วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เข้ารับการอบรมหลักสูตร OSCC ผู้ช่วยเหลือสังคม (๓๐-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖)

วันที่ ๓๐-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ผู้เดินทางเข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้ช่วยเหลือสังคม OSCC (One Stop Crisis Center) ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ผู้เข้ารับการอบรมในรุ่นผมประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ หน่วยงานละ ๒ คนซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนจากตำรวจ,แรงงาน,สาธารณสุขและ พม.ของจังหวัดเชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, ลำพูน, เชียงราย, น่าน, พะเยา, แพร่, ตาก, พิษณุโลกและสุโขทัย โดยผู้เข้ารับการอบรมครั้งนี้หลังจากเสร็จสิ้นการอบรมแล้วจะไปทำหน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ได้รับให้แก่เจ้่าหน้าที่ของหน่วยงานหลักที่กล่าวถึงอีกทอดหนึ่ง

สำหรับการอบรมของแต่ละวันมีดังนี้

วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ อบรมที่โรงแรมท็อปแลนด์ อำเภอเมืองพิษณุโลกตามตารางการอบรมดังนี้

* ๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน
* ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. ความเป็นมาและนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการจัดตั้ง OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมและกระบวนการในการรับแจ้งเบาแส ๔ ปัญหาหลัก (ตั้งครรภ์ไม่พร้อม,การค้ามนุษย์,แรงงานเด็กและการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและคนพิการ) โดยวิทยากรจาก พม.
* ๑๐.๐๐-๑๑.๐๐ น. การดำเนินงาน OSCC ของสายด่วน ๑๓๐๐ และบ้านเด็กและครอบครัวโดยวิทยากรจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
* ๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประัสบปัญหาการตั้งครรภฺ์ไม่พร้อมหรือคุณแม่วัยใสโดยวิทยากรจากกระทรวงสาธารณสุข
* ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
* ๑๓.๐๐-๑๔.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาค้ามนุษย์โดยวิทยากรจากกองสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
* ๑๔.๐๐-๑๕.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการใช้แรงงานเด็กโดยวิทยากรจากกระทรวงแรงงาน
* ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น. ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและคนพิการโดยวิทยากรจาก พม.
* ๑๖.๐๐-๑๗.๓๐ น. การบูรณาการความช่วยเหลือทั้ง ๔ ประเด็นหลักโดยวิืทยากรที่บรรยายมาตั้งแต่ชั่ืวโมงแรกถึงชั่วโมงสุดท้าย

วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ อบรมที่ศูนย์ภาษาและวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันราชภัฏพิบูลย์สงคราม อำเภอเมืองพิษณุโลกตามตารางการอบรมดังนี้


* ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. การบรรยายเรื่องระบบสารสนเทศ OSCC โดยวิยากรจากกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร
* ๑๐.๐๐-๑๒.๐๐ น. การแบ่งกลุ่มฝึกการปฏิบัติการใช้ระบบ OSCC Application






* ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
* ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น. การแบ่งกลุ่มฝึกการปฏิบัติการใช้ระบบ OSCC Application ต่อ
* ๑๕.๐๐-๑๖.๓๐ น. สรุปผลและปิดการอบรม

อนึ่ง ความเป็นมาของศูนย์ช่วยเหลือสังคมมีดังนี้

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีเปิดตัว OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม เพื่อช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ มุ่งเน้นให้ผู้ที่ประสบปัญหาได้รับความคุ้มครองอย่างสะดวกรวดเร็ว ใน ๓ ช่องทาง พร้อมเชิญชวนหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมทำงานขับเคลื่อนศูนย์ช่วยเหลือสังคมให้เป็นศูนย์บูรณาการระบบส่งต่ออย่างสมบูรณ์ เพื่อทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดตัว OSCC (One Stop Crisis Center) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม เพื่อช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ ที่ดำเนินงานโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง โดยมีคณะรัฐมนตรี เอกอัครราชทูต ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนมูลนิธิ และองค์กรเอกชนรวม ๗๐๐ คนเข้าร่วมงาน

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงตึกสันติไมตรี นายกรัฐมนตรีได้ชมนิทรรศการ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม แสดงความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา ๔ กลุ่ม ณ บริเวณโถงกลาง ก่อนชมการแสดงบทบาทสมมติประกอบวิดีทัศน์การช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสังคมผ่าน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม
จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้กล่าวรายงานโดยสรุปว่า สืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลให้เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และผู้พิการ มีโอกาสได้รับผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัญหาสำคัญใน ๔ เรื่องได้แก่
๑. การตั้งครรภ์ไม่พร้อม 
๒. การค้ามนุษย์ 
๓. แรงงานเด็ก 
๔. การใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ 

