วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ตรวจเยี่ยมหน่วยบริการประชาชนตำบลแม่เย็น (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔)

วันนี้เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น.ผมเดินทางไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยบริการประชาชนตำบลแม่เย็นพบ ร.ต.ท.รุ่ง สุวรรณฉัตรศิริ รอง สวป.กับพวกรวม ๖ คนอยู่ปฏิบัติหน้าที่รายงานเหตุการณ์ทั่วไปปกติ

การตรวจเยี่ยมของผมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบปัญหา ข้อขัดข้อง แนวความคิดของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ว่ามีอย่างไรบ้าง รวมถึงสิ่งที่ได้รับนั้นจะสามารถนำไปแก้ไขปัญหาที่มีได้อย่างไรเพื่อให้การปฏิบัติเกิดประโยชน์สูงสุดของสังคมนั่นก็คือ "ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน" ในภาพรวม ซึ่งวันนี้ผมได้ข้อมูลและแนวคิดที่เป็นประโยชน์จากเจ้าหน้าที่หลายอย่างด้วยกัน อาทิเช่น



๑. ข้อมูลปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ทั้่งตัวบุคคลและสถานที่
๒. ความต้องการของเจ้าหน้าที่ที่จะให้ผู้บังคับบัญชาช่วยแก้ไข เช่น วัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานที่ขาดแคลนหรือมีไม่เพียงพอ , กำลังเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติ เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่ได้รับนี้่ผมจะจัดการแก้ไขให้ตามอำนาจหน้าที่ที่มีแต่หากเกินอำนาจหน้าที่ผมจะรายงานผู้บังคับบัญชาทราบเ้พื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขให้ต่อ ไป



๓. ในขณะเดียวกันผมก็ได้แจ้งแนวคิดแก่เจ้าหน้าที่เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่อีกส่วนหนึ่งด้วยซึ่งมีดังนี้๑) การทำงานในหน้าที่ของตำรวจเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งตู้ยามหรือหน่วยบริการประชาชนอย่างหนึ่งก็คือการออกพบปะเยี่ยมเยียน พูดคุย สอบถามสารทุกข์สุกดิบจากพี่น้องประชาชน จึงขอให้ใช้เวลาเท่าที่จะสามารถทำได้ออกพบปะเยี่ยมเยียนด้วย
๒) ให้ถือหลักการที่ว่า "วิสสาส ปรมา ญาติ" หรือ "ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง" เพราะหากตำรวจเราสามารถคุ้นเคยหรือเข้ากับพี่น้องประชาชนได้แล้วจะมีอีกหลายๆ อย่างตามมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องข้อมูลข่าวสารที่สำคัญๆ



๓) การเป็นตำรวจจะทอดทิ้งพี่น้องประชาชนไม่ได้ หากเรามีพี่น้องอยู่ในใจของเรามากเท่าไรความสำเร็จในงานก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
๔) พี่น้องประชาชนนั้นถือว่าเป็นญาติสนิทยิ่งของตำรวจ เพราะฉะนั้นตำรวจเราจะห่างเหินจากการพบปะเยี่ยมเยียนไม่ได้ ต้องหาเวลาเท่าที่จะสามารถทำได้ออกพบปะพี่น้องอย่างสม่ำเสมอ
๕) ไม่ว่ายศตำแหน่งของตำรวจจะเป็นอย่างไรนั่นเป็นเพียงส่วนภายในปลีกย่อยของตำรวจ จะต้องถือว่าพี่น้องประชาชนทุกคนสำคัญกว่าตำรวจเราเสมอ



เจ้าหน้าที่รับทราบ

ประชุมเจ้าหน้าที่สายตรวจมอบหมายภารกิจก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔)



วันนี้เวลาประมาณ ๑๕.๕๐ น.ผมเรียกประชุมเจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์และจักรยานยนต์ผลัดที่จะปฏิืบัติหน้าที่ระหว่างเวลา ๑๖.๐๐-๒๔.๐๐ น.เพื่อชี้แจงและมอบหมายภารกิจก่อนออกปฏิบัติหน้าที่หน้าอาคารที่ทำการสถานี โดยก่อนชี้แจงภารกิจได้ตรวจสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในเรื่องเครื่องแต่งกาย,อาวุธปืนประจำกาย,อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสายตรวจและยานพาหนะแล้วพบว่าทุกคนมีความพร้อมที่จะปฏิบัติืหน้าที่โดยไม่มีปัญหาข้อขัดข้องใดๆ







