วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สวัสดีวันหยุด (๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔)

สวัสดีทุกท่าน

วันนี้วันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ซึ่งยังเหลืออีกเพียง ๑ วันก็จะถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแล้วนั่นก็คือวันวิสาขบูชา ขอเชิญชวนทุกท่านตั้งจิตให้เป็นกุศลและประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเป็นมงคลแห่งชีวิตและวันพรุ่งนี้อย่าลืมไปทำบุึญที่วัดใกล้บ้านโดยพร้อมเพรียงกันด้วยนะครับ

วันนี้ผมขออนุญาตนำเรื่องราวของวงการตำรวจมาบันทึกไว้ในบล็อกผมอีกครั้ง ๑ หลังจากเคยบันทึกและเผยแพร่ตามที่ต่างๆ ไว้นานแล้วเพื่อให้พี่น้องได้เข้าใจถึงการทำงานของตำรวจเราว่าเป็นอย่างไรบ้างเรื่องนั้นก็คือ "ตำรวจทำงานเดือนละ ๑๐ วันจริงหรือ" เรื่องราวเป็นอย่างไรโปรดติดตามครับ

ท่านที่รักครับ "ตำรวจทำงานเดือนละ ๑๐ วันจริงหรือ" ที่หลายๆ คนหลายๆ ท่านค้างคาใจ รวมถึงเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้น อย่างเช่นคำพูดที่ผมเคยได้ยินมาบ่อยครั้ง "ตำรวจนี่สบายเนาะ ทำงานวันแล้วก็พักไปสอง เดือนหนึ่งมี ๓๐ วันเท่ากับทำงานแค่ ๑๐ วันส่วนอีก ๒๐ วันหยุด แหม สบายจริงๆ แบบนี้ไม่เอาเปรียบข้าราชการอื่นไปหน่อยหรือ" ครับ เท่าที่ได้ยินได้ฟังมาเป็นแบบนั้นจริงๆ จะโทษใครก็ไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้สัมผัสหรือรู้จักการทำงานของพวกเรามากนัก แต่จะปล่อยให้เข้าใจไปแบบนั้นโดยไม่มึการชี้แจงข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเลยหรือ น่าคิดเหมือนกัน แล้วสิ่งที่ผมจะนำมาพูดมาเล่าให้ฟังกันนี่ก็ไม่ใช่การแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เพียงแต่อยากนำเสนอ "ความจริง" ว่าพวกเราทำงานเดือนละ ๑๐ วันจริงหรือ

"ตำรวจทำงานเดือนละ ๑๐ วันจริงหรือ" ตามที่ผมจั่วหัวเรืองนั้น คำว่า "ตำรวจ"
นี้ผมขอพูดเฉพาะตำรวจที่ทำงาน"โรงพัก" หรือ "สถานีตำรวจ" เท่านั้นเพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะพูดจะเล่าโดยตรง และก่อนเล่าแจ้งแถลงไขก็ขอท้าวความก่อนนะครับว่างานที่ "โรงพัก" ของตำรวจเราเนี่ยะประกอบไปด้วยงานธุรการ,งานสืบสวน,งานสอบสวน,งานป้องกันปราบปรามและงานจราจร (ไม่รวมถึงานกิจการพิเศษอย่างเช่นโรงพักแถวๆ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้บางโรงพักนะครับซึ่งเขาจะมีงานเหล่านี้ตามสภาพของพื้นที่และเหตุการณ์หรือคำสั่งเฉพาะของผู้บังคับบัญชา) งานที่ผมพูดถึงนั้นถ้าไม่นับงานธุรการซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำงานคล้ายๆ กับข้าราชการทั่วไปคือทำงานตามวันและเวลาราชการตั้งแต่ ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น.แล้วงานอื่นๆ จะไม่เป็นแบบนั้น พวกเราทำงานตามตารางเวรที่กำหนดไว้หมุนเวียนกันไปตลอด ๒๔ ชั่วโมง และเรื่องที่จะนำมาเล่าวันนี้ขอเป็นเรื่องงานป้องกันปราบปรามซึ่งเน้นเฉพาะ "งานสายตรวจ" เป็นหลักก่อนงานอื่นๆ ขอยกยอดไปเล่าในโอกาสต่อไป

