ปฏิวัติ
อาจเป็นคำที่คนทั่วๆ ไปในสังคมไทยไม่ชื่นชมและให้ความหมายในเชิงลบ
เนื่องจากไปเหมารวมกับคำว่ารัฐประหาร ซึ่งไม่ถูกต้องในความเป็นจริงนั้น
การปฏิวัติ (Revolution) มีความหมายถึงการเปลี่ยนแปลงระบบ
ซึ่งอาจเป็นการยกเลิกระบบเดิมเพื่อให้ใช้ระบบใหม่ หรือรื้อโครงสร้างเดิม ดังนั้น
การปฏิวัติตนเองหรือการปฏิวัติองค์กรจึงหมายถึงการปรับปรุงตนเองหรือองค์กรใหม่นั่นเอง
แต่จะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะของการถอนรากถอนโคน(to turn around) เปลี่ยนกระบวนทัศน์ (ParadigmShift) ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนวิธีคิด
วิถีชีวิต
ดังนั้นการปฏิวัติในโลกตำรวจจึงหมายถึงการรื้อกระบวนทัศน์เดิมและสร้างกระบวนทัศน์ขึ้นใหม่
ที่จะทำให้ระบบมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ตำรวจมีวิธีคิด
วิถีชีวิตและวิธีการทำงานที่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์
แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์การทำงานของตำรวจโดยสร้างชุดความจริงขึ้นมาใหม่
โดยใช้คำง่ายๆ ที่เริ่มต้นจากคำว่า “การเป็นตำรวจมืออาชีพ” เป็นชุดความจริงที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางการเดินของตำรวจทั่วประเทศ
มีความพยายามที่จะรื้อแนวความคิด ค่านิยม แบบแผนการรับรู้ในการให้ความหมายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ไม่ถูกต้องและทำให้ต้นทุนทางสังคมของตำรวจต่ำลงเรื่อยๆ และพยายามที่จะสร้าง(Re-construct) แนวความคิด ค่านิยม แบบแผนการรับรู้ใหม่โดยการกำหนดกรอบและวิถีการปฏิบัติของตำรวจเพื่อให้เกิดความสำเร็จในการเป็นตำรวจมืออาชีพ
การกระทำดังกล่าวหากวิเคราะห์ว่าเป็นความพยายามที่จะพาตำรวจกว่าสองแสนชีวิตดิ้นออกจากระบบน้ำเน่าเพื่อทำให้ต้นทุนทางสังคมของตำรวจสูงขึ้นภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ที่ตำรวจไทยเผชิญอยู่ก็อาจจะไม่ผิดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรอบกับดักเรื่องผลตอบแทนจากการทำงานที่ถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจภายนอกองค์กร จนนำมาซึ่งผลกระทบเชิงลบมากมายในโลกการทำงานของตำรวจ
ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจ (ศปก.) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารงานที่ทำให้ผู้นำตำรวจมีข้อมูลที่มากพอ รวดเร็วและทั่วถึงในการกำกับ ติดตามและพัฒนางานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลึกซึ้ง และสามารถตัดสินใจในการบริหารงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันผู้นำตำรวจจะไม่สามารถนำพาองค์กรให้หลุดพ้นจากการแทรกแซงของอำนาจที่อยู่เหนือการควบคุมและวัฒนธรรมอุปถัมภ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างระบบคุณธรรมในการทำงานในโลกของตำรวจได้ แต่การที่ผู้นำสูงสุดแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่ามีความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ความเป็นตำรวจอย่างถอนรากถอนโคนที่เริ่มต้นจากตัวผู้นำเองก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา
“ผมนอนที่นี่ มันเร็วและง่ายที่จะเข้าไปทำงานที่ห้องข้างๆ นี้ได้ตลอดเวลา” ผู้นำตำรวจชี้ให้ดูโซฟาเล็กๆ ในห้องทำงานเล็กๆ ที่สะอาดเป็นระเบียบแต่เรียบง่าย ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ติดกันกับศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานตำรวจสอดคล้องกับเสียงที่ผู้ใต้บังคับบัญชาพูดถึงวิถีชีวิตในโลกการทำงานของผู้นำ
