ตำรวจที่จะทำงานปราบผู้มีอิทธิพลต้องมีบารมี ต้องมีศักดิ์ศรี ศักดิ์ศรีที่เกิดจากการทำงาน เกิดจากการปฏิบัติตัวด้วยความภาคภูมิใจในการทำงานตำรวจ มีความเด็ดขาด มุ่งมั่นต้องทำให้ผู้มีอิทธิพลรับรู้ว่าเงินของพวกมันซื้อเราไม่ได้" พล.ต.ท.วินัย ทองสอง นายตำรวจใหญ่เล่าถึงคุณลักษณะของตำรวจที่จะสามารถทำการใหญ่ได้สำเร็จผ่านผลงานต้นแบบ "ปราจีนโมเดล” ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญในการนำทัพเหล่าไพร่พลตำรวจที่ภาคภูมิใจด้วยการเรียกขานอัตลักษณ์ตนเองว่า นักรบพระเจ้าตาก มีภารกิจปราบปรามผู้กระทำตัวสร้างอิทธิพลข่มเหงรังแกชาวบ้าน
“ผู้มีอิทธิพลมันก็เหมือนภาพลวงตา” พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตย์งาม เสริมแนวคิดพร้อมอธิบายต่อว่า เหล่าบรรดาคนคิดชั่วกระทำการในสิ่งที่ผิดกฎหมาย รังแกผู้อื่นแม้กระทั่งชาวบ้านที่ไม่มีหนทางสู้นั้นมักจะสร้างภาพลวงตาขึ้นเพื่อให้เห็นว่าตนเองมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว สร้างความหวาดกลัวเพื่อไม่ใครกล้าแตะต้อง หากตำรวจเข้าใจหลักการแนวคิดเช่นนี้แล้วนั้น คุณลักษณะของความมุ่งมั่น ความกล้าหาญ การเป็นผู้มีความรู้ทางกฎหมาย มียุทธวิธีที่ดี ภาคภูมิใจในเกียรติศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจจะสามารถสร้างพลังอำนาจที่เหนือกว่าและนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการปราบปรามการกระทำผิดของเหล่าบรรดาผู้มีอิทธิพลที่ทำได้เพียงแค่การสร้างภาพลวงตาว่าตนเองมีอำนาจแต่เพียงเท่านั้น
การสร้างขุนพลตำรวจให้เป็นนักรบผู้กล้า มีหัวใจของผู้ที่พร้อมจะปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยยึดหลักการกระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง แต่จะเห็นได้ว่านานนับทศวรรษที่ผู้นำสูงสุดของตำรวจในยุคสมัยที่ผ่านมากลับให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาคนน้อยมาก ซึ่งแตกต่างจากยุคปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ขึ้นมาเป็นผู้การใหม่ต้องฝึกอบรม พอเป็นครบ ๖ เดือนกลับมาฝึกอบรมพร้อมเอาผลงานมาดูกัน พอครบปีต้องอบรมและประเมินผลงานอีกรอบ" นายตำรวจใหญ่เล่าตัวอย่างแผนพัฒนาตำรวจระดับผู้บังคับการตามนโยบายการสร้างผู้นำและตำรวจมืออาชีพของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ ๙ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้นำตำรวจที่สามารถเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรตำรวจให้เป็นองค์กรที่พร้อมทำงานเพื่อประชาชนผ่านการให้ความสำคัญอย่างมากกับการสร้างคนผ่านการฝึกอบรมและพัฒนา..."ระบบไม่เข้มแข็งคนยิ่งต้องเข้มแข็ง" นายตำรวจใหญ่กล่าว
