วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

โรงพักเฮฮา : ตอน "ตำรวจช่วยด้วย" (๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙)

"อ้ายเสมียนสุดหล่อเจ๊า..." ป้าแก้วพูดกับผมที่โต๊ะประจำวัน "...เมื่อคืนตอนตี ๒ โจรหน้าตาดี ๔ คนมันเข้าบ้านป้าแล้วขโมยสร้อยเก๊หนัก ๗ บาทที่วางบนหิ้งพระไปโดยห้ามป้าเอะอะโวยวายไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย พอมันออกไปแล้วป้าก็ร้องตะโกนให้คนช่วย..." พูดแล้วป้าแกก็เอามือเช็ดเหงื่อที่ไหลเยิ้มบนใบหน้าพักหนึ่ง "...เอ้อ ที่ป้าฝันแบบนี้น่ะอ้ายเสมียนสุดหล่อช่วยทำนายให้หน่อยได้ก่อเจ๊าว่าเลขเด็ดงวดนี้มันน่าจะออกหยัง วันพูกหวยจะออกแล้ว"

สวัสดีวันจันทร์ (๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙)

วันจันทร์ใช่สั้นสุด เพราะวันพุธนั่นก็สั้น
วันศุกร์ก็อีกวัน วันเสาร์นั้นก็สั้นดี
วันจันทร์มาทายทัก กับมิตรรักเพื่อนน้องพี่
สวัสดี-สวัสดี สั้นแค่นี้แหมดีจัง
.......
แหม่ ก็วันจันทร์มันสั้นเกี๊ยเลยต้องทั่กกันสั้นๆ แบบนี่แหนะ อ้ะอ๊า เอาได้ๆ เหอๆๆ



มาลี : เอ่อ น้องม่ะลิ่ แกลองดูเหียอู๊ดฮิ แก่แล่วทำตัวเหมือนเด็ก ก๊ะอีแค่นกินกุ๋ยเตี๋ยวหน่อยเดีย แหม่ เก้ก (เก๊ก,แอ๊กทางวางท่า) ซ้า แหลมบ้า (ท่าจะบ้า) 
ม่ะลิ่ : แกก็ว่าไป เหียอู๊ดกินกุ๋ยเตี๋ยวหน่อยเดียวซะที่หนา กินตั้ง ๓ ถ้วย แล่วแต่ล่ะถ้วยงี่ใหญ่เค แหม่ แลขลังๆ เนี่ยะ ดูฮิ เหอๆๆ


https://goo.gl/6UTsqw


วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วันนี้วันพระ (๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙)

พระเจ้า-ตนหลวง ศักดิ์สิทธิ์
ตั้งจิต อุทิศ ถวาย
แด่องค์ ล้นเกล้า เผ่าไทย
สถิต อยู่ใน สวรรค์
น้อมนำ ธรรมะ ใส่เกล้า
ถวายเจ้า อยู่หัว องค์ท่าน
ขอเป็น รองบาท ราชัน
ชั่วกัป ชั่วกัลป์ นั้นเทอญ


https://goo.gl/es8euR

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อยู่พะเยาหรือเจียงฮาย (๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๙)

มีบางคนถามว่าตกลงเหียอู๊ดอยู่ไหน พะเยาหรือเจียงฮายเจ๊า

ตอบ : เมื่อเช้าเหียอู๊ดอยู่พะเยาแต่ตอนนี้อยู่เจียงฮายแล้วตอนเย็นๆ เหียอู๊ดก็จะไปอยู่พะเยาจ้า เหอๆๆๆๆ (แหม่ ตอบได้น่า...รั่กเชีย เดี๋ยวเหอะ ฮึ่มมม)

ปลาจุ่มจ้าปลาจุ่ม เนื้อนุ่มนุ่มชุ่มชื่นใจ
มามะมากินไหม ว่างเมื่อไรมากินนะ
ปลาจุ่มเราทำเอง ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ
มามะมะมามา มากินปลาจุ่มกันเร็ว
........
เนี่ยะ ดูฮิ ปลาจุ่มวันนี่น่ะฝีมือเหียอู๊ดเอง ร่สชาติงี่ "เอาได้" เลยแหนะ มากินกันฮิ่ มาริ้ว



กุ๋ยเตี๋ยวร้านพานโอชา (๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๙)

กุ๋ยเตี๋ยวร้านเขา เอาได้เอาได้
รวดเร็วทันใจ อร้อยอร่อย
ลูกค้าอุดหนุน เจือจุนไม่น้อย
เคยมาทานบ่อย เมื่อก่อนหน้านี้
กุ๋ยเตี๋ยวร้านเขา เข้าท่าเข้าท่า
เชิญจ้ะเชิญจ้า เชิญมาน้องพี่
เส้นเล็กเส้นใหญ่ แบบไหนก็มี
มาทานสักที จะติดใจนาน
กุ๋ยเตี๋ยวร้านเขา เอาครับเอาครับ
สูตรต้นตำรับ จากรุ่นปู่นั่น
กุ๋ยเตี๋ยวร้านนี้ อยู่เมืองพาน
ชื่อของร้านนั้น คือ "พานโอชา



โรงพักเฮฮา : ตอน "เชิญที่ห้องสอบสวน" (๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๙)

