วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

ตำรวจบ่นเบื่อ...ควบคุมฝูงชน : โลกตำรวจ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (๒๙ มีนาคม ๒๕๕๗)

เจตจำนงที่แสดงออกมาผ่านการประกาศรวมพลพร้อมขับเคลื่อนและยกระดับการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มคนที่คิดต่างขั้วต่างข้างทางการเมืองภายหลังจากการตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะนั้น ส่งผลกระทบต่อแผนงานต่างๆ จำนวนมาก รวมถึงแผนการพัฒนางานของตำรวจไทย

ถึงแม้ว่าจะพยายามคิดบวกในแง่มุมที่ว่าความขัดแย้งทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์การเมืองอย่างมากมายในสังคมปัจจุบันนั้นเป็นการเผยโฉมสถานะความอ่อนแอของการเมืองไทยอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและสามารถสร้างการตื่นตัวของคนไทยให้เห็นคุณค่าของการร่วมมือกันในการพัฒนาสถาบันทางการเมือง ซึ่งถือเป็นสถาบันทางสังคมที่สำคัญต่อการพัฒนาชาติแทนที่จะปล่อยปละละเลยให้การขับเคลื่อนทางการเมืองตกอยู่ในมือของคนเฉพาะกลุ่มอย่างในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ความตกต่ำทางการเมืองและความแตกแยกที่เด่นชัดของการแย่งชิงอำนาจและความชอบธรรมผ่านการต่อสู้ทางการเมืองส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศ

การเรียกร้องให้ตำรวจที่ควรทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนโดยทั่วกันในแต่ละพื้นที่ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกลับต้องระดมกำลังเพื่อมาทำหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในระหว่างที่มีการชุมนุมในกรุงเทพมหานคร หรือในบางจังหวัดที่มีการชุมนุมประท้วงนั้น นอกเหนือจากการลดประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบประจำที่มีสถิติคดีจำนวนมากพออยู่แล้วนั้น ยังทำให้สูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาล

ไม่มีตำรวจคนไหนอยากมาปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน แต่มันเป็นหน้าที่นายดาบตำรวจในชุดควบคุมฝูงชนยืนยัน พร้อมเล่าขยายความถึงที่มาที่ไปของข้อสรุปที่ว่า "อยากไปจับโจรที่บ้านมากกว่ามายืนให้เขาด่า

"ปัญหาอาชญากรรมมันเยอะ นายเขาก็สั่งมาให้คุมให้ได้ ในช่วงเหตุการณ์ปกติตำรวจเราก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยนะในการควบคุมอาชญากรรม พอมีสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองอย่างนี้ตำรวจเรายิ่งหนักกว่าเดิม จะมาอ้างว่ามา คฝ. (ควบคุมฝูงชน) เลยควบคุมอาชญากรรมในพื้นที่ไม่ได้ นายเขาก็ไม่รับฟัง เราต้องทำให้ได้ ไม่มีเงื่อนไข" เมื่อมีคนพร้อมจะรับฟัง นายดาบตำรวจพรั่งพรูความในใจ ถ่ายทอดเรื่องราวของการทำงานตำรวจภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ มากมายไพร่พลตำรวจทุกคนต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่า "คำว่าทำไม่ได้เป็นคำที่พูดไม่ได้ และไม่มีใครนิยมพูดในโลกของตำรวจ เมื่อนายสั่ง ต้องทำได้ลุงดาบตำรวจในชุดควบคุมฝูงชนและทุกคนในที่นั้นเห็นพ้องต้องกัน

ไม่ต้องเชื่อผม แต่ลองไปหาข้อมูลดูว่าจริงหรือไม่?” นายดาบตำรวจท้าทายก่อนตั้งตำถามชวนพิสูจน์ตรวจสอบ "หน่วยอื่นไม่มีเงิน ไม่มีงบประมาณมา สั่งยังไงเขาก็ไม่ทำ เขาจะบอกว่าไม่มีงบประมาณจะให้ทำยังไง