สำหรับภารกิจที่มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ผลัดนี้ถือปฏิบัติมีดังนี้
. เน้นการปฏิบัติให้มากเป็นพิเศษบริเวณย่านชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน
. ให้ดำเนินการตามมาตรการทิ้งทุ่นโดยการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจจากการทำให้คนน้อยเป็นคนมากตามวิธีการที่แจ้งในการประชุมวันนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความอุ่นใจและเป็นการลดช่องโอกาสของคนร้ายที่จะกระทำผิด
. เพิ่มความสังเกตและตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะซึ่งมีลักษณะผิดปกติ เช่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดนานผิดสังเกต หรือพกพาอาวุธ หากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
. ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจจุดที่กำหนดไว้ให้มากยิ่งขึ้น



. การปฏิบัติต่อพี่น้องประชาชนให้เป็นไปด้วยความสุภาพ อ่อนน้อมและเป็นมิตรในลักษณะขอความร่วมมือไปเบื้องต้นก่อนเพื่อเป็นการสร้างมวลชนไปในตัว แต่หากการกระทำผิดเป็นความผิดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้งและพี่น้องประชาชนเดือดร้อนให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด
. รายงานการปฏิบัติเข้าศูนย์วิทยุ สภ.พานทุกครั้งหรืออย่างน้อยทุกๆ ๓๐ นาที
. หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจผลัดนี้ให้บันทึกข้อมูลและผลการปฏิบัติตามแบบฟอร์มเก็บไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการสายตรวจเพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์หรือปรับแผนการตรวจให้เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป



เจ้าหน้าที่รับทราบ

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ตำรวจคุมบ่อน (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔)

สวัสดีครับ พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา รายงานตัวครับผม

วันนี้วันอาทิตย์แรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ปีขาล รัตนโกสินทรศก ๒๓๐ ตรงกับวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๔ ปี อีกแค่วันกว่าๆ ก็จะสิ้นเดือนที่ ๒ ของรัตนโกสินทร์ศกนี้แล้ว เร็วจริงๆ กาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป ฉะนั้นแล้วใครมีอะไรที่ต้องทำก็จงรีบๆ ทำเสียโดยไวอย่าให้เนิ่นช้าเสียการขึ้นได้นะขอรับ

วันหยุดวันนี้ผมขอนำเรื่องราวของตำรวจเราที่เชื่อว่าหลายคนหลายท่านคงจะไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นที่ไหนมาก่อน เรื่องนั้นก็อย่างที่เห็นจั่วหัวเรื่ืองน่ะครับ น่าตกใจนะครับเนี่ย "ตำรวจคุมบ่อน" ใคร ตำรวจคนไหน คุมทำไม ไม่อายศักดิ์ศรี เกียรติยศ ชื่อเสียงทั้งของตัวเองและตำรวจบ้างเลยหรือ?? หรือคุมแล้วจะได้อัฐซักกี่เฟื้องกี่ไพกัน นี่ หลายคนคงจะคิดเยี่ยงนี้ ผมก็คิด ยุคนี้ยังมีอยู่อีกเหรอ ผมว่านะถ้าใครลองริทำขึ้นมาแล้วถูกจับได้แลพิจารณาได้ความเป็นสัตย์ผู้บังคับบัญชาท่านคงไม่เลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าวสุกข้าวสารแน่ๆ อย่างน้อยก็ต้องออกจากตำรวจ ดีไม่ดีถูกดำเนินคดีอาญาหมดอนาคตกันไปเลยก็ได้