"เชิญนางสาวจิ้มลิ้มพบร้อยเวรที่ห้องสอบสวนคร้าบบบบ” สิบเวรแก่บอกพี่น้องที่มารอรับบริการของตำรวจซึ่งนั่งอยู่ที่ที่พักสำหรับประชาชนชั้นล่าง
"มาแล้วเจ๊า ข้าเจ้าเนี่ยนางสาวจิ้มลิ้ม...” คุณยายคนหนึ่งซึ่งเคี้ยวหมากแหง็บๆๆ ในมือถือกระโถนมาด้วยพูดกับนายร้อยเวรเมื่อเข้าไปในห้อง “...ตอนนี้ข้าเจ้าอายุ ๗๙ ปี ยังบ่มีผัวเพราะสมัยสาวๆ ข้าเจ้าเป็นคนเลือกนัก คนนั้นก็บ่ดี คนนี้ก็บ่งาม คนนู้นก็บ่หล่อ คนโน้นก็บ่รวย ก็เลยเป็นนางสาวมาเต้าบ่าเดี๋ยวนี่แหละเจ๊า”
“แหม ยายครับ...” ร้อยเวรหนุ่มพูดยิ้มๆ “...ผมยังไม่ได้ถามอะไรซักกะอย่าง ยายเล่นบอกเป็นฉากๆ ก่อนเลยนะ”
“ก็...” ยายพูดพร้อมค้อนร้อยเวรหนุ่มควั่บและบ้วนน้ำหมากในปากลงกระโถน “...ก็ข้าเจ้ากลัวพ่อหนุ่มจะสงสัยว่าข้าเจ้าอายุจวนเข้าโลงอยู่แล้วทำไมถึงหาผัวไม่ได้ไงเลยชิงตอบซะก่อน เหอๆๆๆ”

สวัสดีวันเสาร์ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๙)

สักวา วันเสาร์ เขาคนนี้
น่ารักดี ดูฮิ ใครกันหนอ
คนระยอง เอาได้ หน้าไม่งอ 
อำเภอแกลง ถิ่นเกิดก่อ ต่อกายา
ลูกเพาะเหียน แมะเผือน คนพังราด
ทั้งเชื้อชาติ สัญชาติไทย ใช่แล้วจ้า
ส่วนชื่อกับ นามสกุล พ่อให้มา
ว่าสุพจน์ มัจฉา เจ้าข้าเอย

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

โรงพักเฮฮา : ตอน "ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์" (๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ผู้ต้องหา : ที่ผมทำไปน่ะเพราะผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครับอ้ายลุงดาบ
อ้ายลุงดาบ : ม่ะ (ทำไมล่ะ) ไหนบอกให้ฟังหน่อยฮิ 
ผู้ต้องหา : ผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าบ้านที่ผมไปขโมยน่ะเป็นบ้านตำรวจ เฮ้อ รู้งี้ไม่ขึ้นบ้านนี้ดีกว่า ไม่มีของมีค่าอะไรซักกะอย่าง มีแต่ขวดเหล้าขวดเบียร์ แถมยังถูกจับอีก ไม่คุ้มเล้ยยย แย่ๆๆๆ

สวัสดีวันศุกร์ (๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙)

เชื่อไหมครับ วันนี้ น่ะวันศุกร์
เชื่อไหมครับ วันสนุก และสุขสันต์
เชื่อไหมครับ ใครใคร ก็ชอบกัน
เชื่อไหมครับ แล้ววัน ศุกร์ก็มา
.......
เย้ วันสุขมาแว้ววว เหอๆๆๆ เอาได้ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

พฤหัส...ห้ามถอน (๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙)

เหตุเกิดเมื่อวันพฤหัสปีก่อน...


"ถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ก็เป็นวันพฤหัสนะ โบราณท่านห้ามถอน" ผัวรวบรวมความกล้าพูดกะเมีย
"ใช่ วันพฤหัสห้ามถอนฉันรู้ดี..." เมียตอบ "...แต่โบราณท่านไม่ได้ห้ามตัดนี่ ไป ไปจัดการตัดหญ้าในสวนซะ"
.......
พฤหัส...ห้ามถอน

โรงพักเฮฮา : ตอน "จับการพนันรายใหญ่" (๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙)

"นี่หลอง...” ผมพูดกับหัวหน้าสายสืบที่ชื่อ ด.ต.หลองข้าว “...ไหนโทรศัพท์รายงานผมว่าจับการพนันรายใหญ่ไง แล้วทำไมได้ผู้ต้องหาแค่ ๓ คน”

"รายใหญ่จริงๆ นี่ครับนาย...” ด.ต.หลองข้าวตอบ “...ก็ป้าๆ ทั้ง ๓ คนที่จับได้เนี่ยะตัวยังกะยักษ์ น้ำหนักคนละไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ นี่ยังดีนะที่ป้าแต๋วซึ่งหนัก ๒๐๐ ป่วยเลยไม่ได้มาร่วมวงด้วย ไม่งั้นใหญ่กว่านี้อีก”

สวัสดีวันพฤหัส (๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ท่านบอกชัด พฤหัส นั้นห้ามถอน
ถ้าไม่สร่าง แล้วนอน ท่านไม่ห้าม
จะอ้วกแตก อ้วกแตน อยากทำทำ
แต่ถ้าถอน ท่านห้าม จำไว้นะ 
.......
พฤหัส...ห้ามถอน



ก๋องคำ : เหอๆๆๆ สุมาเต๊อะเจ๊าอ้ายอู๊ด ถ่ายฮูปแล้วใค่หัวคนเดียวยะหยังเจ๊า
อ้ายอู๊ด : ปล่าว,แบบว่าเหียอู๊ดตัดผมใหม่ก็เลยถ่ายรูปไว่เป็นที่ร่ะลึ่กซ้าหน่อยง่ะ เป็นงา (ไงมั่งล่ะ) เนี่ยะ ดูฮิ 
ก๋องคำ : อ้ะ เอาได้ๆ เหอๆๆๆ

