วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ความหรูหราไร้รากในโลกตำรวจ? : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖)

บรรยากาศที่โต๊ะรับประทานอาหารเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด นายตำรวจนั่งรอบโต๊ะโดยมีประธานนั่งหัวโต๊ะผ้ากันเปื้อนแบบผูกคอถูกนำมาแจกให้ทุกคน มีตำรวจไม่น้อยกว่า ๔ นายทำหน้าที่เสิร์ฟและดูแลเมื่อ "นาย" แสดงท่าทีต้องการให้บริการเพิ่มเติมอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เสมือนหนึ่งว่าเป็นบริกรมืออาชีพ หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วบรรดาของคาวของหวานถูกทยอยนำมาเสิร์ฟทั้งประเภทของหวานร้อน ของหวานเย็นและผลไม้

ความสุขที่เสิร์ฟได้นี้เกิดขึ้นในที่ทำงานเวลาเที่ยง ภาวะของการนั่งแช่รับประทานอาหารอย่างมีความสุขและหรูหรานี้เป็นภาพบรรยากาศที่แตกต่างและดูขัดแย้งกับสถานะและบทบาทหน้าที่ของความเป็นตำรวจไทย

ตำรวจไทยที่ถูกรับรู้ว่ามีภาระงานจำนวนมากและต้องทำงานในบริบทของทรัพยากรที่จำกัด ขาดแคลนความหรูหรา (โดยเฉพาะเรื่องการกิน) จึงไม่น่าจะใช่โลกของตำรวจ(ไทย) วัฒนธรรมการกินดื่มอย่างสำราญโดยให้ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามาร่วมสังสรรค์ กินดื่ม และดูแล เป็นภาพที่แสดงให้เห็น "อัตลักษณ์ของผู้เป็นนาย" ที่ให้ความสำคัญกับการ"กินมากกว่า "การทำงาน

การดื่มไวน์จนมีอาการมึนเมาจนเสียกิริยาในอาณาบริเวณพื้นที่ราชการเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นในโลกของตำรวจ...ผู้ใต้บังคับบัญชาคงไม่หาญกล้าที่จะท้วงติง โต้แย้ง แต่ผู้นำควรมีสำนึกว่าการกระทำที่เหมาะสมและไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของความเป็นตำรวจเสียหายควรเป็นเช่นไร?

ความหรูหราในการกินดื่ม การจัดเลี้ยงสังสรรค์ การเปิดโอกาสให้เหล่าบรรดาตำรวจจำนวนมากเข้ามาสวามิภักดิ์ยังนิยมกระทำในรูปแบบของการจัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิด...เสมือนหนึ่งว่าเป็นการเช็กยอดว่าใครคือพวกเดียวกัน" เป็นการมารายงานตัวและกระทำพฤติกรรมแลกเปลี่ยนในรูปแบบต่างตอบแทน

ไม่มีคำกล่าวอ้างว่า "ติดภารกิจ"

ไม่มีคำอุทธรณ์ว่า "ไกล"

ไม่ว่าจะมีภารกิจมากมายที่จะต้องดำเนินการหรือไกลสุดหล้าฟ้าเขียวต้องข้ามน้ำข้ามทะเลก็สามารถดึงดูดใจให้เหล่าบรรดาตำรวจผู้นิยมพิธีกรรมสวามิภักดิ์และเชื่อมั่นในวัฒนธรรมแลกเปลี่ยนเดินทางไปร่วมพิธีกรรมดังกล่าวอย่างหน้าชื่น และในที่สุดบุคคลเหล่านี้จะได้ขึ้น(เลื่อนยศ) ได้ดิบได้ดี ได้ในสิ่งที่ชอบที่ชอบ(ตำแหน่งที่หมายปอง)

อะไรจะเกิดขึ้นกับสังคมไทย หากไพร่พลตำรวจมีนายเช่นนี้!!?!!

นายที่ให้ความสำคัญกับอาหารอร่อย ...การกิน?

นายที่ให้ความสำคัญกับไวน์ชั้นดี....