แต่เรื่อง "ตำรวจคุมบ่อน" ที่ผมจะเล่าให้ฟังวันนี้มีจริงๆ ครับ การคุมก็ชอบด้วยกฎหมายซะด้วยนะเออ "บ้าแล้ว เพี้ยนแล้ว เป็นไปได้ไง??" หลายคนคงจะคิดแบบนี้อีกแน่ แหม ไม่บ้าและก็ไม่เพี้ยนหรอกครับ ผมยังสติสัมปชัญญะดีอยู่ จับหัวตัวเองก็ไม่ร้อนซะด้วย จริงๆ ตำรวจคุมบ่อนมีจริงๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ นู่น แล้วการคุมที่ว่าชอบด้วยกฎหมายเนี่ยเป็นพระบรมราชโองการเลยนะครับ ขอบอก เชื่อหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อ...อ้า ผมมีหลักฐานมาแสดง แล้วหลักฐานเนี่ยะก็เหมือนเดิมครับเอามาจากราชกิจจานุเบกษานั่นแล โดยเรื่องนี้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ มีใจความดังนี้

ประกาศใ้ห้เลิกบ่อนเบี้ยใหญ่ ๑๐ ตำบล

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ อธิบดีพระคลังมหาสมบัติ รับพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่าเมื่อ ณ ปีกุน นพศก ทรงพระราชดำริห์เห็นว่า การเล่นพนันต่างๆ ซึ่งชาวสยามเคยเล่นเปนการสนุกแลแข่งขันพนันกันด้วยทรัพย์สมบัติพัสดุเงินทองต่างๆ นั้น ที่เปนการพนันของชาวสยามแท้ก็มีแต่วิ่งม้า วิ่งวัว ชนนก ชนไก่ ชนปลาแลไพ่ต่างๆ เหล่านี้เปนต้น การเล่นโปถั่วนั้นเปนวิชาพนันของจีน พวกจีนพากันเข้ามาพึ่งพระบรมเดชานุภาพ อาไศรยทำมาหากินอยู่ในกรุงสยามได้ความผาศุก หากินอยู่ตามภูมิลำเนาแล้วพากันถือการเล่นโปถั่วซึ่ีงเปนวิชาถนัดของตนขึ้น ชักชวนคนไทยให้หลงเล่นไปด้วย ทำให้เปนการเสียทรัพย์สินเสียเวลา เสียประโยชน์การค้าขาย แลทำให้สันดานหมกมุ่นไปในสิ่งซึ่งหาประโยชน์มิได้ เปนการร้ายยิ่งกว่าการเล่นซึ่งชาวสยามเคยเล่นกันมา เพราะฉะนั้นโปถั่ววิชาของจีนนี้เปนวิชาอุปเทห์ที่มาชวนคนไทยให้เสียประโยชน์ ในจำนวนปีกุนนพศกนั้น ในแขวงกรุงเทพฯมีโรงบ่อนใหญ่น้อยตั้งเล่นโปถั่วอยู่ในถนนใหญ่น้อยแลละแวกกรอกลำน้ำลำคลองต่างๆ ๔๐๓ ตำบล จึ่งทรงพระราชดำริห์ว่าการพนันคือโปถั่ววิชาของจีนซึ่งเห็นว่าเปนของชั่ว ชวนชาวสยามให้ประพฤติตนเปนนักเลงหลงเล่นอยู่ ทำให้เสียประโยชน์นี้ควรจะผ่อนผันห้ามปรามเสียให้น้อยเบาบางจนเลิกเสียทั้งสิ้นได้โดยความเรียบร้อย แต่ครั้นจะห้ามปรามให้เปนการเด็ดขาด ใ้ห้เลิกเสียทีเดียวในขณะเดียว พวกจีนซึ่งเข้ามาพึ่งพระบรมเดชานุภาพอาไศรยทำมาหากินอยู่ในกรุงสยาม เคยประพฤติชอบเล่นโปถั่วซึ่งเปนการพนันสำหรับชาติอยู่จะให้ความร้อนลำบาก อาไศรยพระราชดำริห์ซึ่้งทรงพระเมตตากรุณาแก่หมู่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน เพื่อจะมิให้ชาวสยามริเปนนักเลงหลงเล่นการพนันโปถั่วเพลินไปให้เสียประโยชน์ แลมิให้เปนที่เดือดร้อนแก่พวกจีนซึ่งเข้ามาพึ่งพระบรมเดชานุภาพอาไศรยทำมาหากินอยู่ในกรุงสยามได้ความเดือดร้อน