เรื่องที่เกี่ยวกับงานสายตรวจนี้ผมนำมาจากคู่มือการปฏิบัติในการจัดและควบคุมสายตรวจ (ฉบับปรับปรุงปี ๒๕๔๓) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กำหนดให้สถานีตำรวจทุกแห่งถือปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน โดยการจัดสายตรวจนี้จะต้องมีการจัดอย่างน้อยดังนี้
๑. สายตรวจรถยนต์
๒. สายตรวจรถจักรยานยนต์
บางโรงพักอาจจะมีการจัดสายตรวจประเภทอื่นอีกด้วยตามสภาพพื้นที่ของโรงพักนั้นๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือสายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์นี้ต้องมี ไม่มีไม่ได้ แล้วการจัดสายตรวจทั้งสองประเภทนั้นเป็นอย่างไร อาจจะไม่เหมือนกันทุกโรงพักครับตอบได้แบบนี้ แต่ส่วนใหญ่จะจัดสายตรวจรถยนต์แลรถจักรยานยนต์ไว้ ๓ ชุด แต่ละชุดอาจจัดเป็นหลายเขตตรวจตามสภาพพื้นที่น้อยใหญ่เพื่อให้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันปฏิบัติหน้าที่ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง

ตามคู่มือการปฏิบัติในการจัดและควบคุมสายตรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นในส่วนของสายตรวจรถยนต์กำหนดให้จัดสับเปลี่ยนกันผลัดละ ๒๔ ชั่วโมงคือวันละ ๑ ชุด ส่วนสายตรวจรถจักรยานยนต์ในแต่ละวันให้จัดเป็น ๓ ผลัดๆ ละ ๘ ชั่วโมงดังนี้
* ผลัดแรกตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๐-๐๘.๐๐ น.
* ผลัดที่สองตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น.
* ผลัดที่สามตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐-๒๔.๐๐ น.
ซึ่งสถานีตำรวจภูธรพานที่ผมรับราชการอยู่ในเวลานี้ก็ถือปฏิบัติแบบนี้โดยจัดสายตรวจรถยนต์จำนวน ๓ ชุด ส่วนรถจักรยานยนต์นั้นจัดไว้ ๔ ชุด

แล้วการทำงานของสายตรวจเราเขาทำกันแบบไหนนั้นผมจะเล่าให้ฟังต่อ เริ่มต้นที่ตั้งแต่ตอนเช้าของแต่ละวันเลยครับ ก่อนเวลา ๐๘.๐๐ น.เจ้าหน้าที่สายตรวจทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ผลัดที่จะปฏิบัติหน้าที่ต้องมาพร้อมกันบริเวณหน้าสถานีตำรวจจากนั้นเมื่อถึงเวลา ๐๘.๐๐ น.ก็จะเคารพธงชาติ,กล่าวคำปฏิญาณตนและอุดมคติตำรวจ



เสร็จแล้ว สวป.หรือนายตำรวจเวรหัวหน้าสายตรวจจะชี้แจงภารกิจและมอบหมายหน้าที่ปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่แล้วพวกเราก็จะออกปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การปฏิบัติหน้าที่นั้นก็จะเป็นในเรื่องออกตรวจตามแผนการตรวจโดยลงลายมือชื่อในสมุดประจำที่ต่างๆ ที่กำหนด,การประชาสัมพันธ์เยี่ยมเยียนประชาชนเพื่อให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อทราบข้อมูล ข่าวสาร ปัญหาและความต้องการของประชาชน , สังเกต ตรวจตราบุคคลและยานพาหนะที่น่าสงสัย รวมทั้งสถานที่สำคัญหรือสถานที่ล่อแหลมต่อการเกิดเเหตุที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน, สืบเสาะหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบุคคลและข้อมูลท้องถิ่นในบริเวณที่รับผิดชอบที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ,การตั้งจุดตรวจตามสถานที่สำคัญ เป็นต้น