........
บ่ายวันนี้ไปตัดผมมาใหม่จ้า

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ปัสสาวะชายเชิญด้านหลัง (๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙)

เขาเขียนป้าย ผู้ชาย เชิญด้านหลัง
ดีใจจัง หลังอั้น มานานเนิ่น
ห้องน้ำคง นั่งสบาย ใจเพลิดเพลิน
ฉันจึงเดิน ตามไป ยิ้มไปพลาง 
เดินเดินไป เหตุไฉน ไกลจังนี่
ห้องน้ำก็ ไม่เห็นมี ที่ข้างข้าง
จนมาถึง ท้องทุ่งนา ณ ริมทาง
ตาสว่าง อยู่นี่ไง ใช่แน่เลย
........
แหม นึกว่าอยู่ที่ไหน เหอๆๆๆ

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

โรงพักเฮฮา : ตอน "ถูกคนใบ้หลอก" (๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙)

"คนเขามาแจ้งอะไรเหรอน้องเยอะแยะมากมาย" ผมถามร้อยเวรเมื่อเห็นคนเข้าไปในห้องสอบสวนราว ๑๕-๑๖ คน
"ถูกคนใบ้หลอกครับพี่..." ร้อยเวรตอบ "...ตอนนี้สายตรวจกำลังไปเอาตัวคนใบ้มาครับ"
"เฮ้อ อะไรจะขนาดนั้น..." ผมรำพึงในใจ "...คนสมัยนี้เนาะขนาดเป็นใบ้ พูดก็ไม่ได้ ได้ยินก็ไม่ได้ยินยังไปหลอกเขาอีก"
อีกแป๊บหนึ่งเจ้าหน้าที่สายตรวจนำชายคนหนึ่งอายุน่าจะมากกว่า ๗๐ ปีเข้ามาและบอกว่าคือคนใบ้คนนั้น ผมจึงถามโดยทำไม้ทำมือประกอบท่าทางประมาณว่าลุงไปหลอกเขาเหรอ แล้วหลอกเขาทำไม
“ลุงไม่ได้หลอกเขานะพี่จ่า...” ลุงตอบผมเสียงดังลั่นห้องสอบสวน "... ลุงแค่บอกใบ้เป็นนัยๆ ว่าเลขเด็ดงวดนี้ให้ดูหน้าลุงนี่ แล้วคนพวกนี้ก็เอาไปคิดไปนึกเลขกันเองว่าลุงอายุ ๗๗ เลขเด็ดต้อง ๗๗ แน่ๆ ผลสุดท้ายออก ๐๐ จริงๆ น่ะลุงเพียงแค่ใบ้ให้ว่าหน้าตาอย่าลุงเนี่ยะเชื่อถือไม่ได้หรอกเท่านั้นเองพี่จ่า”

ภาพเมื่อครั้งอยู่ ม.ศ.๓ (๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ภาพสมัย ครั้งเรียน ม.ศ.สาม
ช่างอะร้า อร่าม คมขำเนาะ
เพื่อนมันว่า ฉันพูดดี วจีเสนาะ
ชื่อก็เหมาะ เพราะชื่อหรือ คือสุพจน์
คนพังราด แดนดิน ถิ่นบ้านนอก
แห่งระยอง ตะวันออก ที่สวยสด
พูดก็หวาน ดั่งน้ำตาล นั้นราดรด
ที่ฝูงมด รุมล้อม ตอมนั่นละ
แต่ไม่ใช่ อย่างที่เพื่อน มันพูดหรอก
พอเจอสาว พูดไม่ออก ซะงั้นน่ะ
มุดใต้โต๊ะ ไม่กล้าพบ สบตานะ
สาวหัวเราะ เอิ๊กอ๊ะ ฮากลิ้งและ
ภาพสมัย ครั้งเรียน ม.ศ.สาม
ยังติดตาม ตัวฉัน อีกนั่นแหละ
จนบัดนี้ ยังเขินสาว เจ้าอยู่แฮะ
สาวกระแซะ ส่วนตัวฉัน นั้นเขินซะ

แหม่ เก่งแต่ปากเนาะเหียอู๊ด แลน่าสมเพด ดูฮิ เหอๆๆๆ

สวัสดีวันอังคาร (๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙)

หวัดดี หวัดดี หวัดดี
เพื่อนเพื่อน พี่พี่ น้องน้อง
หมู่มิตร มากมาย หมายมอง
ไม่หม่น ไม่หมอง เมินหมาง
สุขี สุขัง สุโข
ทั้งเล็ก ทั้งโต ทั้งกลาง
คนคอย เคลียคลอ ข้างข้าง
ไม่เหิน ไม่ห่าง หวัดดี

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

โรงพักเฮฮา : ตอน "วันนี้วันพระ" (๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙)

อ้ายลุงดาบอู๊ดเจ๊า..." ป้าแก้วทักผม "...วันนี้วันศีล(วันพระ) อ้ายลุงดาบจะทำบุญกะหมู่ป้าๆ เขาสักหน่อยก่อเจ๊า"

"ด้วยความยินดีครับป้าๆ" ผมตอบ

"ถ้าจะอั๊น(อย่างนั้น) อ้ายลุงดาบช่วยยกสังฆทานถวายพระหื้อหมู่ป้าๆ จิ่ม(หน่อย)" คราวนี้ป้าแววพูด

"ด้วยความเต็มใจครับ" ผมพูดแล้วรับสังฆทานจากป้าๆ ซึ่งเป็นอาหารหวานคาวที่ญาติๆ นำมาให้แต่เช้าถวายพระพุทธรูปหน้าห้องขังแทนป้าๆ ๔ คนที่ถูกขังข้างในเพราะถูกจับข้อหาเล่นการพนันเมื่อวานเย็นอย่างนอบน้อม

