สมาคมนักข่าวและช่างภาพอาชญากรรมฯ
ตั้งฉายาตำรวจปี ๕๖ 'สตช.' เสือกระดาษ-'อดุลย์' ผบ.ข้าวกล่อง-'คำรณวิทย์'
แจ๊ด...กลับลำ-'ธาริต' นกหวีด...ปรี๊ดแตก
๒๑ ธ.ค.๕๖ นายไพโรจน์
เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารประกอบด้วย รองนายกฯ กรรมการ ที่ปรึกษาสมาคมฯ เพื่อหารือกันถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐในรอบปีที่ผ่านมาแล้วมีการตั้งฉายาให้กับองค์กร นายตำรวจและข้าราชการที่เป็นข่าวและเป็นที่สนใจของสังคมเพื่อสะท้อนแง่คิด ติชม
และยกย่องให้เห็นถึงผลงานที่ผ่านมา โดยในปีนี้ มีการให้ฉายาองค์กร ๑ แห่ง คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติและบุคคล ๑๒ ท่าน
๑. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้รับฉายาว่าเสือกระดาษ เพราะถือว่าเป็นหน่วยงานหลักที่มีการบังคับใช้กฎหมาย
เป็นที่น่าเกรงขามต่อผู้กระทำผิดต่างๆ แต่ในช่วงสถานการณ์การชุมนุมของ กปปส.นั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้จริงจัง ทำได้เพียงแค่แถลงข่าว
เจรจาและตักเตือนไม่ให้มีการกระทำผิด
จึงถูกมองว่าการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในช่วงสถานการณ์วิกฤตทางการเมืองนั้นเป็นเพียงเสือกระดาษเท่านั้น
๒. พล.ต.อ.อดุลย์
แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้รับฉายาว่า ผบ.ข้าวกล่อง เพราะว่าในฐานะที่เป็นผู้นำหน่วยตำรวจที่ต้องรับมือกับสถานการณ์การชุมนุมต่างๆของมวลมหาประชาชนนั้น
พล.ต.อ.อดุลย์ได้ลงพื้นที่ไปดูแลความเรียบร้อยและให้ขวัญกำลังใจกับลูกน้องอย่างใกล้ชิด
และเกือบทุกครั้งก็จะร่วมรับประทานอาหารกล่องในพื้นที่การชุมนุมไปพร้อมๆกับตำรวจที่ปฏิบัติงานอยู่ด้วย
ถึงแม้ว่าข้าวกล่องดังกล่าวจะถูกตรวจสอบว่าราคาแพงเกินกว่าความเป็นจริงไปก็ตาม
๓. พล.ต.อ.เอก
อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ได้รับฉายาว่า มีสเตอร์คลีน
เพราะว่าช่วงเข้ามารับตำแหน่งหลักในฐานะ รองผบ.ตร.ได้รับความไว้วางใจจาก ผบ.ตร.
ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานีตำรวจต่างๆทั่วประเทศ
และมีอยู่หลายครั้งที่เมื่อ พล.ต.อ.เอก ลงพื้นที่ไปแล้วพบว่าสถานีตำรวจบกพร่อง
สกปรก ไม่มีความเป็นระเบียบก็จะรายงานให้ ผบ.ตร.รับทราบแล้วมีการสั่งย้ายหัวหน้าสถานีทันทีเพื่อเป็นแบบอย่างให้สถานีตำรวจทั่วประเทศหันมาใส่ใจภาพลักษณ์ความเป็นอยู่ของตำรวจด้วยกันเองและให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจสบายตาเมื่อเวลามาใช้บริการที่สถานีตำรวจ
๔. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.และเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รับฉายาว่า จูดี้...show face เนื่องจากเป็นนายตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลหลายเรื่อง ทั้งในส่วนของสำนักงานตำรวจ และการปราบปรามยาเสพติดที่กำลังแพร่ระบาดหนักในประเทศและแนวชายแดน นอกจากนี้พล.ต.อ.พงศพัศ ยังทำงานสังคมอื่นๆอีกทั้งเข้าช่วยเหลือผู้ตกยากหรือต้องคดีต่างๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงการติดตามนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีไปตามที่ต่างๆจนทำให้ประชาชนทั่วไปเห็นหน้าเห็นตาของ พล.ต.อ.พงศพัศ ผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ตลอดเวลาและบ่อยครั้งมาก