จึงได้มีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสีหนาทดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่้งให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ อธิบดีพระคลังมหาสมบัติมีรับสั่งให้เจ้าพนักงานกรมพระคลังสินค้าไปกะที่โรงบ่อนซึ่งเล่นโปถัวอยู่ในแขวงกรุงเทพฯ ให้คงไว้เปนที่เล่นของพวกจีนนักเลงซึ่งเคนเล่นบ้างพอสมควร นอกนั้นห้ามให้เลิกเสียมิให้เล่นต่อไป คือบ่อนที่ตั้งเล่นอยู่ ณ ตำบลต่างๆ ๔๐๓ ตำบลนั้นให้คงเล่นอยู่แต่ ๖๗ ตำบล ใ้ห้เลิกเสีย ๓๓๖ ตำบล การเลิกบ่อนที่ได้จัดเลิกไปแล้วนั้นเปนอันเรียบร้อยตามพระราชราชดำริห์ตลอดเวลา จึ่งทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกตำบลบ่อนที่คงตั้งเล่นในแขวงกรุงเทพฯ จำนวนปีชวด สัมฤทธิศก ๖๗ ตำบล ซึ่งสมควรจะผ่อนเลิกได้นั้นอีก ๑๐ ตำบล ให้คงตั้งเล่นในแขวงกรุงเทพฯ จำนวนรัตนโกสินทรศก ๑๐๘ เพียง ๕๗ ตำบล การที่ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผ่อนเลิกอีกนี้ก็เปนที่เรียบร้อยไม่เปนเหตุเดือดร้อนอย่างใดแก่พวกจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมเดชานุภาพซึ่งเคยประพฤติชอบเล่นโปถั่วเปนการพนันสำหรับชาติ

บัดนี้ทรงพระบรมราชดำริห์ว่าตำบลบ่อนซึ่งทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คงตั้งเล่นในแขวงกรุงเทพฯ จำนวนรัตนโกสินทรศก ๑๐๘ รวม ๕๗ ตำบลนั้น ในจำนวนรัตนโกสินทรศก ๑๐๙ ควรจะลดหย่อนผ่อนเลิกลงได้อีก ๑๐ ตำบล คือยกบ่อนตำบล ๑ สี่แยกบางซื่อ ๒ ดาวคนอง ๓ บางน้ำชน ๔ โรงม้า ๕ แพลอยน่าวัดชนะสงคราม ๖ วัดราชบูรณ ๗ บ้านบาตร ๘ สวนมลิ ๙ บางเชือกหนัง ๑๐ ศาลเจ้าเนียเกง

จึ่งมีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสีหนาทดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งให้พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กระพระจักพรรดิพงษ์ อธิบดีพระคลังมหาสมบัติมีรับสั่งให้่เจ้าพนักงานกรมพระคลังสินค้าบังคับสั่งให้พวกจีนคงตั้งเล่นอยู่ในจำนวนรัตนโกสินทรศก ๑๐๙ แต่ ๔๗ ตำบลคือตำบลสามเพง มาเกง อ่าว ตลาดเข้าสาร ศาลเจ้าจีนเกงเอียะ ตพานเหล็กศาลเจ้าเก่า ลงบ่วยเอียะ ตลาดน้อย เซียนกง วัดแก้วฟ้า บ้านทวาย ท้ายถนนตก วัดสามจีน วัดสามง่าม ตพานหัน สามเสน นอกกำแพง บางโพ บางกรวย ตลาดขวัญ คลองเตวด บ้า่นกระแชง สี่แยกบางเขน บา่งลำภู คลองจั่น บ้านหม้อ ท่าพระ บางกอกใหญ่ ซินกัง บางขุนเทียน บ้านลาว บางกอกน้อย ตพานหก วัดอรุณ บ้านขมิ้น บางระมาด วัดไชยพฤกษ์ บางคูเวียง เสาชิงช้า บางราชบูรณะ บางยี่ขัน ท้องน้ำน่าเก๋ง บางรัก ริมโรงหวย วัดสระเกษ ท่าเตียน บ่อนที่ให้เลิกเสียอีก ๑๐ ตำบลนั้นต่อไปห้ามมิให้เล่นเปนอันขาด