ภาพเก่าเล่าความหลัง (๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ภาพที่เห็นนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดพังราด (เพิ่มราษฎร์รังสรรค์) ที่จบการศึกษาชั้นสูงสุดของโรงเรียนถ่ายภาพร่วมกับคณะครูก่อนจบเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ โดยเด็กนักเรียนที่เห็นนั้นเป็นรุ่นพี่สาวของผม (พี่น้อย มัจฉา) สำหรับอาคารโรงเรียนด้านหลังปัจจุบันรื้อสร้างใหม่แล้วครับ

ในส่วนของคุณครูในภาพนั้นประกอบด้วย (จากซ้ายไปขวา) ครูอุดร แสงมณี , ครูจอง ทองก้อน , ครูบุญธรรม นิสัยมั่น

ขอบคุณภาพจากเจ๊ กาญจนา นิสสัยมั่น ซึ่งเป็นนักเรียนรุ่นนี้เป็นอย่างสูงด้วยนะครับ


ภาพนี้เป็นนักเรียนชั้น ม.ศ.๓/๒ โรงเรียนแกลง "วิทยสถาวร" จ.ระยองซึ่งจบเมื่อปี ๒๕๑๙ ที่เดี๋ยวนี้ต่างคนต่างชิงกันแก่ชนิดไม่มีใครยอมใคร อ้ะอ๊า

สองคนนี่ใครจะรู้มั่งว่าเคยเป็น "ดารา" ของนักเรียนรุ่นนั้นด้วยนะคร้าบบบ
Believe it or not?



โรงพักเฮฮา : ตอน "ขอกินน้ำหน่อยเจ๊า" (๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙)

"อ้ายต๋ำหนวดเจ๊า..." เสียงผู้หญิงดังแว่วมาจากห้องขังด้านบน "...น้องหิวน้ำ ขอน้ำกินหน่อยเจ๊า"

"อ้ะ ได้แล้วน้ำ กินเยอะๆ นะน้อง" เราพูดกับผู้ต้องหาคนนั้นหลังเอาน้ำเย็นเจี๊ยบแก้วใหญ่ขึ้นไปให้เธอด้วยตนเอง

"นายครับ..." สิบเวรพูดกับเราหลังจากเราเดินลงมาข้างล่าง "...สุมาเต๊อะ นายขึ้นไปตรวจห้องขังหรือครับ แต่สองสามวันนี้รวมถึงวันนี้ด้วยโฮงพักเฮาบ่มีผู้ต้องหานี่ครับนาย"

สวัสดีวันพระ (๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙)

วันนี้ วันจันทร์ วันพระ
ขอเชิญ ลดละ อบาย
ตั้งจิต อุทิศ ถวาย
แด่องค์ เทพไท้ เหนือหัว
ตั้งใจ ทำแต่ สิ่งดี
หลบเลี่ยง หลีกหนี สิ่งชั่ว
น้อมนำ ธรรมา หาตัว
ทุกท่าน ถ้วนทั่ว กันเทอญ

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ภาพแรกในชีวิตของฉัน (๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๙)

เป็นภาพแรก ที่เห็นมา คราก่อนเก่า
เป็นภาพแรก ที่ติดเสา หิ้งพระบ้าน
เป็นภาพแรก ที่คุ้มเรา มาเท่านาน
เป็นภาพแรก ที่บ้านฉัน กราบวันทา
เป็นภาพแรก ที่ฉันเห็น เป็นประจักษ์
เป็นภาพแรก ที่ฉันรัก มากหนักหนา
เป็นภาพแรก ที่สวยเด่น เป็นบุญตา
เป็นภาพแรก ที่ศรัทธา หาเลือนลง
เป็นภาพแรก ที่รักษา มาบัดนี้
เป็นภาพแรก ที่ชีวี นี้เป็นผง
เป็นภาพแรก ที่ชีวิต แม้ปิดลง
เป็นภาพแรก ที่จะคง ยืนยงยาว
.......
ข้าพระพุทธเจ้าน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
(สุพจน์มัจฉา ณ เมืองแกลง / ร้อยกรอง)

วันปิยมหาราช (๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ปิยมหาราชเจ้า                 ราชา
ยี่สิบสามตุลา                   แซ่ซ้อง
น้อมถวายแด่ผ่านฟ้า        ด้วยจิต
พระเกียรติคุณเกริกก้อง   ทั่วแคว้น โลกันต์ 
.......
สุพจน์มัจฉา ณ เมืองแกลง / ร้อยกรอง
(ภาพเมื่อปี ๒๕๕๗)

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

น้ำใจของคนไทย (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ช่วงเที่ยงวันวันนี้ผมออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดพะเยาซึ่งตอนนั้นลูกค้าค่อนข้างเยอะ พอนั่งที่โต๊ะแล้วก็บอกละอ่อนเสิร์ฟว่าจะกินอะไรแล้วนั่งรอ ระหว่างรอมีน้องคนหนึ่งซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อนเดินมาหาพร้อมเอาหนังสือพิมพ์ส่วนหลังซึ่งจะเป็นเรื่องข่าวกีฬาและบันเทิงมาให้ผมโดยน้องคนนั้นบอกว่า “อ้ายครับ ระหว่างนั่งรอนี่ผมแบ่งหนังสือพิมพ์ของร้านนี้ส่วนหนึ่งมาหื้ออ้ายอ่านนะครับ แล้วหลังจากผมอ่านของผมเสร็จแล้วค่อยเอามาเปลี่ยนกับอ้ายอีกทีหนึ่ง เป็นการฆ่าเวลาไปในตัวครับอ้าย”