๔. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.และเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รับฉายาว่า จูดี้...show face เนื่องจากเป็นนายตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลหลายเรื่อง ทั้งในส่วนของสำนักงานตำรวจ และการปราบปรามยาเสพติดที่กำลังแพร่ระบาดหนักในประเทศและแนวชายแดน นอกจากนี้พล.ต.อ.พงศพัศ ยังทำงานสังคมอื่นๆอีกทั้งเข้าช่วยเหลือผู้ตกยากหรือต้องคดีต่างๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงการติดตามนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีไปตามที่ต่างๆจนทำให้ประชาชนทั่วไปเห็นหน้าเห็นตาของ พล.ต.อ.พงศพัศ ผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ตลอดเวลาและบ่อยครั้งมาก
๕. พล.ต.ท.คำรณวิทย์
ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้รับฉายาว่า แจ๊ด...กลับลำ
เนื่องจากช่วงสถานการณ์การชุมนุมของ
กปปส.ที่นำมวลมหาประชาชนมาประชิดบริเวณทำเนียบรัฐบาลและกองบัญชาการตำรวจนครบาล
(บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ในฐานะผู้นำหน่วยและควบคุมกำลังเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ตำรวจสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยการยิงแก๊สน้ำตาใส่หากมีการเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม
โดยเหตุการณ์ปะทะกันของตำรวจและมวลชนยาวนานถึง ๒ วัน และเมื่อเข้าสู่วันที่ ๓ นั้นทุกฝ่ายคิดว่าจะมีการปะทะกันหนักอีก แต่กลับกลายว่าในช่วงเช้านั้นเอง ผบช.น.
ได้มีคำสั่งให้หยุดยิง
รื้อลวดหนามและแท่งแบริเออร์ออกแล้วให้มวลมหาประชาชนเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลและ บช.น.ได้อย่างง่ายดาย
๖. พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์
ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ได้รับฉายาว่า กิ๊ก...จ้าวโปรเจกต์ เนื่องจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์
เป็นนายตำรวจที่มีความคิดริเริ่มทำโครงการต่างๆเพื่อพัฒนางานด้านตำรวจอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่นายตำรวจระดับชั้นประทวนจนถึงชั้นสัญญาบัตร โดยเมื่อครั้งมารับตำแหน่ง
ผบช.ก. ก็ให้ตำรวจเน้นการทำงานกับชุมชนจนเป็นที่มาของตำรวจผู้รับใช้ชุมชน
ตำรวจกลับหลังหัน ตำรวจนอกเวลา ยุวชนตำรวจ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการให้แนวคิดการทำงานสืบสวนสอบสวนแบบตำรวจมืออาชีพที่ทั่วโลกให้การยอมรับ
ลดค่านิยมจับแพะหรือทรมานผู้ต้องหาของตำรวจไทยในอดีตด้วย
๗. พล.ต.ท.นเรศ
นันทโชติ ผบช.ภ.๑ ได้รับฉายาว่า เรศ...เหินฟ้า เนื่องจากการทำงานของตำรวจภูธรภาค ๑
ตั้งแต่อยู่ใต้การบัญชาการของพล.ต.ท.นเรศ จะมีการนำชุดปฏิบัติการพิเศษ
ปราบไพรีอริศัตรูพ่าย ออกปราบปรามคดีอาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งเรื่องยาเสพติดหรือผู้มีอิทธิพล หรือคดีฆ่าคนตาย
มีการนำเฮลิคอปเตอร์ออกมาใช้งานควบคู่กับการทำงานบนภาคพื้นดินด้วยและสร้างความฮือฮาแก่ประชาชน
สื่อมวลชนด้วย
๘. พล.ต.ต.ปิยะ
อุทาโย รอง ผบช.สกพ. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา โมษกขายยา
เพราะการทำงานของ พล.ต.ต.ปิยะ ในฐานะโฆษกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ
ศอ.รส.ในช่วงสถานการณ์ม็อบกปปส.ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนั้นมีการแถลงข่าวบ่อยครั้งและในทุกๆครั้งก็เป็นการแถลงข่าวที่ไม่มีสาระสำคัญหรือมีประโยชน์ต่อการสร้างความสงบในพื้นที่
แต่กลับเป็นการจุดประเด็นหรือโจมตีฝั่งผู้ชุมนุมจนมีการปิดล้อมสำนักงานตำรวจแห่งชาติบ่อยครั้ง