นายที่ต้องการการดูแล เอาอกเอาใจ สอพลอ "ครับนาย...ครับนายครับ

นายที่โตขึ้นมาเป็นนายเพราะการเอาอกเอาใจ...วิ่งเพื่อหาตอ.ตั๋ว และตั้งแต่ทำงานไม่เป็นรวมถึงไม่สนใจทำงานนายที่ดีแต่พูด...แต่ไม่เคยลงมือทำ


นายที่ทำเป็นแต่งานประชาสัมพันธ์(ตัวเอง)

นายที่สร้างภาพลักษณ์(เทียม)เป็นตำรวจมืออาชีพ...โดยมีลิ่วล้อคอยเอาผลงาน(ของคนอื่น)มาให้โชว์ออกสื่อ หากตำรวจมีนายที่ดีก็จะนำพาให้ไพร่พลเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดีไปด้วย ตำรวจที่ทำงานอย่างเข้มแข็งที่สะท้อนให้เห็นไหวพริบและความสามารถทางปัญญาในการแก้ปัญหา ทำตัวติดดิน กินง่ายอยู่ง่าย หากแต่มีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน เกาะติดการทำงานกับทีมงานร่วมคิด ร่วมแก้ปัญหาในกระบวนการทำงานเพื่อให้ได้ผลสำเร็จของงานที่บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพนั้นสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการพิจารณาให้มาเป็นนายหรือเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์...แต่ในอดีตที่ผ่านมาตำรวจที่มีคุณลักษณะเช่นนี้มีโอกาสได้ขึ้นเป็นนายระดับสูงน้อยมาก

นายตำรวจที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เลื่อนลอย หรูหราไร้รากคอยที่จะได้หน้าจากผลงานของลูกน้องโดยมิได้เป็นผู้นำการทำงานของลูกน้องอย่างแท้จริงนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาเป็นผู้นำทีม...การกระทำที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้นิยมใช้ชีวิตแบบหรูหรานั้นขัดต่ออุดมคติของตำรวจ

หากใช้คุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนายตามเกณฑ์พฤติกรรมการทำงานและการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับอุดมคติตำรวจ...เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต...นั้นน่าจะทำให้การบริหารงานในโลกของตำรวจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในห้วงเวลาของการเฟ้นหาผู้ที่จะมาเป็น "หัว" ของพลพรรคสีกากียามนี้ เป็นห้วงเวลาที่สำคัญยิ่ง หากเห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ความสงบสุขและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้งแล้วนั้น ผู้นำรัฐบาลและผู้มีอำนาจคงจะใช้สติและปัญญาในการพิจารณาความเหมาะสมโดยมุ่งเน้นการทำงานให้สมศักดิ์ศรีของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไทย

ที่สำคัญคือ...อย่าลืมว่า

เลือกผู้นำตำรวจ มิใช่เลือกผู้นำทางการเมือง

เลือกผู้บริหารงานตำรวจ มิใช่เลือกผู้บริหารงานประชาสัมพันธ์

อย่าคิดว่าคนที่วิ่งเข้าหา ยอมสวามิภักดิ์ และติดอยู่ในวังวนของวัฒนธรรมแลกเปลี่ยนจะเป็นผู้นำตำรวจที่ดี

อย่าลืมว่าองค์กรตำรวจในปัจจุบันกำลังดำเนินอยู่ท่ามกลางบริบทของวิกฤติศรัทธาจากประชาชนเช่นเดียวกับรัฐบาลที่กำลังพบกับมรสุมวิกฤติศรัทธาเช่นเดียวกัน

ดังนั้น การแต่งตั้งอัศวินมากู้วิกฤติจึงเป็นสิ่งจำเป็น!

ที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมหรือเผลอตัวเลือกผู้นำการเมืองมาเป็นผู้นำตำรวจก็แล้วกัน

เดี๋ยวแผ่นดินจะระอุร้อนเป็นไฟ!!!

ที่มา : http://goo.gl/ZfO4S

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น