ครับ...น้ำใจของคนไทยเราเช่นนี้มีให้เห็นตลอดเรื่อยมา ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงที่คนไทยโศกเศร้าด้วยแล้วน้ำใจที่มีให้แก่กันยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวี
“ข้าพระเจ้าพุทธน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”

พระบรมราโชวาทฯ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙)

"...จงอย่าลืมว่าท่านเป็นตำรวจ จงทำตนให้สมกับที่เป็นตำรวจ จงเป็นตำรวจที่ดี...ไม่ว่าจะเป็นตำรวจชั้นใด จะเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรก็ดี ชั้นนายสิบหรือพลตำรวจก็ดี นับเป็นผู้มีเกียรติเสมอเหมือนกันหมด คือเกียรติแห่งลูกผู้ชายที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมืองของตน ให้สมกับคำสัตย์ปฏิญาณที่ได้กล่าวไว้ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของตัวเอง แต่ให้นึกถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านทั้งหลาย จงตั้งใจปฏิบัติราชการตามหน้าที่ของตนตามตำแหน่งชั้นอย่างเต็มที่ เพื่อชาติบ้านเมืองของเราจะได้ยั่งยืนถาวรเหมือนอย่างบรรพบุรุษของเราได้กระทำมาแต่ก่อน..."
พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพิธีพระราชทานธงชัยประจำหน่วยตำรวจและพิธีสวนสนามเนื่องในวันตำรวจ ณ ลานพระราชวังดุสิต วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๔๙๕

ข้าพระพุทธเจ้าภูมิใจที่ได้เกิดเป็นตำรวจในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ปี่ไฉนกลองชนะ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ปี่ไฉนกลองชนะ     ฟังแล้วจะใจสลาย
ยามฟังคราครั้งใด   น้ำตาไหลรินหลั่งลง 
แสนโศกวิปโยคจิต ดั่งชีวิตเป็นผุยผง 
สิ้นแล้วบาทบงสุ์     พระผู้ทรงศูนย์รวมไทย
ยึดมั่นให้สัจจะ        กลองชนะปี่ไฉน
จะตั้งจิตตั้งใจ         ถวายไท้แต่ความดี


วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เหลืองแดงแกลงหนึ่งเก้ารวมใจ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙)

เหลืองแดงแกลงหนึ่งเก้า     รวมใจ
ร้อยจิตอุทิศถวาย                ผ่านฟ้า 
หลอมรวมจิตใจกาย            มอบแด่ ภูมินทร์
สถิตทิพย์แหล่งหล้า            คู่ฟ้า สถาวร
.......
ปวงข้าพระพุทธเจ้า นักเรียนโรงเรียนแกลง "วิทยสถาวร" รุ่น ๑๙ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
(สุพจน์มัจฉา ณ เมืองแกลง / ร้อยกรอง)

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น (๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙)

"... ผมเห็นแมะเอาผ้าเช็ดหน้าผืนที่ดีที่สุดในบ้านเราเท่าที่จะหาได้มารีดแล้วพับอย่างทะนุถนอม ถามแมะว่าเตรียมเอาไปทำอะไร แมะบอกว่าวันพรุ่งนี้ (๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๒) จ้าว (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) จะเสด็จเยี่ยมราษฎรที่ตำบลปากน้ำประแส (อำเภอแกลง ระยอง) ผมถามต่อไปว่าแล้วเกี่ยวกับผ้าเช็ดหน้าอย่างไร แมะบอกว่า...”
.......
ช่วงปลายปี พ.ศ.๒๕๑๒ ผมเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๓ ที่โรงเรียนวัดพังราด (เพิ่มราษฎร์รังสรรค์) ตำบลพังราด อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิด การดำเนินชีวิตของพวกเราที่นี่ก็เป็นปกติเหมือนเช่นทุกวันเดือนปีที่ผ่านมา แต่สิ่งหนึ่งซึ่งผมดูแล้วค่อนข้างแปลกใจก็คือสังเกตเห็นว่าพ่อแม่,คนโต (ผู้ใหญ่) , ผู้เฒ่าผู้แก่ส่วนใหญ่จะนำเสื้อผ้าดีๆ ที่แต่ละคนพอจะหาได้ในบ้านมาซัก มาตาก มารีด มาทำความสะอาดกันแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรใคร คิดในใจว่าคงจะมีงานบุญหรืองานอะไรสำคัญสักอย่างหนึ่งมากกว่า จนกระทั่งช่วงโรงเรียนเลิกของวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๑๒ เมื่อเดินไปถึงบ้านผมเห็นแมะ (แม่) เอาผ้าเช็ดหน้าผืนที่ดีที่สุดในบ้านเราเท่าที่จะหาได้มารีดแล้วพับอย่างทะนุถนอม ถามแมะว่าเตรียมเอาไปทำอะไร แมะบอกว่าวันพรุ่งนี้ (๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๒) จ้าว (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) จะเสด็จเยี่ยมราษฎรที่ตำบลปากน้ำประแส (อำเภอแกลง จังหวัดระยอง) ผมถามต่อไปว่าแล้วเกี่ยวกับผ้าเช็ดหน้าอย่างไร แมะบอกว่าเช้ามืดวันพรุ่งนี้เพาะ (พ่อ),แมะและคนในหมู่บ้านเกือบทั้งหมดจะเดินทางไปรับเสด็จพระองค์ท่านที่นั่นซึ่งถือว่าเป็นบุญใหญ่หลวงที่เกิดมาชาตินี้จะได้มีโอกาสเห็นพระองค์ท่านด้วยตาตนเองสักครั้งหนึ่งโดยผ้าเช็ดหน้านี้จะเอาไปฝากไว้กับคนเฒ่าคนแก่ซึ่งมีโอกาสได้นั่งรับเสด็จใกล้ชิดจุดที่พระองค์ท่านจะเสด็จผ่านเพราะเพาะกับแมะซึ่งตอนนั้นยังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่คงต้องเฝ้ารับเสด็จอยู่หลังๆ และไกลพระองค์ท่านเนื่องจากคนต้องไปรับเสด็จกันอย่างเนืองแน่นแน่นอน และเมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ๆ ที่ราษฎรเข้าเฝ้าอยู่นั้น คนเฒ่าๆ แก่ๆ หรือคนที่นั่งใกล้ชิดก็จะนำผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าที่ดีที่สุดที่ตัวเองพอจะหาได้ไปปูวางตามทางที่พระองค์จะเสด็จผ่านและพระองค์ท่านก็จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เหยียบผ้าเหล่านั้นเพื่อพวกเราจะได้นำไปกราบไหว้บูชาต่อไป

