"ส่งผมไปชายแดนใต้ยังดีกว่าให้ผมไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่กรุงเทพฯ"
นายดาบตำรวจวัยใกล้เกษียณอายุราชการยืนยันเสียงหนักแน่น
พร้อมส่ายศีรษะสะท้อนความอึดอัดใจในประเด็นที่กำลังสนทนา
อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังที่มาของความคิดดังกล่าว ?
"ผมเป็นตำรวจ ผมมีหน้าที่ในการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ผมมีหน้าที่ทำให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีความสงบ มีความผาสุก ชีวิตการทำงานของผมตลอดเวลาที่ผ่านมาคือการป้องกันและปราบปรามโจรผู้ร้าย ถ้าทำแบบนี้ผมจะมีความสุข ถึงจะเหนื่อยยาก จะลำบากอย่างไรผมก็มีความสุข" คำพูดพรั่งพรูของตำรวจผู้น้อยตัวเล็กๆ ที่มิได้ต้องการอะไรมากกว่าการขอระบายความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ “ลองคิดดูเถอะ มันน่าภาคภูมิใจนักหรือกับการมายืนสกัดกั้นพี่น้องประชาชนที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงต่อกัน พวกเราเข้าใจดีว่าทุกคนต่างมีเหตุมีผล มีความต้องการมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไม่มีใครเป็นโจรผู้ร้าย เพียงแต่เราคนไทยด้วยกันเลือกที่จะใช้วิธีการเช่นนี้ในการแก้ปัญหาความคิดที่แตกต่าง และล่อแหลมที่จะใช้ความรุนแรงต่อกัน เป็นการใช้ความรุนแรงซึ่งไม่สมควรที่จะต้องเกิดขึ้นเพราะทุกคนล้วนอยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาต่อไปด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะให้ตำรวจอยู่เฉยได้อย่างไร เรามาทำหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องดูแลชีวิตของประชาชน หน้าที่ในการสร้างความผาสุกของสังคม”
เราจะมีทางเลือกอื่นหรือไม่ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้? ในขณะที่ไม่สามารถใช้ทางเลือกอื่นได้นั้น การสร้างทัศนคติของประชาชนให้เชื่อมั่นและเข้าใจว่าตำรวจคือมิตรของประชาชนและพยายามทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถเพื่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมไทยน้อยที่สุดจะเป็นไปได้หรือไม่? “ถ้าเราทำให้บ้านเมืองสงบได้ ไม่เกิดการใช้ความรุนแรง ถ้าตำรวจสามารถทำให้คนไทยมีรอยยิ้ม มีความสุขเหมือนที่ผ่านมาได้ เราจะภูมิใจมากเลยนะ ตำรวจไม่ใช่ใครเลยนะ ตำรวจก็คือลูกหลานประชาชนนั่นแหละ” นายดาบตำรวจพูด
“บอกตรงๆ นะ ผมทำงาน ผมถูกสั่งสอนอบรมเสมอๆ ว่าให้อดทน อดกลั้น ผมจะรู้สึกผิดหากบางครั้งการยืนทำหน้าที่ของผมบังเอิญไปทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับประชาชนที่เข้ามาประชิด ถึงแม้ว่าผมจะไม่ตั้งใจก็ตาม ก็อย่างที่ผมบอกว่าตำรวจทุกนายรู้ดีว่าประชาชนที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ไม่ใช่คนร้าย พวกเราทุกคนต่างก็เป็นคนที่อยากเห็นสังคมไทยเจริญก้าวหน้าเหมือนกัน” คำพูดที่ตอกย้ำซ้ำไปมาแสดงถึงความคิด ความเชื่อที่อยู่เบื้องหลังความอึดอัดใจ
ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบโดยการบังคับใช้กฏหมาย ตำรวจก็เหมือนกับข้าราชการคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตามบทบาท ตามภารกิจของหน่วยงานตามโครงสร้างซึ่งเป็นกลไกปกติของสังคม หากพิจารณาการทำงานของเหล่าบรรดาตำรวจชั้นผู้น้อยที่มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบในห้วงเวลาล่อแหลมต่อการเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในสังคมไทยแล้วนั้น การปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเท เข้มแข็ง อดทน อดกลั้นต่อแรงปะทะที่เกิดขึ้นตลอดห้วงเวลาของการชุมนุมประท้วงนับได้ว่าเป็นการทำหน้าที่ที่สะท้อนให้เห็นถึง "ใจ" ของตำรวจไทย
ขอใจให้ตำรวจชั้นผู้น้อยในยามนี้จะเป็นไปได้หรือไม่?
