สำหรับการอบรมของแต่ละวันมีดังนี้
วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ อบรมที่โรงแรมท็อปแลนด์ อำเภอเมืองพิษณุโลกตามตารางการอบรมดังนี้
* ๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน
* ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. ความเป็นมาและนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการจัดตั้ง OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมและกระบวนการในการรับแจ้งเบาแส ๔ ปัญหาหลัก (ตั้งครรภ์ไม่พร้อม,การค้ามนุษย์,แรงงานเด็กและการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและคนพิการ) โดยวิทยากรจาก พม.
* ๑๐.๐๐-๑๑.๐๐ น. การดำเนินงาน OSCC ของสายด่วน ๑๓๐๐ และบ้านเด็กและครอบครัวโดยวิทยากรจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
* ๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประัสบปัญหาการตั้งครรภฺ์ไม่พร้อมหรือคุณแม่วัยใสโดยวิทยากรจากกระทรวงสาธารณสุข
* ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
* ๑๓.๐๐-๑๔.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาค้ามนุษย์โดยวิทยากรจากกองสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
* ๑๔.๐๐-๑๕.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการใช้แรงงานเด็กโดยวิทยากรจากกระทรวงแรงงาน
* ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและคนพิการโดยวิทยากรจาก พม.
* ๑๖.๐๐-๑๗.๓๐ น. การบูรณาการความช่วยเหลือทั้ง ๔ ประเด็นหลักโดยวิืทยากรที่บรรยายมาตั้งแต่ชั่ืวโมงแรกถึงชั่วโมงสุดท้าย
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ อบรมที่ศูนย์ภาษาและวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันราชภัฏพิบูลย์สงคราม อำเภอเมืองพิษณุโลกตามตารางการอบรมดังนี้
* ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. การบรรยายเรื่องระบบสารสนเทศ OSCC โดยวิยากรจากกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร
* ๑๐.๐๐-๑๒.๐๐ น. การแบ่งกลุ่มฝึกการปฏิบัติการใช้ระบบ OSCC Application
* ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
* ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น. การแบ่งกลุ่มฝึกการปฏิบัติการใช้ระบบ OSCC Application ต่อ
* ๑๕.๐๐-๑๖.๓๐ น. สรุปผลและปิดการอบรม
อนึ่ง ความเป็นมาของศูนย์ช่วยเหลือสังคมมีดังนี้
เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ
ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานในพิธีเปิดตัว OSCC (One Stop Crisis Center)
ศูนย์ช่วยเหลือสังคม เพื่อช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ
ที่ดำเนินงานโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่
เกี่ยวข้อง โดยมีคณะรัฐมนตรี เอกอัครราชทูต ปลัดกระทรวง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนมูลนิธิ
และองค์กรเอกชนรวม ๗๐๐ คนเข้าร่วมงาน
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงตึกสันติไมตรี นายกรัฐมนตรีได้ชมนิทรรศการ OSCC
ศูนย์ช่วยเหลือสังคม แสดงความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา ๔ กลุ่ม ณ
บริเวณโถงกลาง
ก่อนชมการแสดงบทบาทสมมติประกอบวิดีทัศน์การช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสังคมผ่าน
OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม
จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้กล่าวรายงานโดยสรุปว่า
สืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
ส่งผลให้เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
มีโอกาสได้รับผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัญหาสำคัญใน ๔ เรื่องได้แก่
๑. การตั้งครรภ์ไม่พร้อม
๒. การค้ามนุษย์
๓. แรงงานเด็ก
๔.
การใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ
ซึ่งปัญหาดังกล่าวนับวันจะทวีความรุนแรงและมีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งได้ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาของประเทศโดยรวม ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมตลอดจนความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องพัฒนารูปแบบการให้บริการระบบ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเพื่อบูรณาการความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสังคมอย่างเต็มองค์รวม และดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มุ่งเน้นให้ประชาชนที่ประสบปัญหาได้รับความคุ้มครองอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยในการขอรับความช่วยเหลือได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาเชื่อมโยงกับการดำเนินงาน ซึ่ง พม. ส่วนราชการ มูลนิธิ และองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวางระบบ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเพื่อให้พร้อมดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาช่องทางการรับเรื่องราวและส่งต่อเพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้โดยสะดวกใน ๓ ช่องทาง ประกอบด้วย
ซึ่งปัญหาดังกล่าวนับวันจะทวีความรุนแรงและมีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งได้ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาของประเทศโดยรวม ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมตลอดจนความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องพัฒนารูปแบบการให้บริการระบบ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเพื่อบูรณาการความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสังคมอย่างเต็มองค์รวม และดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มุ่งเน้นให้ประชาชนที่ประสบปัญหาได้รับความคุ้มครองอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยในการขอรับความช่วยเหลือได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาเชื่อมโยงกับการดำเนินงาน ซึ่ง พม. ส่วนราชการ มูลนิธิ และองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวางระบบ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเพื่อให้พร้อมดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาช่องทางการรับเรื่องราวและส่งต่อเพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้โดยสะดวกใน ๓ ช่องทาง ประกอบด้วย
๑.