แลโรงบ่อนซึ่งอนุญาตให้คงเล่นเคยตั้งเล่นอยู่ที่สถานใดก็ให้ตั้งเล่นอยู่ในที่นั้น มิให้ย้ายแขวงย้ายตำบลไปได้ กำหนดให้เปิดการเล่นแต่เวลาโมงเช้าจนถึงเวลา ๕ ทุ่ม แลเวลาที่เล่นนั้นให้มีโปลิศประจำอยู่ทุกบ่อน เพื่อมิให้จีนเจ้าของบ่อนทำความบังอาจล่วงเกินสิ่งใดแต่โดยอำนาจของเจ้าของบ่อนนั้น การที่จะจัดให้เิลิกโรงบ่อนนี้กำหนดจะได้ลงมือแต่ ณ วันที่ ๑ เมษายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ แลต่อไปนั้นถ้าถึงวันกำหนดแล้ว ผู้หนึ่งผู้ใดบังอาจเล่นการพนันโปถั่วในที่ห้าม คือที่ใ้ห้เลิกเสียฤาในที่ไม่ได้อนุญาตให้เล่น จับตัวได้พิจารณาเปนสัตย ให้ลงโทษตามพระราชกำหนดกฎหมาย

ประกาศ มา ณ วันที่ ๕ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ เปนวันที่ ๗๖๙๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

ตอนนี้เชื่อหรือยังครับว่า "ตำรวจคุมบ่อน" น่ะมีัจริงๆ ผมไม่ได้บ้าหรือเพี้ยนซะหน่อย

แต่อย่างไรก็ตามนั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตกาลที่ผ่านมาซึ่งสถานการณ์ของแต่ละยุคแต่ละช่วงจะไม่เหมือนกัน สมัยนี้ไม่มีเรื่องราวลักษณะนี้แล้วรวมถึง "ตำรวจคุมบ่อน" ด้วย แต่หากท่านใดพบเห็นหรือรู้เบาะแสข้อมูลว่ามีตำรวจคนไหนริกระทำการเยี่ยงนี้โปรดแจ้งผู้บังคับบัญชาหรือใครก็ได้ที่ท่านไว้วางใจด้วยนะครับเพื่อช่วยกันขจัดพวกนอกแถวนี้ออกไปให้หมดเสียจากวงการ

รักตำรวจ เกลียดตำรวจ มีปัญหาอย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะครับ

สวัสดีครับผม

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประชุมเจ้าหน้าที่สายตรวจมอบหมายภารกิจก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔)

วันนี้เวลาประมาณ ๑๕.๕๐ น.ผมเรียกประชุมเจ้าหน้าที่สายตรวจรถจักรยานยนต์ผลัดที่จะปฏิืบัติหน้าที่ระหว่างเวลา ๑๖.๐๐-๒๔.๐๐ น.เพื่อชี้แจงและมอบหมายภารกิจก่อนออกปฏิบัติหน้าที่หน้าอาคารที่ทำการสถานี โดยก่อนชี้แจงภารกิจได้ตรวจสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในเรื่องเครื่องแต่งกาย,อาวุธปืนประจำกาย,อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสายตรวจและยานพาหนะแล้วพบว่าทุกคนมีความพร้อมที่จะปฏิบัติืหน้าที่โดยไม่มีปัญหาข้อขัดข้องใดๆ





เจ้าหน้าที่สายตรวจผลัดนี้ประกอบด้วย




๑. ด.ต.จรัส โกฎิสืบ
๒. ด.ต.อภิชาติ ธรรมธุระ



๓. ด.ต.อภิชาติ ภาชะนนท์
๔. จ.ส.ต.นิพนธ์ ศรีพรม

การประุชุมวันนี้ได้แจ้งแนวทางการปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วน ๖ เดือนแรกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เจ้าหน้าที่ทราบและนำไปปฏิบัติส่วนหนึ่งดังนี้

