การเดินทางไปเป็นประธานเปิดสัมมนามอบนโยบายการบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อสายของวันที่ ๓ ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
หลังนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและการอำนวยความยุติธรรมตามหลักนิติธรรมให้เป็นธรรมทั่วถึง เพราะเรามีกฎหมายอยู่แล้ว
แต่จะทำอย่างไรให้ตำรวจได้ใช้ตามหลักนิติธรรมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
รักษาสิทธิพื้นฐานของประชาชน
รวมถึงช่วยกันลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมด้วยการให้ประชาชนเข้าถึงกฎหมายและกฎระเบียบอย่างเป็นธรรม
ไม่เพียงเท่านี้ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ยังให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เร่งคดีที่คั่งค้างเพื่อลดปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมถึงอยากเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้ ที่สำคัญบุคลากรต้องเติบโตตามความสามารถและความทุ่มเทกับภารกิจในการดูแลประชาชนโดยไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีหากทุกวงการในสังคมไทยสามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความโปร่งใส ขณะที่การสอบถามความคิดเห็นในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นผลสำรวจมักไปตกกับกลุ่มข้าราชการโดยเฉพาะภาพลักษณ์ของตำรวจไทยมักจะถูกมองในแง่ลบและเป็นอันดับต้นๆ ด้วยซ้ำไป
การซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจขณะนี้ถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้มีอยู่คู่องค์กรมาช้านาน มีสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดคือราคาซื้อขายแต่ละตำแหน่งที่จะปรับเปลี่ยนไปตามพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละสถานีตำรวจขึ้นไปถึงระดับกองบังคับการและกองบัญชาการ โดยมีการวิ่งเต้นผ่านนักการเมืองและนายตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ ซึ่ง
รศ.ดร.สังศิต
พิริยะรังสรรค์ ที่ปรึกษาสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (สปท.)
มองว่าหากไม่มีการทับเส้นทับสายกับผู้มีอำนาจในต่างแดนทุกอย่างก็ลงตัว
แต่ทุกตำแหน่งไม่จำเป็นต้องวิ่งไปหาคนแดนไกลเสมอไป
เพราะคนแดนไกลจะเลือกตำแหน่งยุทธศาสตร์ทางการเมืองเป็นหลักโดยเรื่องเงินทองถือเป็นเรื่องรอง
ปัจจุบันตัวเลขการซื้อขายตำแหน่งมีจำนวนสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ไม่ใช่เฉพาะทำเลเกรดเอในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่พื้นที่ภูธรจังหวัดต่างๆ ก็มีราคาสูงขึ้นด้วย โดยบางตำแหน่งมีราคาสูงถึง ๒๐-๓๐ ล้านบาท และบางพื้นที่สามารถหาเงินเข้าสถานีตำรวจตนเองได้เดือนละกว่า ๑๐ ล้านบาท ตำรวจที่วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งพวกนี้เข้าไปทำงานก็จะมีระยะเวลาประมาณ ๕-๖ เดือนที่ต้องถอนทุนคืน และต้องส่งเงินขึ้นไปตามลำดับชั้นอย่างที่ทำกันมาปกติ ฉะนั้นกลุ่มนายตำรวจพวกนี้ก็ต้องทำทุกอย่าง ทั้งคุมบ่อน เรียกรับส่วย ยาเสพติด ซึ่งมีเงินหมุนเวียนนับร้อยล้านบาท ให้ได้มาจากที่เสียไปในการใช้วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกำลังพลกว่าสองแสนคน ก็ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะมีแค่ตำรวจแบบนั้นไปเสียทั้งหมด เพราะตำรวจดีทำงานเก่งไม่วิ่งเต้นก็ยังมีอยู่ และยังคงปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้เกิดความสงบสุขให้แก่คนในชาติอยู่ แม้เป็นการยากที่จะได้เติบโตในอาชีพการงานด้วยความสามารถโดยปราศจากสิ่งที่พี่ให้มา ฉะนั้นเมื่อรัฐบาลมีความคิดที่จะปฏิรูปประเทศไทย สิ่งแรกที่ควรปฏิรูปคือองค์กรตำรวจเพื่อสร้างสำนึกในหน้าที่ด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง
ไม่เพียงเท่านี้ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ยังให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เร่งคดีที่คั่งค้างเพื่อลดปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมถึงอยากเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้ ที่สำคัญบุคลากรต้องเติบโตตามความสามารถและความทุ่มเทกับภารกิจในการดูแลประชาชนโดยไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีหากทุกวงการในสังคมไทยสามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความโปร่งใส ขณะที่การสอบถามความคิดเห็นในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นผลสำรวจมักไปตกกับกลุ่มข้าราชการโดยเฉพาะภาพลักษณ์ของตำรวจไทยมักจะถูกมองในแง่ลบและเป็นอันดับต้นๆ ด้วยซ้ำไป
การซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจขณะนี้ถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้มีอยู่คู่องค์กรมาช้านาน มีสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดคือราคาซื้อขายแต่ละตำแหน่งที่จะปรับเปลี่ยนไปตามพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละสถานีตำรวจขึ้นไปถึงระดับกองบังคับการและกองบัญชาการ โดยมีการวิ่งเต้นผ่านนักการเมืองและนายตำรวจ
ปัจจุบันตัวเลขการซื้อขายตำแหน่งมีจำนวนสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ไม่ใช่เฉพาะทำเลเกรดเอในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่พื้นที่ภูธรจังหวัดต่างๆ ก็มีราคาสูงขึ้นด้วย โดยบางตำแหน่งมีราคาสูงถึง ๒๐-๓๐ ล้านบาท และบางพื้นที่สามารถหาเงินเข้าสถานีตำรวจตนเองได้เดือนละกว่า ๑๐ ล้านบาท ตำรวจที่วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งพวกนี้เข้าไปทำงานก็จะมีระยะเวลาประมาณ ๕-๖ เดือนที่ต้องถอนทุนคืน และต้องส่งเงินขึ้นไปตามลำดับชั้นอย่างที่ทำกันมาปกติ ฉะนั้นกลุ่มนายตำรวจพวกนี้ก็ต้องทำทุกอย่าง ทั้งคุมบ่อน เรียกรับส่วย ยาเสพติด ซึ่งมีเงินหมุนเวียนนับร้อยล้านบาท ให้ได้มาจากที่เสียไปในการใช้วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกำลังพลกว่าสองแสนคน ก็ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะมีแค่ตำรวจแบบนั้นไปเสียทั้งหมด เพราะตำรวจดีทำงานเก่งไม่วิ่งเต้นก็ยังมีอยู่ และยังคงปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้เกิดความสงบสุขให้แก่คนในชาติอยู่ แม้เป็นการยากที่จะได้เติบโตในอาชีพการงานด้วยความสามารถโดยปราศจากสิ่งที่พี่ให้มา ฉะนั้นเมื่อรัฐบาลมีความคิดที่จะปฏิรูปประเทศไทย สิ่งแรกที่ควรปฏิรูปคือองค์กรตำรวจเพื่อสร้างสำนึกในหน้าที่ด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น