สวัสดีทุกท่านครับ
วันนี้วันเสาร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ รัตนโกสินทรศก ๒๓๐ ตรงกับวันที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๔ ปีซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ กันแล้ว เร็วจริงๆ วันเวลาที่ผ่านไปเนี่ยะ เดี๋ยววัน เดี๋ยวเดือน เดี๋ยวปี มิน่าล่ะพอหันกลับมามองตัวเอง เฮ้อ เราจะหนุ่มลงอีกปีแล้วหรือนี่ เพราะฉะนั้นเมื่อวัีนเวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดจรวดเยี่ยงนี้แล้วใครมีหน้าที่อะไรที่จะต้องทำก็ต้องเร่งรีบจัดการให้เสร็จสิ้นเสียโดยไวก่อนไม่มีเวลาให้ทำอีกผมว่านะ
ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้เจ้่าหน้าที่ตำรวจเรารวมถึงหน่วยงานที่เ้กี่ยวข้องจะดำเนินการช่วงปฏิบัติการเข้มข้นหรือที่มักจะเรียกกันติดปากว่า "๗ วันอันตราย" ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งในส่วนการปฏิบัติของ สภ.พานนั้นผมได้นำข้อมูลมารายงานให้ทราบแล้วว่าปีนี้เราจะทำอะุไรกันบ้าง
เป็นที่น่ายินดีว่าการปฏิบัติของเรานั้นได้รับความร่วมมือจากพี่น้องเป็นอย่างดี รวมไปถึงพี่น้องอีกส่วนหนึ่งที่ต้องประสบเคราะห์กรรมหรือได้รับผลร้ายจากอุบัติเหตุจนต้องพิกลพิการ ทุพพลภาพ แต่พี่น้องเหล่านั้นก็ยังมีน้ำใจที่จะมาบอกมารายงานให้พวกเรารวมถึงพี่น้องที่เดินทางผ่านไปมาได้รับรู้รับทราบถึงผลร้ายเหล่านั้นว่าเกิดมาจากสิ่งใด และควรจะแก้ไขหลีกเลี่ยงหรือปฏิืบัติอย่างไรจึงจะได้ไม่ต้องเป็นเหมือนพวกเขา พี่น้องเหล่านี้ก็คือเครือข่าย "เหยื่อเมาแล้วขับ" ซึ่งมีภูมิลำเนาในเขตท้องที่อำเภอพานของเรานั่นเอง พี่น้องเครือข่าย "เหยื่อเมาแล้วขับ" นี้มาร่วมรณรงค์กับพวกเราตั้งแต่เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ประจำปี ๒๕๕๒ ตลอดเรื่อยมาทุกปีและปีนี้ก็ได้รับแจ้งว่าจะมาร่วมรณรงค์กับพวกเราอีกเหมือนเดิม
เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศปีใหม่ที่ใกล้จะถึงรวมทั้งเป็นอุทาหรณ์สำหรับใครหลายๆ คนวันนี้ผมขออนุญาตนำเรื่องราวและภาพประกอบบางส่วนที่ผมจัดทำไว้เมื่อครั้งการณรงค์ช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๓ ที่หน่วยบริการประชาชนตำบลแม่เย็นมารายงานให้ทราบซึ่งมีดังนี้ครับ
"เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ ผมปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าจุดตรวจประจำหน่วยบริการประชาชนหรือตู้ยามตำบลแม่เย็นซึ่งเป็น ๑ ใน ๓ จุดตรวจหลักช่วงเทศกาลนี้ของ สภ.พานเรา เท่าที่สังเกตตั้งแต่เช้าที่มารับเวรเวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น.รถราเริ่มมากขึ้นแล้วโดยเฉพาะช่วงขาขึ้นที่พี่น้องเดินทางเข้าเชียงรายกัน การปฏิบัติของพวกเรา ณ จุดนี้จะเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกเสียมากกว่า เราจัดทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ,พี่น้องสายตรวจอาสาและเจ้าหน้าที่ อปพร.ร่วมปฏิบัติ และที่สำคัญครับเช้าวันนี้มีพี่น้องเครือข่าย “เหยื่อเมาแล้วขับ” จำนวนหนึ่งมาร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกับพวกเรา
การรณรงค์ของเครือข่ายนั้นนอกจากจะพบปะพูดคุยกับพี่น้องที่สัญจรไปมาผ่านจุดตรวจของเราแล้วยังแจกจ่ายแผ่นปลิว แผ่นพับ รวมถึงภาพอันเป็นมงคลขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยอีกด้วย
ผมได้สัมภาษณ์เครือข่ายที่มาร่วมรณรงค์กับเราช่วงเที่ยงเศษๆ ซึ่งทุกคนต่างเต็มใจและมีความยินดียิ่งที่จะได้นำอุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองให้คนอื่นรับรู้รับทราบ สำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ผมขอสรุปเป็นข้อๆ เพื่อความเข้าใจง่ายๆ ดังนี้
๑. ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครือข่ายมีทั้งต้องพิการไม่สามารถเดินได้โดยต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดชีวิต
๒. สูญเสียอวัยวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งขาข้างหนึ่งและใส่ขาเทียมตลอดไป
สาเหตุของการพิการในครั้งนี้สรุปได้ว่า
๑. เกิดจากตัวของเครือข่ายเอง ซึ่งบางคนบอกว่าก่อนที่จะเกิดเหตุนั้นตัวเองเป็นคนดื่มเหล้าเมายาเหมือนคน อื่นๆ จำนวนหนึ่งนั่นแหละ ทีนี้เมื่อดื่มได้ที่จนเมาแล้วก็ขับรถขับไปขับมาด้วยความเมาครองสติไม่ได้เลยเกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้นทำให้ถึงขนาดต้องสูญเสียอวัยวะที่สำคัญคือขาไปข้างหนึ่งจนต้องใส่ขาเทียมไปตลอดชีวิต
๒. เกิดจากการกระทำของคนอื่นที่เมาแล้วขับรถโดยที่เหยื่อหรือผู้ได้รับความเสียหายนั้นไม่มีส่วนร่วมก่อด้วย ซึ่งท่านหนึ่งนั้นบอกว่าตอนก่อนจะเกิดเหตุตัวเองอยู่ระหว่างขับขี่รถมอเตอร์ไซค์จะกลับบ้าน สักพักหนึ่งมีรถซึ่งขับตามหลังมาชนเข้าอย่างจังทำให้ต้องพิการเป็นอัมพาตและนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตโดยคนขับรถที่ชนนั้นมีอาการเมาสุราจนครองสติไม่ได้
๓. ทุกคนในเครือข่ายที่ให้สัมภาษณ์วันนี้บอกตรงกันว่าจะต้องมีภาระเลี้ยงดูลูก ดูครอบครัวอีกมากแต่ตัวเองต้องมาได้รับความเสียหายบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจแทนที่จะเป็นตัวหลักในการเลี้ยงดูคนอื่นแต่ต้องเป็นภาระคนอื่นที่ต้องมาเลี้ยงดูแลเช่นนี้จึงทำให้จิตใจหดหู่และท้อแท้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ในตอนท้ายพี่น้องที่ให้สัมภาษณ์ฝากข้อคิดไว้ว่าเหตุที่เกิดกับตัวเองนั้นมาจากสุราหรือการเมาเหล้าเมายาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตนเองก่อขึ้นหรือคนอื่นเป็นคนก่อ จึงอยากจะวิงวอนพี่น้องทุกคนว่าในเวลาขับรถขับราขอให้งดการดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เสียจะดีกว่า หากทำไม่ได้ก็ควรให้คนอื่นเป็นคนขับแทนเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ก็ขอฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่านในวันก่อนสิ้นปี ๒๕๕๔ นี้ด้วยนะครับ
สวัสดีครับผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น