เจ้าหน้าที่สายตรวจ (สายตรวจตำบล สายตรวจประจำชุมชน สายตรวจรถยนต์ สายตรวจรถจักรยานยนต์ สายตรวจรถจักรยาน และสายตรวจเดินเท้า)

(๑) ออกตรวจ หยุดทักทาย และสอบถามความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เช่น “สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยเหลือไหมครับ” วันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ เป็นต้น

(๒) การระงับเหตุหรือจับกุม ต้องแสดงท่าทีที่เป็นมิตร พูดจาสนทนาอย่างประทับใจ แสดงความบริสุทธิ์ใจ และอธิบายข้อกฎหมายเพื่อให้ประชาชนเข้าใจแนวทางการปฏิบัติอย่างชัดเจน

(๓) ไม่ชี้นิ้วสั่งการหรือกรรโชกโฮกฮากกับผู้คนทั่วไป ต้องปฏิบัติอย่างนิ่มนวลกับทุกคนอย่างเสมอภาคกัน

(๔) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็วและถูกต้อง โดยไม่สร้างขั้นตอนการปฏิบัติให้มากเกินความจำเป็นให้สมกับคำว่า ทำงานว่องไวใส่ใจประชาชน

(๕) วางแผนการปฏิบัติงานด้านป้องกันและปราบปรามให้สอดคล้องกับ บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว


ในส่วนของภารกิจที่มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำไปปฏิบัติมีลัีกษณะเ้ช่นเดียวกันกับการประชุมเมื่อครั้งที่ผ่านๆ มา

ร่วมพิธีปิดการอบรมโครงการ D.A.R.E.ที่โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งป่าแดด (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔)

วันนี้เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. สถานีตำรวจภูธรพานร่วมกับโรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งป่าแดด ตำบลป่าหุ่ง ได้ทำพิธีปิดการอบรมและมอบประกาศนียบัตรแก่นักเรียนผู้ผ่านการอบรมโครงการต่อต้านยาเสพติดในสถานศึกษาหรือโครงการ D.A.R.E. ณ ห้องประชุมโรงเรียนฯ โดยมี พ.ต.ท.อนุพนธ์ สนิท รอง ผกก.ป.เป็นประธาน ผู้เข้าร่วมพิธีประกอบด้วยผู้อำนวยการโรงเรียนฯ (นายสุนทร รินเที่ยง) ,คณะครู,ผู้ปกครองและนักเรียนที่ผ่านการอบรมประมาณ ๑๒๐ คน







สำหรับพิธีการในครั้งนี้มีดังนี้

เมื่อพร้อมแล้ว พ.ต.ท.สุพจน์ มัึจฉา สวป.สภ.พาน กล่าวรายงานต่อประธาน




ประธานมอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้แทนโรงเรียน,องค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่งและผู้มีส่วนร่วมในการอบรมครั้งนี้



ประธาน,ผู้อำนวยการโรงเรียน,ตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่งและคณะข้าราชการตำรวจของเราร่วมกันทำพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรม






ผู้อำนวยการโรงเรียนฯและผู้แทนองค์การบริการส่วนตำบลป่าหุ่งพบปะพูดคุยกับผู้ร่วมพิธีจากนั้นประธานกล่าวให้โอวาท



ถ่ายภาพร่วมกันไว้เป็นที่้ระลึก




เสร็จสิ้นการปิดการอบรมครั้งนี้เวลาประมาณ ๑๕.๑๐ น.