การก้าวสู่ความเป็นตำรวจมืออาชีพนั้นมิใช่เพียงการส่งเสริมความรู้ ทักษะ วิธีคิด หรือยุทธวิธีตำรวจแต่เพียงเท่านั้น หากแต่หลักสูตรฝึกอบรมที่ดีควรสอดแทรกเนื้อหาและกระบวนการในการพัฒนาภาวะผู้นำให้เกิดขึ้นแก่ขุนพลตำรวจทุกนายด้วย เพราะหากตำรวจทุกนายมีภาวะผู้นำอยู่ในเนื้อในตัวแล้วนั้นจะส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองประชาชนประสบผลสำเร็จแม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคในการทำหน้าที่ในบริบทที่เสี่ยงต่อชีวิตหรือปัญหาอุปสรรคที่ตำรวจทุกนายต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่าเป็นปัญหาอุปสรรคที่ใหญ่หลวงขององค์กรตำรวจนั่นคือความอ่อนแอของระบบคุณธรรม (Merit System) ของระบบการบริหารงานบุคคลในโลกของตำรวจอันเป็นผลมาจากการแทรกแซงของผู้มีอำนาจภายนอกองค์กรตำรวจก็ตาม
“มีรุ่นพี่ตำรวจฝีมือดีมากมายที่เป็นแบบอย่างให้เราเห็นได้ว่าถึงแม้ว่าพี่ๆ เหล่านี้จะเป็นผู้ที่มีฝีมือ มีผลงานมากมายแต่พี่ๆ เหล่านั้นก็ไม่ได้สมหวังกับตำแหน่ง ยศถาบรรดาศักดิ์ แต่ด้วยภาวะผู้นำที่มีอยู่ในเนื้อในตัว และความเป็นตำรวจมืออาชีพทำให้พี่ๆ เหล่านั้นไม่เสียขวัญ ไม่หวั่นไหว ไม่สะเทือนกับบริบทที่อยู่เหนือการควบคุมเช่นนี้” นายตำรวจใหญ่แสดงเหตุผลความจำเป็นในการสร้างภาวะผู้นำและความเป็นตำรวจมืออาชีพให้ซึมซับอยู่ในจิตวิญาณความเป็นตำรวจ ความเป็นผู้นำจะทำให้ตำรวจไม่วางเฉยต่อความทุกข์ยากของประชาชน นั่นคือการสนองตอบอุดมคติตำรวจที่ว่า "...เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก...”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นภายหลังจากผู้บัญชาการตำรวจสั่งย้ายด่วนผู้เข้าอบรมหลักสูตรหัวหน้างานร้อยกว่าชีวิตไปยังโรงแรมแห่งใหม่ในระหว่างที่การฝึกอบรมได้ดำเนินการขึ้นแล้ว หากแต่ผู้ที่มองปรากฏการณ์นั้นอย่างลึกซึ้งและเปิดใจจะเห็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ว่าการบริหารจัดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพตำรวจที่ดีเพื่อให้ส่งเสริมและพัฒนาภาวะผู้นำนั้นผู้บริหารจัดการฝึกอบรมต้องทุ่มเทแรงใจแรงกายสติปัญญาทั้งหมดที่มีเพื่อให้ทุกกระบวนการของการฝึกอบรมสามารถกล่อมเกลา สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความภาคภูมิใจ กระตุ้นการตระหนักถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจให้เกิดขึ้น มิใช่สักแต่ว่า มีครู มีหลักสูตร มีตำรา มีสถานที่ฝึกอบรม แต่เพียงเท่านั้น แต่จำเป็นต้องใส่ใจให้ครู หลักสูตร ตำรา สถานที่ฝึกอบรม และการอำนวยการระหว่างการฝึกอบรมสะท้อนให้เห็นว่าผ่านเตรียมการที่ดีเยี่ยมเพื่อสร้างแรงบันดาลที่ดีเยี่ยมของตำรวจผู้เข้ารับการฝึกอบรมเช่นกัน
สังคมไทยได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสถานีตำรวจ เห็นความอดทนอดกลั้นของตำรวจควบคุมฝูงชนซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงปรับตัวที่ยิ่งใหญ่ หากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะทำให้สังคมไทยได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนของการทำหน้าที่ของสถาบันการศึกษาและการพัฒนาตำรวจซึ่งเปรียบเสมือนเบ้าหลอมที่สำคัญจะเกิดคุณูปการอย่างยิ่งต่อการวางรากฐานการพัฒนาคนที่เข้มแข็งและยั่งยืนในวงการตำรวจไทย
โปรดอย่าปล่อยให้ใครๆ เรียกหน่วยที่ทำหน้าที่พัฒนาตำรวจสู่ความเป็นมืออาชีพเหล่านี้ว่ากรุ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น