วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562

วันนี้ที่ภูกามยาว (๒ เมษายน ๒๕๖๒)

วันนี้วันอังคารที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ ผมเดินทางมาทำงานที่โรงพักภูกามยาวตามปกติ ซึ่งจะมีหรือไม่มีงานก็ตามแต่มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องมา มีงานก็ทำ ไม่มีก็หานั่นหานี่ทำไปก็ถือว่าเป็นงานเหมือนกันนั่นแหละ ยิ่งการเป็นผู้บังคับบัญชาด้วยแล้วการมาทำงาน การมาอยู่ที่ทำงานแบบนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ยกเว้นก็แต่มีงานข้างนอกอย่างเช่นประชุมนอกที่ตั้ง การออกไปสืบสวนหาข่าว การพบปะพี่น้องประชาชนหรืออะไรทำนองนี้ถึงไม่ต้องอยู่แต่ถ้าไม่มีลักษณะแบบนี้ "ต้องอยู่ , ต้องมาที่ทำงาน" ครับผมคิดและปฏิบัติเช่นนี้ตลอดเสมอมา

เช่นเคยนั่นแหละสำหรับผมเมื่อไปถึงที่ทำงานสิ่งที่ทำจนเกิดความเคยชินก็คือพูดจาทักทายตำรวจเขา เขาไหว้มา เราไหว้ตอบ เขาทักมาเราทักตอบ หรือไม่ทักเราเราก็ทักเขา ยิ้มแย้มแจ่มใสมีน้ำใจให้แก่กันแล้วทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี เรื่องน้ำใจนี่สำคัญนะผมว่า การเป็นนายไม่จำเป็นหรอกที่จะต้องไปตีหน้าปั้นหน้าเคร่งขรึมเหมือนยักษ์เหมือนมารมองลูกน้องด้วยท่าทีจ้องจับผิดหรือยิ้มไม่เป็นเพราะถ้ายิ้มแล้วเกรงว่าลูกน้องจะไม่กลัวเลยต้องปั้นหน้ายักษ์เหมือนถูกเมียด่ามาแต่เถียงไม่ได้แบบนั้น ลักษณะแบบนี้น่ะใครอาจจะทำแต่ผมไม่ทำเพราะทำไม่เป็นและไม่เคยทำ เขาก็คนเราก็คน อยู่กันแบบนี้ได้ใจเขาเยอะมากกว่า อะไรๆ ก็คล่องตัวราบรืนกว่า ไม่ต้องไปกังวลหรอกว่าลูกน้องเขาจะไม่กลัว เขาไม่กลัวน่ะดีแล้วอยากให้เขากลัวทำไม ตำรวจเรามีระเบียบวินัย ต่างคนต่างรู้ดีว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ไม่มีหรอกประเภทที่ลูกน้องจะขึ้นหัวนายน่ะอย่าไปกังวลเลยเจ้านายทั้งหลายเอ๊ย เชื่อผมเหอะ จริงๆ ไม่ได้โม้ด้วยนะ

ทักทายโอภาปราศัยกับเขาแล้วก็ถือโอกาสตรวจตราการทำงานไปเลยในตัว ใครมาไม่มาเรารู้ได้เลย ไม่ต้องไปจ้ำจี้จำไชหรือสอบถามอะไร ยกเว้นถ้าเห็นว่าบางคนยังไม่มาก็อาจจะถามว่าทำไม หายไปไหนเพราะบางคนเขาก็มีธุระ มีความจำเป็นของเขา เราเป็นนายเรารู้แล้วก็จัดการแก้ไขในเรื่องที่ว่าซะก็จบ ไม่ยากครับ

นอกจากนี่้ยังเป็นการตรวจเรื่องราวความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ด้วยอย่างเช่นเมื่อวานมีคดีเกิดขึ้นไหม คดีอะไร คดีที่ว่าเราในฐานะหัวหน้าสืบสวนจะต้องทำอะไรไหมอะไรประมาณนี้เพราะแม้เราจะรู้อยู่เป็นส่วนใหญ่ว่าอะไรเกิดขึ้นหรือมีขึ้นในวันนั้นๆ แต่บางอย่างเราก็อาจจะยังไม่รู้ก็อาศัยสอบถามเจ้าหน้าที่เขาในช่วงนี้นี่แหละ อย่างภาพซ้ายมือผมตรวจตราดูความเคลื่อนไหวกับเจ้าหน้าที่ประจำวันถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่บันทึกไว้ซึ่งก็สรุปได้ความดังนี้
๑. คดีอาญาตั้งแต่ต้นปีถึงวันนี้มีจำนวน ๔๘ คดี
๒. คดีจราจร ๗ คดี
๓. คดีชันสูตร ๒ คดี
โดยเมื่อวานนี้ (๑ เมษายน) มีคดีเกิดขึ้น ๒ คดีเป็นเรื่องการเผาหญ้าที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและพนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบไปรายละ ๒๐๐ บาท

