พื้นเพดั้งเดิมของผมเป็นคนบ้านพังราดไทย หมู่ ๔ ตำบลพังราด อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ดินแดนแห่งท้องทุ่งกว้างใหญ่ไพศาล เวิ้งว้าง สุดลูกหูลูกตา ไร้มลพิษ ทุกคนอยู่กันอย่างฉันท์มิตร มีน้ำใจน้ำจิตให้แก่่กันเสมือนญาติ
ข้อเขียนนี้ด้วยการที่ผมเป็นระยองโดยกำเนิดดังนั้นบางช่วงบางตอนจึงมีการใช้คำร่ะองประกอบด้วยซึ่งผมจะอธิบายความหมายไว้ในวงเล็บ
สมัยก่อนโน้นความเจริญก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ การรักษาพยาบาลไม่เหมือนสมัยนี้ คนเราเวลาเจ็บป่วยเป็นไข้หรือไม่สบายอะไรนิดๆ หน่อยๆ น่ะไม่มีใครเขาไปโรงพยาบาลกันหรอก ไม่ใช่อะไร “มันไกล" แล้วการเดินทางน่ะยวดยานพาหนะ ถนนหนทางไม่ใช่เหมือนสมัยนี้ รถไม่มี ถนนไม่ต้องพูดถึง ไปไหนมาไหนแต่ละทีลำบากลำบน เขาเลยหาหยูกหายาที่มีในหมู่บ้านนั่นแหละมาใช้มากินกันซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยาแผนไทยที่ผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งมีความรู้เป็นคนจัดให้
ข้อเขียนนี้ด้วยการที่ผมเป็นระยองโดยกำเนิดดังนั้นบางช่วงบางตอนจึงมีการใช้คำร่ะองประกอบด้วยซึ่งผมจะอธิบายความหมายไว้ในวงเล็บ
สมัยก่อนโน้นความเจริญก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ การรักษาพยาบาลไม่เหมือนสมัยนี้ คนเราเวลาเจ็บป่วยเป็นไข้หรือไม่สบายอะไรนิดๆ หน่อยๆ น่ะไม่มีใครเขาไปโรงพยาบาลกันหรอก ไม่ใช่อะไร “มันไกล" แล้วการเดินทางน่ะยวดยานพาหนะ ถนนหนทางไม่ใช่เหมือนสมัยนี้ รถไม่มี ถนนไม่ต้องพูดถึง ไปไหนมาไหนแต่ละทีลำบากลำบน เขาเลยหาหยูกหายาที่มีในหมู่บ้านนั่นแหละมาใช้มากินกันซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยาแผนไทยที่ผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งมีความรู้เป็นคนจัดให้
อีกอย่างหนึ่งก็คือคนสมัยก่อนนั้นโดยเฉพาะแถวชนบทการคลอดลูกก็แทบไม่มีใครใช้บริการโรงพยาบาลหรือสุขศาลากันซักเท่าไร ส่วนใหญ่จะใช้บริการ “หมอตำแย” ในหมู่บ้านที่ทุกคนรู้จักกันดีและทำหน้าที่นี้มานาน โดยหมอตำแยจะมีหน้าที่ให้คำแนะนำ ดูแล แก้ไข ป้องกันอาการต่างๆ ของผู้หญิงตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนครบกำหนดคลอด ทำคลอด ตลอดดูแลสุขภาพแม่หลังคลอดทารกแรกเกิดด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย
พูดถึงเรื่องหมอตำแยแล้วก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ คนคนนี้เป็นหมอตำแยเก่าแก่ของหมู่บ้านพังราดไทยที่ทำคลอดเด็กในหมู่บ้านแทบจะทุกคนชื่อ “ยายเอิบ” นามสกุลพานทอง ผัวชื่อตาผิว เป็นคนรุ่นปู่ย่า,พ่อแก่แม่คุณ (ตา-ยาย) และเป็นคนพังราดไทยโดยกำเนิด เป็นหมอตำแยคนเดียวของหมู่บ้านมานาน เพาะกับแมะ (พ่อกับแม่) เคยเล่าให้ผมฟังว่าเพาะกับแมะน่ะตอนเกิดยายเอิบก็เป็นคนทำคลอดให้ รวมถึงพี่น้องครอบครัวเดียวกันกับผมซึ่งมี ๗ คนยายเอิบก็เป็นคนทำคลอดให้ด้วย คนในหมู่บ้านพังราดไทยจะรักและเคารพยายเอิบเหมือนหนึ่งเป็น “แม่” ของตัวเองอีกคนหนึ่ง