นอกจากเตรียมผ้าเช็ดหน้าแล้วแมะยังเอาเสื้อผ้าที่ใหม่และดีที่สุดของเพาะกับแมะที่ซักและตากไว้นอกบ้านจนแห้งดีแล้วมารีดจนเรียบ โดยแมะจะพิถีพิถันเป็นพิเศษกว่าทุกครั้งที่เคยทำ เสื้อผ้าที่ว่านี้ส่วนใหญ่เพาะกับแมะจะนำไปใส่ในวันสำคัญๆ เช่นวันทำบุญใหญ่ที่วัด แทบไม่ได้ใช้ในงานอื่นๆ นัก แมะบอกว่าเพาะกับแมะจะใช้ใส่ไปรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันพรุ่งนี้ซึ่งถือว่าเป็นงานสำคัญและเป็นมงคลยิ่งแห่งชีวิตจึงต้องเน้นและพิถีพิถันหน่อย เมื่อรีดเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เอาไปเก็บไว้ในตู้
คืนนั้นช่วงก่อนนอนเพาะพูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้พวกเราลูกๆ ซึ่งนอนเรียงติดกันภายในบ้านฟังโดยบอกว่าพระองค์ท่านทรงทำงานหนักเพื่อพวกเราชาวไทย ไม่ว่าจะไกลขนาดไหน เพียงใด พระองค์ก็ยังเสด็จไปเยี่ยมถึงที่ อย่างตำบลปากน้ำประแสซึ่งอยู่ห่างจากตำบลพังราดบ้านเราราวๆ ๑๐ กิโลเมตรและค่อนข้างกันดารพระองค์ท่านก็ยังทรงพระเมตตามาเยี่ยมเยียนเพื่อจะได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรของพระองค์ท่านอย่างแท้จริงในวันพรุ่งนี้ พวกเราคนอำเภอแกลงทุกคนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะฉะนั้นจึงสมควรที่ลูกๆ จะต้องเป็นคนดี ตั้งใจเรียนหนังสือหนังหา ไม่ประพฤติหรือกระทำอะไรที่ไม่ถูกต้องเป็นอันขาดเพื่อพระองค์ท่าน

พวกเรานอนฟังพร้อมเหลือบนัยน์ตาไปยังพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านซึ่งประดิษฐ์เคียงคู่กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่หิ้งพระบูชาด้วยความปลื้มปีติ พระบรมฉายาลักษณ์ของทั้งสองพระองค์นั้นฉายไว้ซึ่งความเมตตาแก่พสกนิกรชาวไทย เป็นพลังที่คนที่เห็นจะมีความมุมานะ ตั้งใจประกอบสัมมาอาชีพหรือทำงานในหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อพระองค์ท่าน พวกเราทุกคนในบ้านตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครเห็นพระองค์จริงของทั้งสองพระองค์มาก่อนเลย ส่วนใหญ่จะได้ยินได้ฟังจากวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าๆ ในบ้านถึงพระราชกรณียกิจว่าทรงทำอะไรบ้าง ซึ่งจะเห็นว่าพระองค์ทรงทำงานทุกวันไม่มีวันหยุดอย่างไม่ทรงย่อท้อหรือเหน็ดเหนื่อย

รุ่งเช้าของวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๒ เพาะกับแมะตื่นนอนราวๆ ตี ๓ แล้วอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดที่แมะเตรียมไว้เมื่อวานพร้อมเอาน้ำหอมซึ่งร้อยวันพันปีพวกเราลูกๆ แทบไม่เคยเห็นมาฉีดจนหอมไปทั้งตัว ใบหน้าทาแป้งอย่างดี ผมเผ้าหวีจนเรียบแปล้เสร็จแล้วบอกพวกเราว่าเพาะกับแมะและคนโตในหมู่บ้านจะไปรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวกันโดยจะออกไปตอนนี้ (ราวๆ ตี ๔) เมื่อถึงเวลาให้ลูกๆ ไปโรงเรียนกันเองก่อนนะ อาหงอาหารแมะเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเพาะกับแมะก็ออกเดินทางโดยใช้รถจักรยานสองล้อของบ้านซึ่งมีอยู่คันเดียวเป็นพาหนะ เพาะเป็นคนขี่แมะเป็นคนซ้อนพร้อมกับคนโตในหมู่บ้านอีกเป็นจำนวนมาก