จนทำให้การให้ข่าวหรือแถลงข่าวแต่ละครั้งของ พล.ต.ต.ปิยะ
เป็นเสมือนโฆษกขายยาที่คั่นรายการหรือฉายภาพยนตร์เท่านั้นเอง
๙. พล.ต.ต.อดุลย์
ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. ได้รับฉายา นายพล...รถยก เพราะหลังจากที่ พล.ต.ต.อดุลย์
ได้รับผิดชอบงานจราจร
ก็มีความคิดในการแก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพและปริมณฑลให้ดีขึ้น
จนมีแนวความคิดยกรถที่จอดกีดขวางตามถนนสายสำคัญต่างๆ เพื่อนำรถไปเก็บไว้ที่สถานีตำรวจ
โดยได้ขอความร่วมมือรถยกของเอกชนและรถยกตำรวจในการทำงาน
ซึ่งทำให้การจราจรคลี่คลายไประดับหนึ่ง
แต่ท้ายที่สุดแล้วการยกรถก็เริ่มเบาบางและแต่กลับยังเห็นรถจอดกีดขวางตามถนนเช่นเดิม
๑๐. พล.ต.ต.สุพิศาล
ภักดีนฤนาท ผบก.ป ได้รับฉายา ผู้การ...ร่างทรง เพราะ พล.ต.ต.สุพิศาล
ได้รับตำแหน่งผบก.ป.มาตั้งแต่เป็น พ.ต.อ. ต่อเนื่องมาจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์
จากนั้นได้เลื่อนยศมาเป็น พล.ต.ต. และยังทำงานในตำแหน่ง ผบก.ป.อย่างต่อเนื่อง
แต่ผลงานไม่มีความโดดเด่นมากนักแต่ยังทำงานด้วยการรับคำสั่งจาก ผบช.ก.
อยู่อย่างต่อเนื่องจนทำให้เป็นเพียงผู้บังคับหน่วยที่เปรียบเสมือนเป็นร่างทรงเท่านั้นเอง
๑๑. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. ได้รับฉายาว่า เสือคืนลาย เพราะ พล.ต.ต.ประยนต์ เป็นปรมาจารย์ด้านงานสืบสวน แต่เมื่อครั้งมาดำรงตำแหน่ง ผบก.สส.บช.น.ใหม่ๆ ยังทำงานด้านการสืบสวนไม่ลงตัวเท่าไหร่นัก แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปกลับได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองว่ายังเป็นยอดนักสืบ สามารถนำลูกน้องในศูนย์สืบสวนคลี่คลายคดีสำคัญๆได้ทั้งหมดจนได้รับความชื่นชมจากทุกฝ่าย จึงทำให้เห็นว่าการกลับมาทำงานสืบสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นดังเสือที่ลายหายไปได้กลับมาเป็น เสือคืนลาย แล้วนั่นเอง
๑๒. นายธาริต
เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้รับฉายาว่า นกหวีด...ปรี๊ดแตก
เพราะช่วงสถานการณ์การชุมนุมของกปปส.นั้นมีการให้มวลชนนำนกหวีดเป่าไล่รัฐบาลและข้าราชการที่อยู่ใต้ระบอบทักษิณ
ซึ่งนายธาริต
เป็นคนหนึ่งที่ประกาศตัวชัดเจนว่าทำงานให้กับรัฐบาลทั้งๆที่ในอดีตเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแกนนำกปปส.จึงทำให้๔กเป่านกหวีดใส่ในห้างย่านแจ้งวัฒนะ
ทำให้นายธาริต ไม่พอใจออกมาแถลงข่าวให้ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจับกุมคนเป่านกหวีดใส่ในฐานะความผิดก่อความรำคาญ
ซึ่งสร้างความฮือฮากับแนวคิดดังกล่าวมาก
๑๓. ร.ต.ต.แชน
วรงคไพสิฐ รองหัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.นราธิวาส ได้รับฉายาว่า
ผู้กล้า...บาเจาะ เนื่องจากหมวดแชน หรือ ดาบแชน เป็นนายตำรวจในชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่มายาวนาน
ทำงานด้วยความเสียสละมาอย่างต่อเนื่องจนได้รับการชื่นชมจากสังคมตำรวจ
สื่อมวลชนและบุคคลทั่วไป
แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมาเสียชีวิตระหว่างที่มากู้ระเบิดบริเวณบ้านส้มป่อย
ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งในครั้งนั้นมีตำรวจที่เสียชีวิตไปพร้อมกับหมวดแชน
อีก ๒ นาย คือ ร.ต.ต.จรูญ เมฆเรือง และ จ.ส.ต.นิมิตร ดีวงร์ จึงได้รับฉายาว่าเป็น
ผู้กล้า...บาเจาะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น