ซึ่งปัญหาดังกล่าวนับวันจะทวีความรุนแรงและมีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งได้ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาของประเทศโดยรวม ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมตลอดจนความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องพัฒนารูปแบบการให้บริการระบบ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเพื่อบูรณาการความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสังคมอย่างเต็มองค์รวม และดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มุ่งเน้นให้ประชาชนที่ประสบปัญหาได้รับความคุ้มครองอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยในการขอรับความช่วยเหลือได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาเชื่อมโยงกับการดำเนินงาน ซึ่ง พม. ส่วนราชการ มูลนิธิ และองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวางระบบ OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมเพื่อให้พร้อมดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาช่องทางการรับเรื่องราวและส่งต่อเพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้โดยสะดวกใน ๓ ช่องทาง ประกอบด้วย 
๑. แจ้งด้วยตัวเองโดยตรงที่ส่วนราชการและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศซึ่งมีมากกว่า ๒๐,๐๐๐ หน่วย 
๒. ฮอตไลน์ ๑๓๐๐
๓. ที่เว็บไซต์ www.osccthailand.go.th 
นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบสารสนเทศรองรับการดำเนินงานการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วถึง และการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในการรับเรื่องราวการให้บริการ การส่งต่อ และการติดตามผล เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงานและมอบนโยบายการดำเนินงาน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมสรุปสาระสำคัญว่า วันนี้ประเทศไทยมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม ที่เจริญเติบโตเป็นอย่างมาก ซึ่งบนความเจริญนั้นก็มีผลกระทบต่อสภาวะสังคม โดยเฉพาะต่อวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่โดยรวมในสังคม ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้ประชาชนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งหญิงชายอยู่ได้ด้วยความเสมอภาคและสมศักดิ์ศรี โดยเป็นนโยบายของรัฐบาลที่พร้อมให้การสนับสนุนและทำงานบูรณาการกับทุกกระทรวงมาโดยตลอด ซึ่งเชื่อว่าทุกกระทรวงที่มารวมกันอยู่ในที่นี้และเครือข่ายทั่วประเทศก็ได้ ร่วมกันพัฒนาดูแลช่วยเหลือสังคม ทั้งเด็ก สตรี ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ และผู้พิการ โดยได้มีการทำงานติดตามอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งที่ได้พบก็คือปัญหาต่าง ๆ ยังไม่ได้ลดน้อยลงไป และทุกหน่วยได้มีการประสานงานกันโดยใช้วิธีการติดตาม ส่งต่อซึ่งเป็นกระบวนการต่าง ๆ ที่ใช้เวลายาวนานมาก ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์ในวันนี้คือความแน่วแน่ที่จะร่วมกันในการบูรณาการพัฒนาระบบนี้ให้เป็นระบบที่สมบูรณ์มีการบูรณาการอย่างแท้จริงในทุกระบบของทุกหน่วยที่มีอยู่ ทั้งภาครัฐ เอกชน มูลนิธิ และเครือข่ายภาคประชาชน โดยร่วมกันรวมพลังเป็นด่านหน้ารับเรื่องราวร้องเรียนทั้งหมดแล้วประสานส่งต่อไปยังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกเครือข่ายที่ทำหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบการส่งต่อเกิดความรวดเร็ว มีกระบวนการติดตามอย่างครบวงจร รวมทั้งให้มีการฟื้นฟู เยียวยา ดูแลจิตใจให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นการบูรณาการนี้ และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยู่ในสังคมอย่างปลอดภัย และได้รับสิทธิตามกฎหมาย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าตลอดเวลาในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิตนั้นรัฐบาลก็ได้มีการพัฒนาโครงการต่าง ๆ หลายโครงการตั้งแต่การสร้างระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า การบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ในการบูรณาการระบบส่งต่อ ขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนเป็นหน่วยรับผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนให้เร็วที่สุด รวมทั้งการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากกองทุนของรัฐบาล การขยายโอกาสต่าง ๆ เช่น กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนหมู่บ้านฯ กองทุนตั้งตัวได้ กองทุน SML และอีกหลายโครงการที่ภาครัฐได้จัดสรรให้ เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิเสรีภาพ ได้รับสิทธิ์ที่ภาครัฐดูแลให้อย่างเต็มที่และเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งคือเจตนารมณ์ของการบูรณาการทั้งหมด และประเทศไทยได้ปฏิบัติตามพันธกรณีที่ได้ลงนามกับนานาประเทศ ทั้งการออกกฎหมายรับรอง จัดทำแผนยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก การกระทำรุนแรงในครอบครัวและสังคม ตลอดจนการแก้ปัญหาแม่วัยรุ่น การทำให้สามารถที่จะอยู่ได้จากบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจที่พัฒนา แต่สังคม วัฒนธรรม ประเพณียังอยู่ และคุณภาพชีวิตของคนไทยยังอยู่ ซึ่งเหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของเจตนารมณ์ในการบูรณาการทั้งหมด
นายก รัฐมนตรีกล่าวว่า ศูนย์ OSCC เป็นศูนย์ในการดูแลอย่างครบวงจร โดยภาครัฐยินดีที่จะร่วมทำงานกับทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการบูรณาการระบบส่งต่อ โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อให้การพัฒนาการส่งต่อสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ และสามารถที่จะใช้ติดตามแก้ปัญหา ดูแลประชาชนทุกคนอย่างเต็มที่ พร้อมกับส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างสมบูรณ์ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร และสำนักนายกรัฐมนตรี ในการติดตามบูรณาการและให้คำแนะนำกับทุกกระทรวง ซึ่งรัฐบาลขอเรียนเชิญทุก ๆ มูลนิธิเข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนศูนย์ช่วยเหลือสังคมให้เป็นศูนย์บูรณาการระบบส่งต่ออย่างสมบูรณ์ เพื่อทำให้ปัญหาชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) การดำเนินงาน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จากนั้นนายกรัฐมนตรีทำพิธีกดปุ่มบนแท่นปล่อยขบวนคาราวานรถ ๑,๓๐๐ รถหน่วยเคลื่อนที่เร็วจำนวน ๑๐๕ คัน ณ บริเวณตึกสันติไมตรีด้านน้ำพุ เพื่อออกให้บริการช่วยเหลือประชาชน

ที่มา : http://goo.gl/yc1G7

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น