หน่วยอื่น เขาจะเตรียมสถานที่ทำงาน ห้องทำงาน อุปกรณ์ทำงานพร้อมแล้ว คนจึงตามไปเพื่อทำงาน แต่ตำรวจไม่ใช่อย่างนั้น คนต้องไปทำงานก่อนแล้วไปพัฒนาสถานที่ทำงาน หาอุปกรณ์ทำงานเอาเอง ไปพัฒนาหน่วยให้น่าอยู่น่าทำงาน ต้องเอาลูกเอาเมียมาช่วยพัฒนาด้วยนั่นแหละถึงจะได้สถานที่ทำงานที่ดี

ต้องมีความพร้อมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พร้อมปฏิบัติงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ไม่มีวันหยุดเทศกาลใดๆ ไม่มีชดเชยวันหยุด จะมีตำรวจสักกี่คนที่ได้ไปเที่ยวกับลูกเมียช่วงวันหยุดเทศกาลเหมือนอย่างคนอื่น?”

คุณคิดว่าจะมีบุคลากรจากหน่วยไหนบ้างที่จะยอมใส่ชุดอย่างนี้ ยืนกลางแดดอย่างนี้ ให้เขาด่า ให้เขาปาน้ำปลาร้าใส่ ปาน้ำพริกใส่ ยิงหัวนอต ยิงลูกหินใส่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยโกรธแค้นกัน แล้วยังมาย่ำยีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ดูถูกดูแคลนสารพัดโดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงตอบโต้...คุณลองบอกผมหน่อยว่าจะมีหน่วยไหนทำได้?” นายดาบตำรวจระบายอย่างอัดอั้น

หากพยายามที่จะมองแบบคิดบวก มองหาแง่งามท่ามกลางความตกต่ำของการเมืองไทยที่ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อสังคมไทยจะเห็นว่า สถานการณ์การปะทะระหว่างคนไทยที่คิดแตกต่างกันนี้ได้ทำให้สังคมไทยเห็น ความอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบากของตำรวจไทยชัดเจนมากกว่าตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา

โชคดีนะที่เป็น ผบ.คนนี้ ถ้าไม่มีท่านเป็นผู้นำ การควบคุมสถานการณ์อาจจะไม่ใช่อย่างนี้นายดาบตำรวจพูดถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเสียงสนับสนุนและการแย่งกันระบายความรู้สึกว่า "ท่านสั่งตลอด อดทนอดกลั้น อดทนอดกลั้น จนบางครั้งเราก็ตั้งคำถามกับท่านเหมือนกันนะว่า จะให้ทนไปถึงไหน บางครั้งเราก็มีอารมณ์ แต่ท่านก็ดึงเรากลับสู่ภาวะอดทนอดกลั้นได้ ถ้าท่านไม่ดึงเราอะไรจะเกิดขึ้น

เพียงได้แต่หวังว่า เหตุการณ์ทางการเมืองจะเปิดพื้นที่ให้สังคมไทยได้เห็นความสามารถในการบริหารงานด้านอื่นๆ ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ ๙ นี้ในด้านอื่นบ้าง นอกเหนือจากการบัญชาการควบคุมฝูงชน เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือนท่านก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว ไหนๆ ท่านก็พัฒนากำลังพลตำรวจมากกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา หากต่อด้วยการส่งเสริมให้คนที่ได้รับการพัฒนาฝึกอบรมเอาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยก็จะถือได้ว่าเป็นการบริหารศักยภาพกำลังพลครบกระบวนการ

อยากเห็นสังคมไทยมีตำรวจมืออาชีพที่กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต!!

ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20140326/181657.html#.UzaHLuOxFIc

วันนี้ผมพักผ่อนอยู่กับบ้านที่อำเภอเมืองพะเยาครับ ตอนเย็นเลยทานข้าวนอก(ชายคา)บ้านซักมื้อ อร้อยอร่อย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น