ความเมตตาจากพี่น้องประชาชนที่มีให้แก่ตำรวจชั้นผู้น้อยเหล่านี้จะเป็นพลังใจที่สำคัญในการกระตุ้นเตือนเหล่าบรรดาตำรวจทั้งหลายให้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อดทน และเสียสละ มิใช่เพื่อใครแต่เพื่อประชาชนทุกกลุ่ม ทุกหมู่เหล่า ลองทบทวนเถิดว่าการผลักไสตำรวจนั้นนอกจากจะลดทอนกำลังใจของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักของกฎหมายแล้วนั้นยังจะทำให้เกิดผลเสียที่ตามมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ไม่เข้มแข็งอีกด้วยจริงหรือไม่? "ผมอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจความตั้งใจของพวกผม พวกผมก็คือลูกหลานคือพี่คือน้องของพวกท่าน" นายดาบตำรวจวอนขอความเข้าใจ
"เกลียดผม โกรธผมได้เลย ถ้าผมทำในสิ่งที่ผิดต่อกฏหมาย ทำให้สังคมเกิดปัญหา แต่โปรดเห็นใจพวกผมด้วย หากท่านเห็นว่าตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างพวกผมยังพอมีประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยังสามารถทำหน้าที่เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการปะทะกันของพี่น้องประชาชนได้ในยามนี้"
"ทุกคนก็ร้องเพลงชาติเดียวกัน ทำไมต้องมาทะเลาะกัน มันหดหู่หัวใจที่ต้องมายืนกั้นกลางระหว่างประชาชนที่ทะเลาะกัน ผมเจอกับตัวจังๆเลย ทั้งน้ำพริก น้ำปลาร้า ก้อนหิน ผมคิดถึงสิ่งที่ผมถูกฝึกมา อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก แต่ผมไม่เคยนะครับ ไม่เคยแม้แต่จะคิดไปทุบเขา ผมไม่ได้โกรธนะครับ แต่ผมสะเทือนใจ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมว่าผมไปใต้ผมยังไม่สะเทือนใจอย่างนี้ ไม่สะเทือนใจเท่าการเห็นคนไทยทะเลาะกันในการทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนในยามนี้"
“ผมยืนยันครับว่าการทะเลาะกัน การทำเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทุกคนทุกฝ่ายเสียหมด เราเป็นคนไทยด้วยกัน มันมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้มั้ยครับ” เสียงจากตำรวจชั้นผู้น้อยที่เดินทางแรมคืนมาทำหน้าที่ด้วยความหวังว่าสักวันประชาชนจะเข้าใจ เห็นใจ และเมตตาพวกเขาเหล่านี้ให้มีพลังใจ มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างภาคภูมิบ้าง!
ผมไม่ใช่เครื่องมือของใคร เพียงแค่อยากให้คนไทยรักกัน!
ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20131127/173658.html
อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังที่มาของความคิดดังกล่าว ?
"ผมเป็นตำรวจ ผมมีหน้าที่ในการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ผมมีหน้าที่ทำให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีความสงบ มีความผาสุก ชีวิตการทำงานของผมตลอดเวลาที่ผ่านมาคือการป้องกันและปราบปรามโจรผู้ร้าย ถ้าทำแบบนี้ผมจะมีความสุข ถึงจะเหนื่อยยาก จะลำบากอย่างไรผมก็มีความสุข" คำพูดพรั่งพรูของตำรวจผู้น้อยตัวเล็กๆ ที่มิได้ต้องการอะไรมากกว่าการขอระบายความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ “ลองคิดดูเถอะ มันน่าภาคภูมิใจนักหรือกับการมายืนสกัดกั้นพี่น้องประชาชนที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงต่อกัน พวกเราเข้าใจดีว่าทุกคนต่างมีเหตุมีผล มีความต้องการมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไม่มีใครเป็นโจรผู้ร้าย เพียงแต่เราคนไทยด้วยกันเลือกที่จะใช้วิธีการเช่นนี้ในการแก้ปัญหาความคิดที่แตกต่าง และล่อแหลมที่จะใช้ความรุนแรงต่อกัน เป็นการใช้ความรุนแรงซึ่งไม่สมควรที่จะต้องเกิดขึ้นเพราะทุกคนล้วนอยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาต่อไปด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะให้ตำรวจอยู่เฉยได้อย่างไร เรามาทำหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องดูแลชีวิตของประชาชน หน้าที่ในการสร้างความผาสุกของสังคม”
