมคนไม่ดีให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือผลักดันออกจากองค์กรเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนได้ในที่สุด ทั้งนี้ กระบวนการบริหารงานบุคคลในโลกของตำรวจจะต้องเป็นกระบวนการที่สามารถสร้างความมั่นใจ เชื่อถือ ศรัทธาให้แก่ประชาคมตำรวจว่า เมื่อทำดีต้องได้ดีจากการทำงานและเมื่อทำชั่วจะไม่มีสิทธิได้ดีให้จงได้
การที่ตำรวจจำนวนไม่น้อยได้เดินหลงทางเข้าไปสู่เส้นทางสายผู้มีอิทธิพล(เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ)? มีสถานะเกลือเป็นหนอนนั้นได้กลายเป็นปัญหาอุปสรรคที่สำคัญในการทำงานปราบปรามผู้มีอิทธิพล นอกเหนือจากการสร้างบรรยากาศของความไม่ไว้วางใจกันในหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องทำงานกันอย่างใกล้ชิดแล้วนั้น การกระทำของตำรวจ(ที่ทำตัวเป็น)หนอนทั้งหลายยังได้สร้างความเสี่ยงและอันตรายถึงชีวิตแก่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมุ่งมั่นอีกด้วย
ประเด็นที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ตำรวจคือ...หนอนเหล่านั้นมักได้ดีและเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีสถานะกลายมาเป็นนายของตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในที่สุด หากเปรียบองค์กรตำรวจเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีหนอนเจาะไชและเพิ่มจำนวนทวีคูณเนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูที่ดี...ต้นไม้ใหญ่นี้จะตั้งต้นตระหง่านแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาอยู่ได้นานเพียงไร?
แอบคิดในใจว่า แม่ของนายตำรวจใหญ่ท่านนี้ยังโชคดีกว่าแม่ของตำรวจอีกหลายๆ คนที่ลูกชายจากไปโดยไม่กลับมาอีกเลยในขณะปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์...ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนในสังคมจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่พอใจ ไม่ชื่นชอบ หรือรุนแรงจนถึงขั้นเกลียดตำรวจ!! แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมคือ มีตำรวจจำนวนไม่น้อยที่มีความเพียรพยายามทุ่มเททำงานตามหน้าที่ของตำรวจที่ดี ถึงแม้จะต้องใช้ความอดทน อดกลั้นในการทำงานมากเพียงใดก็ตาม นั่นเป็นเพราะการได้รับการฝึกฝนและพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีวินัย "ตำรวจที่ดีต้องมีวินัย"
นายเขาบอกว่า "ต้องทำให้ได้" พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อนายบัญชาลูกน้องก็พร้อมที่จะน้อมรับ...จนเกิด "วัฒนธรรมครับนาย"...ครับนาย ครับนายครับ ครับนาย ...คำพูดที่คุ้นชินในโลกของตำรวจ
"โชค" ดีของนายตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาที่นายยังมีคำพูดต่อท้ายว่า "ทำเต็มที่ต้องการการสนับสนุนอะไรบอกมา”
อย่างน้อยในองค์กรตำรวจก็ยังมีแง่มุมที่ทำให้หัวใจของตำรวจมดงานอิ่มเอิบและพร้อมที่จะทุ่มเททำงานเพื่อให้ตำรวจไทยเป็นตำรวจมืออาชีพตามนโยบายของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้นำการเปลี่ยนแปลงของตำรวจ แต่หากจะถามแทนตำรวจว่า "นายจะสนับสนุนให้ผมทำดีแล้วได้ดีใช่มั้ยครับ...งานกับความก้าวหน้าและความมั่นคงในงานจะมาควบคู่กันใช่มั้ยครับ"
อยากรู้ว่าผู้นำตำรวจจะตอบว่าอย่างไร?
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556
สวัสดีวันหยุด (๒๑ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖ วันหยุดสำหรับหลายๆ คนรวมทั้งผมด้วย วันนี้ช่วงเช้าไม่ได้ไปไหนครับอยู่บ้านที่พะเยาซึ่งบรรยากาศค่อนข้างครึ้มฟ้าครึ้มฝนนิดหน่อยแต่ไม่มีตก สภาพอากาศที่นี่ดูเหมือนว่าหน้าหนาวกำลังย่างกรายเข้ามาเยือนแล้วเพราะลมเปลี่ยนทิศทางจากเข้าด้านอื่นมาเป็นเข้าหน้าบ้านซึ่งทุกๆ ปีเมื่อเป็นเช่นนี้อีกไม่กี่วันหน้าหนาวก็จะมา ปีนี้มาแล้ว ไวกว่าปีอื่นๆ ด้วยซ้ำแต่ก็สดชื่นดีสำหรับคนทางเหนือหรือใช้ชีวิตอยูทางภาคเหนือจนถือเป็นคนเหนือไปโดยปริยายอย่างผมและหลายๆ ท่าน
ภาพนี้คือหน้าที่สำคัญประจำวันหยุดทุกวันหยุดของใครคนนั้นเขาละ ดูดี๊ดูดีว่าไหม...(ว่า)
ช่วงบ่ายๆ คุณภรรยาคนสวยชวนไปบ้านคุณยาย (ของลูกสาว) ที่บ้านสันโค้งหลวง หมู่ ๒๔ ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงรายซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพะเยาของผมราวๆ ๙๐ กิโลเมตร แหม เล่นชวนกันแบบนี้มีรึ...จะกล้าขัด อ้ะ ไปก็ไป
ที่บ้านคุณยายวันนี้มีการจัดดาก๋วยสลากเพื่อเตรียมไปทำบุญที่วัดในวันพรุ่งนี้ก็ต้องช่วยคุณยายซะหน่อยอย่างขยันขันแข็งครับ
"ดา" หรือ "วันดา" หมายถึง "วันสุกดิบ
"ก๋วย" หมายถึงกรวยหรือกระทงดอกไม้
"สลาก" ก็คือ "สลากภัตติ์" ครับพี่น้อง
<< ภาพทั้งหมด >>
เก็บตกที่บ้านคุณยาย
ถ้าจะพูดกันตรงๆ ผมว่าบางครั้งผู้ใหญ่เราก็ฉลาดสู้เด็กๆ ไม่ได้นะ อย่างภาพนี้
หลานๆ : "ลุงอู๊ดครับ เมื่อกี๊ผมเห็นลุงอู๊ดทายานี้ในรถผมว่าไม่ถูกนะครับเพราะที่ฉลากเขาเขียนว่าให้ใช้ข้างนอก ลุงอู๊ดต้องเช็ดทิ้งแล้วออกมาทานอกรถถึงจะถูก"
ลุงอู๊ด : !!!!