แจ้งด้วยตัวเองโดยตรงที่ส่วนราชการและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศซึ่งมีมากกว่า ๒๐,๐๐๐ หน่วย
๒. ฮอตไลน์ ๑๓๐๐
๓. ที่เว็บไซต์ www.osccthailand.go.th
นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบสารสนเทศรองรับการดำเนินงานการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วถึง
และการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในการรับเรื่องราวการให้บริการ การส่งต่อ
และการติดตามผล
เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงานและมอบนโยบายการดำเนินงาน OSCC
ศูนย์ช่วยเหลือสังคมสรุปสาระสำคัญว่า
วันนี้ประเทศไทยมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม ที่เจริญเติบโตเป็นอย่างมาก
ซึ่งบนความเจริญนั้นก็มีผลกระทบต่อสภาวะสังคม โดยเฉพาะต่อวัฒนธรรม ประเพณี
วิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่โดยรวมในสังคม
ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี
ทำให้ประชาชนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย
ทั้งหญิงชายอยู่ได้ด้วยความเสมอภาคและสมศักดิ์ศรี
โดยเป็นนโยบายของรัฐบาลที่พร้อมให้การสนับสนุนและทำงานบูรณาการกับทุกกระทรวงมาโดยตลอด
ซึ่งเชื่อว่าทุกกระทรวงที่มารวมกันอยู่ในที่นี้และเครือข่ายทั่วประเทศก็ได้
ร่วมกันพัฒนาดูแลช่วยเหลือสังคม ทั้งเด็ก สตรี ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ
และผู้พิการ โดยได้มีการทำงานติดตามอย่างใกล้ชิด
แต่สิ่งที่ได้พบก็คือปัญหาต่าง ๆ ยังไม่ได้ลดน้อยลงไป
และทุกหน่วยได้มีการประสานงานกันโดยใช้วิธีการติดตาม
ส่งต่อซึ่งเป็นกระบวนการต่าง ๆ ที่ใช้เวลายาวนานมาก ดังนั้น
สิ่งที่รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์ในวันนี้คือความแน่วแน่ที่จะร่วมกันในการบูรณาการพัฒนาระบบนี้ให้เป็นระบบที่สมบูรณ์มีการบูรณาการอย่างแท้จริงในทุกระบบของทุกหน่วยที่มีอยู่ ทั้งภาครัฐ เอกชน มูลนิธิ และเครือข่ายภาคประชาชน
โดยร่วมกันรวมพลังเป็นด่านหน้ารับเรื่องราวร้องเรียนทั้งหมดแล้วประสานส่งต่อไปยังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และทุกเครือข่ายที่ทำหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่
เพื่อให้ระบบการส่งต่อเกิดความรวดเร็ว มีกระบวนการติดตามอย่างครบวงจร
รวมทั้งให้มีการฟื้นฟู เยียวยา ดูแลจิตใจให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ
สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นการบูรณาการนี้
และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อยู่ในสังคมอย่างปลอดภัย และได้รับสิทธิตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าตลอดเวลาในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิตนั้นรัฐบาลก็ได้มีการพัฒนาโครงการต่าง ๆ
หลายโครงการตั้งแต่การสร้างระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า
การบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ
ในการบูรณาการระบบส่งต่อ
ขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนเป็นหน่วยรับผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนให้เร็วที่สุด
รวมทั้งการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากกองทุนของรัฐบาล
การขยายโอกาสต่าง ๆ เช่น กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนหมู่บ้านฯ
กองทุนตั้งตัวได้ กองทุน SML และอีกหลายโครงการที่ภาครัฐได้จัดสรรให้
เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิเสรีภาพ
ได้รับสิทธิ์ที่ภาครัฐดูแลให้อย่างเต็มที่และเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ซึ่งคือเจตนารมณ์ของการบูรณาการทั้งหมด
และประเทศไทยได้ปฏิบัติตามพันธกรณีที่ได้ลงนามกับนานาประเทศ
ทั้งการออกกฎหมายรับรอง จัดทำแผนยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก การกระทำรุนแรงในครอบครัวและสังคม
ตลอดจนการแก้ปัญหาแม่วัยรุ่น
การทำให้สามารถที่จะอยู่ได้จากบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจที่พัฒนา
แต่สังคม วัฒนธรรม ประเพณียังอยู่ และคุณภาพชีวิตของคนไทยยังอยู่
ซึ่งเหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
จึงเป็นที่มาของเจตนารมณ์ในการบูรณาการทั้งหมด
นายก
รัฐมนตรีกล่าวว่า ศูนย์ OSCC เป็นศูนย์ในการดูแลอย่างครบวงจร
โดยภาครัฐยินดีที่จะร่วมทำงานกับทุกภาคส่วน
ซึ่งรัฐบาลจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการบูรณาการระบบส่งต่อ
โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อให้การพัฒนาการส่งต่อสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์ และสามารถที่จะใช้ติดตามแก้ปัญหา ดูแลประชาชนทุกคนอย่างเต็มที่
พร้อมกับส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างสมบูรณ์
โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
จะเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร
และสำนักนายกรัฐมนตรี ในการติดตามบูรณาการและให้คำแนะนำกับทุกกระทรวง
ซึ่งรัฐบาลขอเรียนเชิญทุก ๆ มูลนิธิเข้ามาทำงานร่วมกัน
เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนศูนย์ช่วยเหลือสังคมให้เป็นศูนย์บูรณาการระบบส่งต่ออย่างสมบูรณ์ เพื่อทำให้ปัญหาชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ
และผู้ด้อยโอกาสได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU)
การดำเนินงาน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีทำพิธีกดปุ่มบนแท่นปล่อยขบวนคาราวานรถ ๑,๓๐๐ รถหน่วยเคลื่อนที่เร็วจำนวน ๑๐๕ คัน ณ บริเวณตึกสันติไมตรีด้านน้ำพุ
เพื่อออกให้บริการช่วยเหลือประชาชน
ที่มา : http://goo.gl/yc1G7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น