ต่อมาเมื่อถึงเวลา ๑๖.๐๐ น.สายตรวจรถจักรยานยนต์ผลัดนี้ก็หมดหน้าที่ผลัดใหม่ที่จะเข้าเวรตั้งแต่ช่วงนี้จนถึง ๒๔.๐๐ น.จะมาสับเปลี่ยน ส่วนสายตรวจรถยนต์ยังคงทำงานต่อไปจนกว่าจะถึงวันรุ่งขึ้น แล้วก็เหมือนเดิมครับก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ สวป.หรือหัวหน้าสายตรวจจะเรียกประชุมแถวมอบหมายและชี้แจงภารกิจก่อน สำหรับการเรียกประชุมแถวนั้นจะเป็นที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นที่โรงพักเสมอไป ในส่วนของ สภ.พานมักจะใช้การประชุมแถวผลัดนี้ในย่านชุมชนที่มีคนพลุกพล่านและพี่น้องประชาชนเห็นพวกเราได้อย่างชัดเจน เช่น บริเวณตลาดหรือแหล่งชุมชนเพราะเป็นจิตวิทยาในเรื่องการสร้างความอุ่นใจต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่พี่น้องนั่นเอง

หลังจากประชุมและมอบหมายภารกิจเสร็จแล้วพวกเราก็จะออกปฏิบัติหน้าที่ไปจนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น.ซึ่งสายตรวจผลัดนี้งานค่อนข้างหนักหน่อยเพราะเป็นช่วงที่พี่น้องพักผ่อนหลับนอน แล้วก็มีช่วงความบันเทิงเริงใจอีกด้วยที่อาจจะมีการกระทำผิดเกิดขึ้นมากกว่าเวลากลางวัน

เสร็จภารกิจผลัดนี้แล้วผลัดต่อไปคือผู้ที่เข้าเวรเวลา ๐๐.๐๐-๐๘.๐๐ น.ก็จะมาเปลี่ยนซึ่งการปฏิบัติก็จะเหมือนๆ กับ ๒ ผลัดที่บอกข้างต้น นั่นก็คือการประชุมชี้แจงภารกิจของ สวป.หรือหัวหน้าสายตรวจก่อน



เสร็จแล้วก็ออกปฏิบัติหน้าที่จนถึงเวลา ๐๘.๐๐ น.



ต่อไปผมจะนำรายละเอียดในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สายตรวจเราโดยขอเน้นเฉพาะในส่วนของ สภ.พานเป็นหลัก (สภ.อื่นๆ ก็จะมีลักษณะคล้ายคลึงหรือเหมือนกัน) ว่าในแต่ละเดือน (ขอคิดเฉลี่ยว่าเดือนหนึ่งมี ๓๐ วัน) พวกเราปฏิบัติงานกันจำนวนกี่วัน กี่ผลัด รวมแล้วเป็นเท่าไร ติดตามต่อได้เลยครับท่าน

* สายตรวจรถยนต์ซึ่งมีจำนวน ๓ ชุด แต่ละชุดปฏิบัติหน้าที่ผลัดละ ๒๔ ชั่วโมงหรือ ๑ วัน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วจะมีเวลาพัก ๒ วัน เท่ากับใน ๑ เดือนสายตรวจรถยนต์ปฏิบัติหน้าที่ ๑๐ วัน

* สายตรวจรถจักรยานยนต์ซึ่งมีอยู่ ๔ ชุดเมือคิดคำนวณแล้วแต่ละชุดจะมีการปฏิบัติดังนี้

๑. เข้าเวรผลัด ๐๐.๐๐-๐๘.๐๐ น.แล้วจะมีเวลาพัก ๑๖ ชั่วโมง
๒. เมื่อพักครบแล้วจะมาเข้าเวรผลัด ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น.แล้วพักอีก ๑๖ ชั่วโมง
๓. พักครบ ๑๖ ชั่วโมงแล้วจะมาเข้าเวรผลัด ๑๖.๐๐-๒๔.๐๐ น.แล้วพัก ๒๔ ชั่วโมงหรือ ๑ วันเต็ม
๔. เสร็จแล้วก็จะกลับมาเข้าเวรลักษณะเดียวกันกับข้อ ๑.-๓. เช่นนี้อีก

เมื่อคำนวณจากเดือนหนึ่งซึ่งคิดเฉพาะ ๓๐ วันแล้วจะเห็นว่าสายตรวจรถจักรยานยนต์ต้องปฏิบัติหน้าที่เดือนละ ๒๓ ผลัดๆ ละ ๘ ชั่วโมงเท่ากับว่าใน ๑ เดือนต้องทำงาน ๑๘๔ ชั่วโมงโดยเฉลี่ย