ภาพนี้คือหน้าที่สำคัญประจำวันหยุดทุกวันหยุดของใครคนนั้นเขาละ ดูดี๊ดูดีว่าไหม...(ว่า)
ช่วงบ่ายๆ คุณภรรยาคนสวยชวนไปบ้านคุณยาย (ของลูกสาว) ที่บ้านสันโค้งหลวง หมู่ ๒๔ ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงรายซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพะเยาของผมราวๆ ๙๐ กิโลเมตร แหม เล่นชวนกันแบบนี้มีรึ...จะกล้าขัด อ้ะ ไปก็ไป
ที่บ้านคุณยายวันนี้มีการจัดดาก๋วยสลากเพื่อเตรียมไปทำบุญที่วัดในวันพรุ่งนี้ก็ต้องช่วยคุณยายซะหน่อยอย่างขยันขันแข็งครับ
"ดา" หรือ "วันดา" หมายถึง "วันสุกดิบ
"ก๋วย" หมายถึงกรวยหรือกระทงดอกไม้
"สลาก" ก็คือ "สลากภัตติ์" ครับพี่น้อง
<< ภาพทั้งหมด >>
เก็บตกที่บ้านคุณยาย
ถ้าจะพูดกันตรงๆ ผมว่าบางครั้งผู้ใหญ่เราก็ฉลาดสู้เด็กๆ ไม่ได้นะ อย่างภาพนี้
หลานๆ : "ลุงอู๊ดครับ เมื่อกี๊ผมเห็นลุงอู๊ดทายานี้ในรถผมว่าไม่ถูกนะครับเพราะที่ฉลากเขาเขียนว่าให้ใช้ข้างนอก ลุงอู๊ดต้องเช็ดทิ้งแล้วออกมาทานอกรถถึงจะถูก"
ลุงอู๊ด : !!!!
วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556
วันนี้ที่ ภ.จว.น่าน (๒๐ กันยายน ๒๕๕๖)
วันนี้วันศุกร์ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ผมทำงานอำนวยการที่ ภ.จว.น่านอีกวันหนึ่ง สำหรับงานต่างๆ ก็จะคล้ายคลึงกับวันอื่นๆ จึงไม่มีอะไรพิเศษที่จะบันทึกไว้ครับ
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556
คืนนี้ที่ ภ.จว.น่าน (๑๙ กันยายน ๒๕๕๖)
คืนนี้หลังจากทำธุระส่วนตัว อาบน้ำอาบท่า ทานข้าวทานปลาเสร็จแล้วก็ไปนั่งทำงานต่อที่ ภ.จว.น่าน เอางานที่ผ่านมาวันนี้ลงรายละิเอียดเพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชาในวันพรุ่งนี้พร้อมภาพประกอบและงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็สนุกดีครับพี่น้อง (คืนนี้ผมพักที่แฟลต ภ.จว.น่านครับ)
แยะแยะมากมายครับสำหรับงานที่มี ให้ทำ หากมองทุกอย่างว่าเป็นงานก็จะมี งานเต็มมือทั้งวัน อย่างคืนนี้ก็เช่นกันงานเพียบเล ยแต่เพียบเพราะเรามองว่ามันเป็น งานแล้วก็จัดการทำซะ สนุ้กสนุกครับพี่น้องซึ่ีงงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องรวบรวมข้อมูลของตำรวจเราเพื่อนำเสนอพี่น้องประชาชนรวมถึงหน่วยงานข้างเคียงของตำรวจนั่นแหละทั้งในเฟสบุ๊ค ภ.จว.น่าน,ในบล็อกส่วนตัวและอันใหม่ครับในไลน์กลุ่ม อบถ.ภ ๕ (คำเต็มก็คือกลุ่มโครงการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตำรวจภูธรภาค ๕ ซึ่งเปิดกลุ่มขึ้นมาใหม่โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค ๕ (๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน) เป็นสมาชิกกลุ่ม
แยะแยะมากมายครับสำหรับงานที่มี