ยายเอิบเป็นคนใจดีมีเมตตา ถ้าแกรู้ว่าคนไหนท้องแกก็จะคอยไปๆ มาๆ ดูๆ แลๆ ให้อย่างสม่ำเสมอ ค่าจ้างค่าออนไม่เคยมีการถามหา จะให้หรือไม่ให้ก็ได้ยายเอิบแกเต็มใจทำทั้งนั้น แกบอกว่าการทำคลอดคนน่ะมันได้กุศลแรงเหมือนกับการให้ชีวิตอีกชีวิตนั่นเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะดึกดื่นค่อนคืน เช้าสายบ่ายเย็น ฝนตกฟ้าร้องแดดออกยังไงก็ตามถ้ามีคนเจ็บท้องยายเอิบจะรีบไปที่บ้านคนนั้นทันทีไม่มีบ่นไม่มีงอแง แล้วการไปน่ะ “เดินครับ” เดินอย่างเดียวผ่านท้องทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา ก็อย่างว่าแหละถนนหนทางมันไม่มีเลยต้องใช้วิธีนี้ บางบ้านนะกว่าจะเดินไปถึงก็เหงื่อท่วมตัวแต่แกบอกว่ามันเป็นความสุขของแกที่ได้ทำหน้าที่นี้
ยายเอิบนอกจากจะเป็นคนใจดี มีเมตตาโอบอ้อมอารีแล้วแกยังชอบเย้าชอบพูดกับเด็กๆ ที่เริ่มโตและมีนิสัยเกะกะระราน เกกะเหรกเกเร พ่อแม่พูดอะไรไม่ยอมจะเชื่อจะฟังเพื่อให้เด็กพวกนั้นกลับเนื้อกลับตัวเพราะแกรู้ว่าเด็กๆ ในหมู่บ้านน่ะเชื่อและฟังแกไม่มีใครกล้าเถียง ที่ผมจำติดหูมาจนเดี๋ยวนี้ก็คือยายเอิบมักจะพูดว่า “แหม่ เถ้า (ถ้า) กูรู่ว่าอีตอนมึงโตขึ้นมาแล่วเป็นคนเกกม่ะเหรกเกเร ไม่เชื่อฟังพ่อแม่แบบนี่น่ะกูเอาขี้เถ้ายั่ดปากมึงให้ตายซ้ารู่แล่วรู่รอดอีตอนกูดึงมึงออกจาก...แมะมึงดีกว่า” เนี่ยะ เด็กคนไหนถ้าได้ยินยายเอิบพูดแบบนี้รับรองกลัวกันลานและไม่กล้าเกกมะเหรกเกเรอีกต่อไป
ยายเอิบตายไปเมื่อราวปี พ.ศ.๒๕๒๒-๒๕๒๓ ไม่แน่ใจนักซึ่งตอนงานศพแกโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันปลงน่ะคนงี้มืดฟ้ามัวดินไปหมดเลยเพราะทุกคนในหมู่บ้านถือว่ายายเอิบเป็น “แม่” ของตัวเองด้วยก็เลยไปร่วมงานครั้งสุดท้ายของแกอย่างล้นหลาน
หลังจากยายเอิบตายแล้วในหมู่บ้านพังราดไทยไม่มี “หมอตำแย” รับช่วงต่อ อีกทั้งระบบการสาธารณสุขเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ถนนหนทางก็สะดวกสบายกว่าแต่ก่อนผิดหูผิดตา คนบ้านเราที่จะคลอดลูกก็หันไปใช้บริการโรงพยาบาลแทนซึ่งถือว่าดีและปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งทั้งแม่และลูก “หมอตำแย” จึงเหลือเพียงเป็นตำนานแห่งทุ่งพังราดไทยนับแต่บัดนั้นมา
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
...........
“แหม่ เถ้ากูรู่ว่าอีตอนมึงโตขึ้นมาแล่วเป็นคนเกกม่ะเหรกเกเร ไม่เชื่อฟังพ่อแม่แบบนี่น่ะกูเอาขี้เถ้ายั่ดปากมึงให้ตายซ้ารู่แล่วรู่รอดอีตอนกูดึงมึงออกจาก...แมะมึงดีกว่า” ยายเอิบ,แม่ของพวกเราคนพังราดไทยทุกคน
..........
เรื่องราว ดีดี มากมาย,ที่ผ่าน มาใน ชีวิต
ช่วยกัน ขีดเขียน ลิขิต,เพื่อต่อ ชีวิต สิ่งนั้น
ไม่ต้อง ไปอาย ใครว่า,คนเขียน แก่นะ นี่นั่น
มามะ เรามา ช่วยกัน,สืบสาน ตำนาน บ้านเรา
ฝากพี่น่องคนบ้านเราไว่หน่อยหนะ ใครที่พอจ้ะมีฝีมือในการเขียนหนังสือแล่วมีเรื่องราวดีๆ สมัยก่อนๆ เถ้าเป็นไปได้ว่างๆ เอามาเขียนมาบอกกันหน่อยก็ดี ไม่ใช่รา (อะไรหรอก) กลัวของดีๆ มันจ้ะหายไปตามกาลเวลาน่ะครับ
สภาพบ้านพังราดไทยสมัยก่อนก็คล้ายๆ กับภาพนี้ครับ
ขอยืมบทความไปลงเพจเฟสบุ๊คนะครับ ชื่อเพจ พังราดในอดีตถึงปัจจุบัน
ตอบลบยินดีครับ
ลบ