ในส่วนการปฏิบัติของสายตรวจรถยนต์ซึ่งผมบอกกล่าวข้างต้นที่ว่าใน ๑ เดือนนั้นพวกเราทำงานกัน ๑๐ วันจริงๆ แต่คำว่า วัน หรือ ๑ วัน นี้หลายคนมักละเลยที่จะพูดถึงว่า ๑ วันมีกี่ชั่วโมงโดยมองว่า ๑ วันของเราก็คือ ๑ วันในการทำงานของข้าราชการประเภทอื่น การคำนวณวันเหมือนข้าราชการอื่นนั้นไม่อาจนำมาใช้กับการทำงานของตำรวจ(ที่ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ธุรการ)ได้ เพราะพวกเราทำงานเป็นผลัดตามตารางเวรที่ผู้บังคับบัญชากำหนดหรือสั่งการไม่ใช่ทำงานเฉพาะวันเวลาราชการ ซึ่งจะเห็นว่าบางช่วงที่คนอื่นเขาทำงานแต่พวกเราได้หยุด หรือในกรณีกลับกันช่วงที่คนอื่นเขาหยุดแต่พวกเราต้องทำงาน เมื่อ ๑ วันมี ๒๔ ชั่วโมงและสายตรวจรถยนต์เราทำงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง ดังนั้น ใน ๑ เดือนพวกเราที่ทำงาน ๑๐ วันก็เท่ากับ ๒๔๐ ชั่วโมงมากกว่าสายตรวจรถจักรยานยนต์เสียอีก

ระยะเวลาการทำงานในแต่ละเดือนที่พูดถึงข้างต้นเป็นเพียงการทำงานตามวงรอบปกติเท่านั้นไม่รวมถึงการทำงานช่วงภารกิจพิเศษ เช่น ช่วงเทศกาลไม่ว่าจะเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่,เทศกาลสงกรานต์ หรือเวลาที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการอย่างอื่นซึ่งมีค่อนข้างบ่อยครั้งเข้าไปด้วย หากรวมช่วงพิเศษเหล่านี้แล้วเวลาในการทำงานของพวกเราจะเพิ่มขึ้นอีกพอสมควรจนแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัวเสียด้วยซ้ำ

กลับไปพูดถึงการทำงานของข้าราชการอื่นที่ทำงานเฉพาะวันและเวลาราชการโดยคิดฐานเฉลี่ยว่า ๑ เดือนมี ๓๐ วันนั้นจะพบว่าใน ๑ เดือนทำงาน ๒๒ วัน (นี่ยังไม่นับเดือนที่มีวันหยุดราชการมากเป็นกรณีพิเศษอย่างเช่นช่วงเข้าพรรษาปีนี้รวมไปด้วย) แล้วเวลาทำงานก็ตั้งแต่ ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น.ซึ่งเท่ากับ ๘ ชั่วโมงต่อวัน เมื่อคำนวณจำนวนชั่วโมงในการทำงานแล้วใน ๑ เดือนจะทำงาน ๑๗๖ ชั่วโมงซึ่งน้อยกว่าการทำงานของสายตรวจรถยนต์ ๖๔ ชั่วโมงและน้อยกว่าสายตรวจรถจักรยานยนต์ ๘ ชั่วโมงโดยเฉลี่ย

กล่าวโดยสรุปการทำงานของตำรวจสายตรวจนั้นจะมากกว่าข้าราชการอื่นอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ใช่หมายความว่าพวกเราจะคิดว่าทำงานหนักกว่าคนอื่นนะครับเพราะระบบการทำงานมันไม่เหมือนกัน ซึ่งหากเราเป็นท่านเราก็ต้องทำเหมือนท่าน หรือหากท่านมาเป็นเราท่านก็ต้องทำเหมือนเรา

ครับ เรื่องที่ผมนำมาบอกมากล่าวให้ฟังในวันหยุดนี้ก็คือสิ่งที่อยากจะฝากแง่คิดไปยังหลายๆ ท่านว่าตำรวจ(สายตรวจ) เราทำงานวันเดือนละ ๑๐ วันจริงหรือ หาใช่มีเจตนาจะเปรียบเทียบว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบหรืองานใครหนักกว่ากันแต่อย่างใดไม่ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นขอให้อยู่ในดุลพินิจของแต่ละท่านก็แล้วกัน

รักตำรวจ เกลียดตำรวจ มีปัญหาอย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะครับ

สวัสดีครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น