เราจะมีทางเลือกอื่นหรือไม่ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้? ในขณะที่ไม่สามารถใช้ทางเลือกอื่นได้นั้น การสร้างทัศนคติของประชาชนให้เชื่อมั่นและเข้าใจว่าตำรวจคือมิตรของประชาชนและพยายามทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถเพื่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมไทยน้อยที่สุดจะเป็นไปได้หรือไม่? “ถ้าเราทำให้บ้านเมืองสงบได้ ไม่เกิดการใช้ความรุนแรง ถ้าตำรวจสามารถทำให้คนไทยมีรอยยิ้ม มีความสุขเหมือนที่ผ่านมาได้ เราจะภูมิใจมากเลยนะ ตำรวจไม่ใช่ใครเลยนะ ตำรวจก็คือลูกหลานประชาชนนั่นแหละ” นายดาบตำรวจพูด
“บอกตรงๆ นะ ผมทำงาน ผมถูกสั่งสอนอบรมเสมอๆ ว่าให้อดทน อดกลั้น ผมจะรู้สึกผิดหากบางครั้งการยืนทำหน้าที่ของผมบังเอิญไปทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับประชาชนที่เข้ามาประชิด ถึงแม้ว่าผมจะไม่ตั้งใจก็ตาม ก็อย่างที่ผมบอกว่าตำรวจทุกนายรู้ดีว่าประชาชนที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ไม่ใช่คนร้าย พวกเราทุกคนต่างก็เป็นคนที่อยากเห็นสังคมไทยเจริญก้าวหน้าเหมือนกัน” คำพูดที่ตอกย้ำซ้ำไปมาแสดงถึงความคิด ความเชื่อที่อยู่เบื้องหลังความอึดอัดใจ
ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบโดยการบังคับใช้กฏหมาย ตำรวจก็เหมือนกับข้าราชการคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตามบทบาท ตามภารกิจของหน่วยงานตามโครงสร้างซึ่งเป็นกลไกปกติของสังคม หากพิจารณาการทำงานของเหล่าบรรดาตำรวจชั้นผู้น้อยที่มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบในห้วงเวลาล่อแหลมต่อการเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในสังคมไทยแล้วนั้น การปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเท เข้มแข็ง อดทน อดกลั้นต่อแรงปะทะที่เกิดขึ้นตลอดห้วงเวลาของการชุมนุมประท้วงนับได้ว่าเป็นการทำหน้าที่ที่สะท้อนให้เห็นถึง "ใจ" ของตำรวจไทย
ขอใจให้ตำรวจชั้นผู้น้อยในยามนี้จะเป็นไปได้หรือไม่?
ความเมตตาจากพี่น้องประชาชนที่มีให้แก่ตำรวจชั้นผู้น้อยเหล่านี้จะเป็นพลังใจที่สำคัญในการกระตุ้นเตือนเหล่าบรรดาตำรวจทั้งหลายให้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อดทน และเสียสละ มิใช่เพื่อใครแต่เพื่อประชาชนทุกกลุ่ม ทุกหมู่เหล่า ลองทบทวนเถิดว่าการผลักไสตำรวจนั้นนอกจากจะลดทอนกำลังใจของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักของกฎหมายแล้วนั้นยังจะทำให้เกิดผลเสียที่ตามมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ไม่เข้มแข็งอีกด้วยจริงหรือไม่? "ผมอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจความตั้งใจของพวกผม พวกผมก็คือลูกหลานคือพี่คือน้องของพวกท่าน" นายดาบตำรวจวอนขอความเข้าใจ
"เกลียดผม โกรธผมได้เลย ถ้าผมทำในสิ่งที่ผิดต่อกฏหมาย ทำให้สังคมเกิดปัญหา แต่โปรดเห็นใจพวกผมด้วย หากท่านเห็นว่าตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างพวกผมยังพอมีประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยังสามารถทำหน้าที่เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการปะทะกันของพี่น้องประชาชนได้ในยามนี้"
"ทุกคนก็ร้องเพลงชาติเดียวกัน ทำไมต้องมาทะเลาะกัน มันหดหู่หัวใจที่ต้องมายืนกั้นกลางระหว่างประชาชนที่ทะเลาะกัน ผมเจอกับตัวจังๆเลย ทั้งน้ำพริก น้ำปลาร้า ก้อนหิน ผมคิดถึงสิ่งที่ผมถูกฝึกมา อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก แต่ผมไม่เคยนะครับ ไม่เคยแม้แต่จะคิดไปทุบเขา ผมไม่ได้โกรธนะครับ แต่ผมสะเทือนใจ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมว่าผมไปใต้ผมยังไม่สะเทือนใจอย่างนี้ ไม่สะเทือนใจเท่าการเห็นคนไทยทะเลาะกันในการทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนในยามนี้"
“ผมยืนยันครับว่าการทะเลาะกัน การทำเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทุกคนทุกฝ่ายเสียหมด เราเป็นคนไทยด้วยกัน มันมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้มั้ยครับ” เสียงจากตำรวจชั้นผู้น้อยที่เดินทางแรมคืนมาทำหน้าที่ด้วยความหวังว่าสักวันประชาชนจะเข้าใจ เห็นใจ และเมตตาพวกเขาเหล่านี้ให้มีพลังใจ มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างภาคภูมิบ้าง!
ผมไม่ใช่เครื่องมือของใคร เพียงแค่อยากให้คนไทยรักกัน!
ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20131127/173658.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น