การทำตนเป็นแบบอย่างในเรื่องของความเข้มแข็งในการทำงาน ความรับผิดชอบในหน้าที่ ความรอบรู้และความเชี่ยวชาญตลอดจนการพัฒนาตนในเรื่องต่างๆ อยู่เสมอเป็นส่วนหนึ่งของคุณลักษณะที่ทุกคนยอมรับ ถึงแม้ว่าจะมีข้อหาบี้มดแต่ด้วยการมองเห็นความตั้งใจของผู้นำตำรวจท่านนี้ที่แตกต่างจากผู้นำคนอื่นๆ ทำให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของตำรวจไทยได้อย่างน่าชื่นชมอาจจะยังไม่สามารถกล่าวได้ว่ากระบวนทัศน์ของตำรวจไทยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่าผู้นำตำรวจได้เปิดเกมรุกในการชี้ช่องทางที่ถูกต้องว่า ตำรวจไทยจะต้องเดินไปทางไหน(Path Finding) ทำการปรับโครงสร้างระบบและกระบวนการเพื่อให้ตรงกับทิศทางที่จะเดินไป(Aligning)และส่งเสริมพลังอำนาจ(Empowering)เพื่อให้ตำรวจในทุกระดับเกิดสำนึกและภาคภูมิในความเป็นตำรวจและเล่นบทตำรวจมืออาชีพให้จงได้ และนี่คือตัวอย่างของเสียงเล็กๆ จากตำรวจเล็กๆ ที่พร้อมจะร่วมปฏิวัติตำรวจไปสู่...ตำรวจมืออาชีพร่วมกับผู้นำการเปลี่ยนแปลง
“ผมภาวนาขอให้ฝันของผมเป็นจริง การปฏิรูปตำรวจจะเกิดขึ้นได้นั้นอย่างแรกเลย ผบ.ตร.ต้องปราศจากการแทรกแซงของนักการเมือง การปลด ผบ.ตร.ต้องผ่านมติของคณะกรรมการ ไม่ใช่โดยนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง”...เสียงที่เชื่อว่าผู้นำเป็นหัวใจที่สำคัญ
“ผมเหนื่อยนะ แล้วก็เครียดด้วย ตำรวจส่วนใหญ่ก็รู้สึกไม่ต่างจากผม แต่ถ้าให้พูดตามความจริงก็ไม่มีผู้นำคนไหนที่เหมาะสมเท่ากับท่าน ผมว่าต่อไปจะหาได้อย่างท่านรึเปล่า...ผมยังหวั่นๆ อยู่เลย”...เสียงที่ตั้งคำถามว่าทำอย่างไรให้ต่อเนื่อง
“ลองเปลี่ยนวิธีคิดดู ในเมื่อเราหวังเรื่องคุณธรรมความก้าวหน้าไม่ได้ ก็ลองเปลี่ยนวิธีคิดดู วิถีชีวิตก็จะเปลี่ยนด้วย ลองเปลี่ยนวิธีคิดว่าอาชีพตำรวจเราทำงานรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคน งานเราคืองานบุญ เรากำลังทำงานที่เป็นการทำบุญ ก็อาจทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นนะ”...เสียงที่เสนอทางเลือกว่าวิธีคิดเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยน
“ผมขออย่างเดียว ขอให้ท่านยุติธรรม คนอื่นๆ ไม่ยุติธรรมไม่เป็นไร ขอให้ท่านทำให้ลูกน้องทุกคนเห็นและศรัทธาในความยุติธรรมของท่านแค่นั้นรับรองทุกคนพร้อมเดินไปกับท่านอย่างจริงใจ”...เสียงที่เรียกหาความยุติธรรม ยุติธรรม และยุติธรรม!!!
มีความพยายามที่จะรื้อแนวความคิด ค่านิยม แบบแผนการรับรู้ในการให้ความหมายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ไม่ถูกต้องและทำให้ต้นทุนทางสังคมของตำรวจต่ำลงเรื่อยๆ และพยายามที่จะสร้าง(Re-construct) แนวความคิด ค่านิยม แบบแผนการรับรู้ใหม่โดยการกำหนดกรอบและวิถีการปฏิบัติของตำรวจเพื่อให้เกิดความสำเร็จในการเป็นตำรวจมืออาชีพ
การกระทำดังกล่าวหากวิเคราะห์ว่าเป็นความพยายามที่จะพาตำรวจกว่าสองแสนชีวิตดิ้นออกจากระบบน้ำเน่าเพื่อทำให้ต้นทุนทางสังคมของตำรวจสูงขึ้นภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ที่ตำรวจไทยเผชิญอยู่ก็อาจจะไม่ผิดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรอบกับดักเรื่องผลตอบแทนจากการทำงานที่ถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจภายนอกองค์กร จนนำมาซึ่งผลกระทบเชิงลบมากมายในโลกการทำงานของตำรวจ
ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจ (ศปก.) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารงานที่ทำให้ผู้นำตำรวจมีข้อมูลที่มากพอ รวดเร็วและทั่วถึงในการกำกับ ติดตามและพัฒนางานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลึกซึ้ง และสามารถตัดสินใจในการบริหารงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันผู้นำตำรวจจะไม่สามารถนำพาองค์กรให้หลุดพ้นจากการแทรกแซงของอำนาจที่อยู่เหนือการควบคุมและวัฒนธรรมอุปถัมภ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างระบบคุณธรรมในการทำงานในโลกของตำรวจได้ แต่การที่ผู้นำสูงสุดแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่ามีความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ความเป็นตำรวจอย่างถอนรากถอนโคนที่เริ่มต้นจากตัวผู้นำเองก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา
“ผมนอนที่นี่ มันเร็วและง่ายที่จะเข้าไปทำงานที่ห้องข้างๆ นี้ได้ตลอดเวลา” ผู้นำตำรวจชี้ให้ดูโซฟาเล็กๆ ในห้องทำงานเล็กๆ ที่สะอาดเป็นระเบียบแต่เรียบง่าย ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ติดกันกับศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานตำรวจสอดคล้องกับเสียงที่ผู้ใต้บังคับบัญชาพูดถึงวิถีชีวิตในโลกการทำงานของผู้นำ
การทำตนเป็นแบบอย่างในเรื่องของความเข้มแข็งในการทำงาน ความรับผิดชอบในหน้าที่ ความรอบรู้และความเชี่ยวชาญตลอดจนการพัฒนาตนในเรื่องต่างๆ อยู่เสมอเป็นส่วนหนึ่งของคุณลักษณะที่ทุกคนยอมรับ ถึงแม้ว่าจะมีข้อหาบี้มดแต่ด้วยการมองเห็นความตั้งใจของผู้นำตำรวจท่านนี้ที่แตกต่างจากผู้นำคนอื่นๆ ทำให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของตำรวจไทยได้อย่างน่าชื่นชมอาจจะยังไม่สามารถกล่าวได้ว่ากระบวนทัศน์ของตำรวจไทยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่าผู้นำตำรวจได้เปิดเกมรุกในการชี้ช่องทางที่ถูกต้องว่า ตำรวจไทยจะต้องเดินไปทางไหน(Path Finding) ทำการปรับโครงสร้างระบบและกระบวนการเพื่อให้ตรงกับทิศทางที่จะเดินไป(Aligning)และส่งเสริมพลังอำนาจ(Empowering)เพื่อให้ตำรวจในทุกระดับเกิดสำนึกและภาคภูมิในความเป็นตำรวจและเล่นบทตำรวจมืออาชีพให้จงได้ และนี่คือตัวอย่างของเสียงเล็กๆ จากตำรวจเล็กๆ ที่พร้อมจะร่วมปฏิวัติตำรวจไปสู่...ตำรวจมืออาชีพร่วมกับผู้นำการเปลี่ยนแปลง
“ผมภาวนาขอให้ฝันของผมเป็นจริง การปฏิรูปตำรวจจะเกิดขึ้นได้นั้นอย่างแรกเลย ผบ.ตร.ต้องปราศจากการแทรกแซงของนักการเมือง การปลด ผบ.ตร.ต้องผ่านมติของคณะกรรมการ ไม่ใช่โดยนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง”...เสียงที่เชื่อว่าผู้นำเป็นหัวใจที่สำคัญ
“ผมเหนื่อยนะ แล้วก็เครียดด้วย ตำรวจส่วนใหญ่ก็รู้สึกไม่ต่างจากผม แต่ถ้าให้พูดตามความจริงก็ไม่มีผู้นำคนไหนที่เหมาะสมเท่ากับท่าน ผมว่าต่อไปจะหาได้อย่างท่านรึเปล่า...ผมยังหวั่นๆ อยู่เลย”...เสียงที่ตั้งคำถามว่าทำอย่างไรให้ต่อเนื่อง
“ลองเปลี่ยนวิธีคิดดู ในเมื่อเราหวังเรื่องคุณธรรมความก้าวหน้าไม่ได้ ก็ลองเปลี่ยนวิธีคิดดู วิถีชีวิตก็จะเปลี่ยนด้วย ลองเปลี่ยนวิธีคิดว่าอาชีพตำรวจเราทำงานรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคน งานเราคืองานบุญ เรากำลังทำงานที่เป็นการทำบุญ ก็อาจทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นนะ”...เสียงที่เสนอทางเลือกว่าวิธีคิดเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยน
“ผมขออย่างเดียว ขอให้ท่านยุติธรรม คนอื่นๆ ไม่ยุติธรรมไม่เป็นไร ขอให้ท่านทำให้ลูกน้องทุกคนเห็นและศรัทธาในความยุติธรรมของท่านแค่นั้นรับรองทุกคนพร้อมเดินไปกับท่านอย่างจริงใจ”...เสียงที่เรียกหาความยุติธรรม ยุติธรรม และยุติธรรม!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น