วันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆ มาเล่าให้พี่น้องฟังเรื่องหนึ่งนั่นก็คือโครงการตำรวจสายตรวจเข้าวัดครับ โครงการนี้ผมนำมาจากสมัยเมื่อครั้งอยู่ที่ สภ.พานซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ และเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์จึงนำมาปรับใช้ใหม่ที่ สภ.เวียงเชียงรุ้งนี้อีกที่หนึ่งโดยช่วงที่เริ่มดำเนินการนั้นกำหนดว่าทุกวันพุธจะให้เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ผลัดที่จะปฏิบัติหน้าที่ระหว่างเวลา ๑๖.๐๐-๒๔.๐๐ น.เข้ารับฟังธรรมะจากพระคุณเจ้าที่วัดใกล้เคียงก่อนที่จะออกปฏิบัติหน้าที่
วัตถุประสงค์คร่าวๆ ก็คือต้องการให้ตำรวจของเราซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนได้น้อมนำธรรมะข้อคิดดีๆ ไปใช้เป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ที่งานก็ค่อนข้างหนักและเครียดอยู่พอสมควร บางครั้งผู้บังคับบัญชาก็ไม่ค่อยมีเวลาในเรื่องนี้หรือแม้ว่าจะมีแต่ก็ไม่สามารถถ่ายทอดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างสมบูรณ์ ผู้ที่มีความพร้อมและสามารถถ่ายทอดได้อย่างแท้จริงก็คือพระภิกษุสงฆ์นั่นเอง เมื่อพวกเราได้รับข้อคิดหรือหลักธรรมดีๆ ที่เป็นประโยชน์แล้วย่อมส่งผลต่อการทำหน้าที่ได้ดีพอสมควรจึงจัดทำโครงการนี้ขึ้นมา สำหรับที่ สภ.เวียงเชียงรุ้งนั้นตั้งใจจะปรับเปลี่ยนจากวันพุธเป็นวันพฤหัสบดีช่วงเช้าเพราะผมแจ้งเจ้าหน้่าที่สายตรวจไว้ว่าทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดีผมจะประชุมชี้แจงภารกิจก่อนออกปฏิบัติหน้าที่เวลา ๐๘.๐๐ น.ด้วยตนเองส่วนวันอื่นๆ มอบหมายให้นายตำรวจเวรหัวหน้าสายตรวจเป็นผู้ดำเนินการ
เหตุที่ต้องกำหนดวันพฤหัสบดีเป็นวันฟังธรรมะนอกจากที่บอกไว้ข้างต้นแล้วเหตุผลอื่นก็เนื่องมาจากตัวผมเองนั่นแหละ เพราะแต่ละวันได้จัดตารางไว้ก่อนแล้วว่าจะทำอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือจากงาน ประจำวัน เช่น วันจันทร์จะต้องออกพบปะนักเรียน,วันอังคารประชุมเจ้าหน้าที่สายตรวจ,วันพุธพบปะเยี่ยมผู้นำท้องถิ่น,วันศุกร์ออกพบปะหัวหน้าส่วนหรือพี่น้องราชการต่างๆ ประมาณนี้ก็เหลือวันพฤหัสบดีจึงกำหนดให้ตำรวจเข้าวัดกัน
พี่น้องครับ การปฏิบัติหน้าที่ของสายตรวจของเราไม่มีวันจันทร์,อังคาร,เสาร์,อาทิตย์เหมือนหน่วยงานอื่นเขา เราเข้าเวรกันตามตารางที่กำหนดไว้ซึ่งบางคนอาจจะต้องเข้าเวรวันเสาร์วันอาทิตย์แต่หยุดวันจันทร์อังคารบางคนก็เข้าเวรในกรณีตรงข้าม แต่ไม่ว่าจะเข้าเวรหรือปฏิบัติหน้าที่วันใดก็ตามพวกเราจะต้องพบปะเจอะเจอสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาทั้งดีและไม่ดีเสมอ หากสิ่งที่พบนั้นเป็นสิ่งที่ดีก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นกรณีตรงข้ามรวมถึงอาจทำให้จิตใจของเจ้าหน้าที่ไขว้เขวหรือหลงผิดไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบอะไรจะเกิดขึ้นพี่น้องคงพอจะจินตนาการออก แต่อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเรามีสติรู้ตัว มีธรรมะอยู่ในจิตใจของเขาแล้วเชื่อว่าสิ่งที่พูดถึงนี้คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน นี่ก็คืออีกประเด็นหนึ่งที่ผมต้องการให้ตำรวจเรามีธรรมะอยู่ในใจเสมอทั้งในและนอกหน้าที่
เท่าที่ทดลองทำที่ สภ.พานมาคิดว่าเป็นประโยชน์พอสมควร ตำรวจสายตรวจของเรามีความตั้งใจในการทำหน้าที่เพิ่มขึ้น การพูดจาและให้บริการพี่น้องประชาชนดีขึ้นกว่าเดิมมาก อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือพี่น้องมีความพึงพอใจที่เห็นตำรวจของเราเป็นแบบนี้จึงคิดว่าจะสานต่อเรื่องนี้ที่ สภ.เวียงเชียงรุ้งอีกแห่งหนึ่ง สำหรับการดำเนินการนั้นจะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไปซึ่งผมจะนำความเคลื่อนไหวมารายงานให้ทราบในบล็อกผมนี้เหมือนเดิม
ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น