อนึ่ง การให้ความรู้ความเข้าใจในโครงการ D.A.R.E. ของ สภ.พานแก่นักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งป่าแดดครั้งนี้สถานีึตำรวจภูธรพานมอบหมายให้ั ด.ต.สาโรจน์ คำมาบุตร เจ้าหน้าที่ประจำชุดชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรทำหน้าที่เป็นวิทยากรหลักโดยร่วมกับโรงเรียนจัดให้มีหลักสูตรนี้ขึ้นจำนวน ๑๐ สัปดาห์โดยทำการอบรมให้ความรู้ทุกวันพุธช่วงระหว่างเวลาประมาณ ๑๓.๓๐-๑๕.๓๐ น.เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ เป็นต้นมาโดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง มีนักเรียนของโรงเรียนระดับชั้นมัธยมปีที่ ๑-๓ ประมาณ ๗๐ คนเข้ารับการอบรมโดยทุกคนผ่านการอบรมตามหลักสูตรและมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี สำหรับการอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้

๑. เพื่อควบคุมการขยายตัวของปัญหายาเสพติดลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานศึกษาโดย เป็นการรวมพลังจากทุกภาคส่วนของสังคมให้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
๒. เพื่อปลุกจิตสำนึกให้เด็กนักเรียนและเยาวชนมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงโทษ พิษภัยของยาเสพติดที่มีผลต่อร่างกาย สุขภาพอนามัยและส่งผลกระทบต่อปัญหาของสังคมตลอดจนความมั่งคงของชาติ
๓. เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่เด็กนักเรียนและเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติด
๔. เพื่อสร้างแกนนำนักเรียนต่อต้านยาเสพติดภายในสถานศึกษา
๕.. เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ให้กับเด็กนักเรียนรวมทั้งปลูกฝังพฤติกรรมการกระทำความดีตั้งแต่ในวัยเด็ก ให้มีการประพฤติปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อเนื่องภายใต้แนวทาง “สร้างความดี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูวัฒนธรรมไทย ห่างไกลยาเสพติด รักชีวิตและสิ่งแวดล้อม


ที่มาของโครงการ D.A.R.E.

D.A.R.E. ย่อมาจากคำว่า Drug Abuse Resistance Education ก่อ ตั้งเมื่อกันยายน ๒๕๒๖ โดยกรมตำรวจเมืองลอสแอนเจลลิส (LAPD) กับเขตการศึกษาร่วมเมืองลอสแอนเจลลิส (LAUSD) เป็นหลักสูตรการป้องกันยาเสพติดซึ่งพัฒนาโดยนักวิชาการด้านการศึกษาและสอน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ (ตำรวจ D.A.R.E.) เพื่อให้เด็กนักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการต่อต้านการใช้ยาเสพติดและวิธีหลีก เลี่ยงการใช้ความรุนแรง

ประเทศไทยเริ่มนำหลักสูตร D.A.R.E. มาใช้ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็น ผู้รับผิดชอบดำเนินการศึกษาและนำมาปรับใช้ให้เกิดความเหมาะสมกับสังคมและ วัฒนธรรมของประเทศไทยโดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจาก
- องค์กร D.A.R.E. lnternational
- สำนักงานงบประมาณป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Narcotics Affairs Section) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
- ศูนย์พัฒนาหนังสือ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ

โครงการ D.A.R.E. เป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยใช้ หลักการป้องกันนำหน้าการปราบปราม มุ่งเน้นกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติดให้มีภูมิคุ้มกันยาเสพติดและใช้ปรัชญาของการศึกษาแผนใหม่ที่ให้เด็กนักเรียนเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ ตลอดจนจัดให้มีกิจกรรมที่ผู้ปกครองชุมชนได้มีส่วนร่วมในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็ก

หลักการสำคัญของ D.A.R.E. คือ การให้ข้อมูลและทักษะที่จำเป็นแก่เด็กนักเรียนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือการใช้ความรุนแรง สร้างความสัมพันธภาพที่ดีระหว่างตำรวจเด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และสมาชิกในชุมชน

เนื้อหาหลักสูตรของ D.A.R.E. มุ่งเน้น

- ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุราและยาเสพติด

- ให้เด็กรู้จักใช้ทักษะในการตัดสินใจ

- ให้เด็กรู้จักวิธีต่อต้านแรงกดดันของกลุ่มเพื่อน

- ให้เด็กรู้จักใช้ทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการใช้ยาเสพติดและความรุนแรง

โครงการ ดังกล่าวประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่งเนื่องจากเป็นการรวมพลังของสถานที่มีบทบาท สำคัญในสังคมได้แก่สถาบันตำรวจ สถาบันการศึกษาและสถาบันครอบครัว