ตำบลปากน้ำประแสตรงจุดที่พระองค์ท่านจะเสด็จในวันนั้นอยู่ห่างจากบ้านพังราดไทยบ้านเราราวๆ ๑๐ กิโลเมตรซึ่งปัจจุบันอาจจะมองว่าใกล้ ขับรถแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว แต่สำหรับสมัยเมื่อก่อนนั้นมันไม่ใช่ ถือว่าไกลมากเพราะรถราก็แทบไม่มี ถนนจากบ้านเราที่จะไปต้องผ่านบ้านพังราดไทย-เกาะลอย-คลองปูนซึ่งมีระยะทางราวๆ ๕ กิโลเมตรก็เป็นเพียงถนนลูกรัง ขับขี่ค่อนข้างลำบาก พอออกจากบ้านคลองปูนไปปากน้ำประแสร์ซึ่งมีระยะทางราว ๕ กิโลเมตรเศษถนนถึงค่อยดีหน่อยเป็นถนนราดยางมะตอยแล้ว แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรเหมือนกันกว่าจะไปถึง

เช้าวันนั้นเมื่อพวกเราถึงโรงเรียนแล้วแทบทุกคนต่างคุยกันถึงเรื่องที่พ่อแม่ญาติพี่น้องเดินทางไปรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ โดยที่ทุกคนเล่ามาจะเหมือนๆ กันคือพ่อแม่ญาติพี่น้องของตนเองใส่เสื้อผ้าอย่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ไปรับเสด็จ ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เอิบอิ่มประมาณนี้ และต่อมาเมื่อเคารพธงชาติเสร็จแล้วครูเวรประจำวันนั้นได้ขึ้นมาพูดหน้าเสาธงถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าอยู่หัวให้พวกเราฟังและเน้นย้ำให้พวกเราทุกคนตั้งใจเรียนหนังสือ เป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อแม่ครูอาจารย์และผู้ใหญ่เพื่อถวายแด่พระองค์

หลังเลิกเรียนวันนั้นเมื่อผมกลับถึงบ้านได้สักพักใหญ่ๆ เพาะกับแมะและคนโตในหมู่บ้านซึ่งไปเฝ้ารับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เดินทางมาถึงด้วยหน้าตาที่มีแต่รอยยิ้มอย่างมีความสุขแม้ว่าเนื้อตัวของเพาะจะเต็มไปด้วยเหงื่อที่ต้องปั่นจักรยานไปกลับร่วมๆ ๒๐ กิโลก็ตาม เพาะกับแมะเล่าให้ฟังว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จถึงปากน้ำประแสเพื่อทรงประกอบพิธีประดิษฐานพระรูปพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เมื่อช่วงบ่ายแล้วเสด็จเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าบริเวณนั้นอย่างล้นหลาม “คนเป็นหนอนเลย” แมะบอกเรา ซึ่งความหมายก็คือมีคนมืดฟ้ามัวดินเต็มไปหมดจนแทบจะหาที่ยืนไม่ได้ประมาณนั้น เพาะกับแมะเฝ้ารับเสด็จตรงจุดที่ห่างจากพระองค์ค่อนข้างมากจนมองเห็นพระองค์เล็กนิดเดียวและได้เห็นเพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น แต่ก็เป็นแวบเดียวที่มีความสุข ปลาบปลื้มปีติและไม่อาจลืมเลือนได้จวบจนชีพนี้จะหาไม่ วันนั้นพระองค์ทรงเครื่องแบบทหารเรือที่สง่างาม เวลาที่พระองค์เสด็จผ่านเพาะกับแมะและผู้คนทุกคนต่างยกมือท่วมหัวเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญๆๆ” โดยบางคนซึ่งก็รวมถึงเพาะกับแมะด้วยน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ระหว่างที่เล่าถึงตอนนี้เพาะกับแมะก็น้ำตาไหลออกมาด้วย เพาะกับแมะบอกว่าชาตินี้ถึงแม้จะตายก็คงนอนตายตาหลับแล้วเพราะได้เห็นพระองค์ท่านกับตาแม้จะเพียงแวบเดียวก็ตาม

สำหรับผ้าเช็ดหน้าที่แมะบอกว่าจะฝากให้คนเฒ่าคนแก่ซึ่งรับเสด็จอยู่แถวหน้าเพื่อให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเหยียบขณะเสด็จพระดำเนินผ่านนั้นแมะค่อยๆ บรรจงหยิบออกมาจากกระเป๋าถือที่นำติดตัวไปด้วยอย่างระมัดระวังให้พวกเราดู เพาะบอกว่าก่อนไปได้ฝากไว้ที่ยาย....(ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว) ซึ่งขณะนั้นอายุราวๆ ๘๐ ปีกว่าที่พวกเราคิดกันว่ายายคงได้นั่งแถวหน้าใกล้ๆ จุดที่พระองค์จะเสร็จผ่านซึ่งก็เป็นจริงตามคาด วันนั้นนอกจากยายจะเอาผ้าเช็ดหน้าของบ้านเราและคนอื่นๆ อีก ๒-๓ ผืนติดมือไปแล้วยายยังเอาผ้าเช็ดหน้าของยายเองไปวางตรงลาดพระบาทที่พระเจ้าอยู่จะเสด็จผ่านด้วยเพื่อพระองค์จะได้ทรงเหยียบและพวกเราจะนำไปสักการบูชาต่อไป พวกเรามองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอย่างปลื้มปีติเสมือนหนึ่งว่าพระองค์ทรงประทับอยู่ในขณะนั้นด้วยเนื่องจากเรารู้ว่าเมื่อพระองค์ทรงเหยียบแล้วจะต้องมีเศษละอองธุลีพระบาทติดอยู่ในผ้านั้นซึ่งก็เปรียบเสมือนพระองค์ท่านนั่นเอง โดยผ้าผืนนั้นเพาะกับแมะได้เชิญไว้บนพานที่หิ้งพระบูชาภายในบ้านตั้งแต่เย็นวันนั้นพร้อมคอยดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอแม้ว่าเดี๋ยวนี้เพาะจะเสียชีวิตไปได้ ๑๗ ปีแล้วก็ตามแมะกับพวกเราก็จะยังคงดูแลรักษาต่อไปตราบนานเท่านานด้วยความเชื่อว่าพระองค์ท่านได้อยู่กับพวกเรา เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นศูนย์รวมชีวิตจิตใจและคอยปกปักรักษาคุ้มครองพวกเราพสกนิกรชาวไทยตลอดไป

ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ใกล้ชิดเบื้องพระพักตร์ (๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙)

๓๑ มีนาคม ๒๕๒๖ เป็นวันที่พวกเรา “นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ ๓๖” มิอาจลืมเลือนได้จวบชีวิตนี้เพราะวันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น.พวกเราจำนวน ๒๘๕ ชีวิตซึ่งสำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดเบื้องพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเพื่อรับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร ณ ศาลาดุสิดาลัยในพระบรมมหาราชวัง ยังความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ เหตุการณ์ที่ได้ใกล้ชิดเบื้องพระพักตร์พระองค์ท่านเช่นนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเราที่อยู่ในความทรงจำตราบวันสุดท้ายของชีวิตเลยทีเดียว

วันนั้นพวกเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานสิ่งอันมีค่าล้ำ ๒ สิ่งคือ "กระบี่" และ "ปริญญาบัตร" ที่ทุกคนยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีมาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรเสร็จสิ้นแล้วพระองค์ท่านได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่พวกเราไว้ดังต่อไปนี้

“...ผู้ที่เข้ามาเป็นตำรวจย่อมทราบดีกันทุกคนว่างานในหน้าที่ของตนนั้นเต็มไปด้วยปัญหาสารพัด ทั้งยังมีภัยอันตรายที่จะต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงอีกมากในการกำราบปราบปรามผู้ทุจริต ตำรวจทุกคนจึงต้องตั้งตัวตั้งใจให้มั่นคงและหนักแน่นเป็นพิเศษตั้งแต่วาระเริ่มแรกที่จะต้องรักษาความสุจริตและถูกต้องเป็นธรรมไว้เสมอทุกเมื่อ จะต้องรักษาความเพียรพยายาม ความกล้าหาญ อดทน เสียสละไว้ไม่ให้เสื่อมถอย จะต้องควบคุมสติความรู้เท่าทันเหตุการณ์ไว้ตลอดเวลา และจะต้องฝึกฝนความรู้ ความคิดวินิจฉัยของตนให้กระจ่างแจ่มชัดพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ทุกขณะ ความระมัดระวังตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมอยู่เสมอดังนี้จะช่วยประคับประคองและส่งเสริมให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ว่าเป็นภาระยากลำบากนั้นได้สำเร็จ

นอกจากนี้ใคร่จะขอเตือนว่าอุปสรรคสำคัญของตำรวจคือความท้อถอยและความขลาดหวาดหวั่น อันเป็นเครื่องบั่นทอนความสามารถ และความฉลาดในตนเองอย่างร้ายกาจ ตำรวจจะยอมแพ้แก่ความยากลำบากหรือแก่คนทุจริตไม่ได้เป็นอันขาด ตรงข้าม จะต้องมั่นใจและระลึกไว้เสมอว่าตำรวจเป็นฝ่ายที่เป็นธรรมและสุจริตย่อมอยู่ในสภาพที่เหนือกว่าผู้กระทำผิดทุกประการ จึงต้องเอาชนะผู้กระทำผิดได้เป็นแน่นอน และเมื่อแต่ละคนทำจิตใจให้เชื่อมั่นและหนักแน่นได้ดังนี้ ย่อมจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วงได้ด้วยความกล้าหาญ เที่ยงตรง เป็นธรรม และด้วยประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมโดยไม่มีทุจริตชนคนใดจะเอาชนะความดีความสามารถของตนได้เลย....”
ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจักน้อมนำพระบรมราโชวาทนี้เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ตราบจนชีวิตหาไม่

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แต่งดำถวายความอาลัย (๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ช่วงนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหน เมื่อใดจะพบเห็นประชาชนคนไทยเราต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสีดำเพื่อถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพวกเราที่สวรรคต ทุกคนหน้าตาค่อนข้างเศร้าหมองด้วยความอาลัยห่วงหาพระองค์ท่าน การพูดจากันก็แผ่วเบาเพียงแค่พอให้ได้ยินเท่านั้น รวมถึงป้ายแสดงราคาสินค้าก็ปรับเปลี่ยนเป็นสีดำอีกด้วย เห็นภาพเช่นนี้แล้วทำให้หน้าตารินหลั่งมาโดยไม่รู้ตัว
"ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป"

https://goo.gl/zUhXDa

แสนประเสริฐเกิดใต้พระบารมี (๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙)

แสนประเสริฐเกิดใต้        บารมี พระเฮย
หลอมหล่อดวงชีวี           พสกไว้
วันวารผ่านดิถี                 กำหนด
สิ้นชีพองค์เทพไท้          ดั่งสิ้น ดวงแด

มือประนมจิตน้อม           อธิษฐาน
สิ่งชั่วร้ายผองพาล          หลีกลี้
สิ่งดีกอปรศีลธรรม์          น้อมใส่ ตนตัว
จนจวบสิ้นชีพนี้              แด่เจ้า ภูมิพล
.......
สุพจน์มัจฉา ณ เมืองแกลง / ร้อยกรอง