หลังจากนั้นเข้าไปนั่งทำงานในห้องซึ่งเช้านี้มีเอกสารเข้ามาให้เซ็น ให้ดำเนินการสองสามเรื่อง เป็นเรื่องพื้นๆ หรือเรื่อง Routine ที่พบเห็นเจอะเจออยู่แล้วแทบจะทุกวันนั่นเอง

สำหรับกิจกรรมอื่นๆ นอกจากนี้จะนำมาบันทึกไว้ในตอนต่อไปเป็นระยะๆ ครับ


นั่งทำงานในห้องทำงานจนงานหมดแล้วเวลา ๑๐ โมงเศษๆ มีการฝึกทบทวนตำรวจประจำสัปดาห์ของโรงพักภูกามยาวเราเลยเดินลงมาดูเขาซะหน่อย ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเราหรอกแต่ก็ไม่มีปัญหาที่จะเข้าไปดูไปแล วันนี้ พ.ต.ท.นิธิศ นันตาลิต สวป. และ ร.ต.อ.ประสิทธิ์ ผัดวงศ์ รอง สวป.ทำหน้าที่ครูฝึก << ภาพการฝึก >>

อนึ่ง สำหรับนโยบายการฝึกเป็นอย่างไรคลิกดูได้ที่ภาพด้านล่างนี้เพื่อดูภาพขยายนะครับ

ปัญหาหมอกควันที่ปกคลุมในหลายๆ ภาคของประเทศไทยเราอยู่ในขณะนี้ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือตั้งแต่รัฐบาลลงมาที่ท่านนายกยังลงมากำกับด้วยตนเอง ตำรวจเราก็เหมือนกันต้องร่วมด้วยช่วยกับเขาเพื่อให้ปัญหาเหล่านั้นลดลงในระดับที่พี่น้องประชาชนไม่เกิดอันตรายซึ่ง สภ.ภูกามยาวของเราก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยในวันนี้หลังฝึกประจำสัปดาห์เสร็จพวกเราได้ช่วยกันล้างถนนและพื้นรอบ สภ.รวมถึงฉีดน้ำรดต้นไม้ใบหญ้าให้มีความชุ่มชื้นและสามารถลดหมอกควันได้ส่วนหนึ่งโดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากสำนักงานเทศบาลตำบลดงเจนที่ส่งรถน้ำมาช่วยพวกเราเหมือนเคยก็ต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกคนมา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง << ภาพในส่วนนี้ >>



เวลา ๑๐.๓๐ น.เป็นต้นไปผมเข้าร่วมประชุมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผ่านระบบ Video conference ที่ห้อง ศปก.สภ.ภูกามยาว

<< รายละเอียด >>
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมแล้วเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องจากเครื่องแบบหล่อๆ มาเป็นนอกเครื่องแบบเก๋ๆ เพื่อความพร้อมและความคล่องในการปฏิบัติฐานะเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็เดินไปที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าโรงพักภูกามยาวซึ่งเป็นร้านเมียตำรวจเรานี่แหละ เมียเป็นคนปรุง ผัวซึ่งหากว่างหน้าที่การงานก็จะไปเป็นลูกมือให้เมียเขา วันนี้เป็นข้าวผัดกะเพราทะเล+ไข่เจียว อร่อยมาก จานเดียวอยู่ อิ้มแปร้เลย

<< ภาพในส่วนนี้ >>
ภาพใหญ่ด้านบนนี่เป็นบรรยากาศหน้าโรงพักภูกามยาวช่วงเที่ยงเศษๆ วันนี้ เห็นแล้วดีใจที่มีเมฆสีขาวๆ ปกคลุมท้องฟ้าสีฟ้าๆ ไม่มีอะไรโดยเฉพาะหมอกควันมาบังตาเหมือนวันอื่นๆ อยากจะให้เป็นแบบนี้ตลอดไปจังผมว่า

กินข้าวเสร็จไม่เตร่เตร็ดหรือเถลไถลไปไหนครับเดินตรงดิ่วกลับโรงพักเลยเพราะมีงานต้องให้ทำอีกเยอะ งานส่วนหนึ่งเป็นงานเอกสารที่เจ้าหน้าที่เขาเอามาให้เซ็นนั่นแหละ งานง่ายๆ สบายๆ ไม่มีอะไรยุ่งยากทำจนชินแล้ว



ช่วงเดือนเมษายนนี่งานค่อนข้างจะเยอะเป็นพิเศษครับ ไหนจะต้องเตรียมการในเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นเทศกาลใหญ่และสำคัญที่ตำรวจเราจะหยุดไม่ได้ให้พร้อมปฏิบัติในเวลานั้น ไหนจะต้องจัดเตรียมข้อมูลด้านต่างๆ รายงานผู้บังคับบัญชา ไหนจะต้องเข้าประชุมรับนโนยบายหรือคำสั่งหน่วยเหนือและอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมายซึ่งบ่ายนี้ผมเองก็เหมือนกันทั้งนั่ง ทั้งยืน ทั้งเดินไปหางาน ไปหาเจ้าหน้าที่ ไปแนะนำ ไปแก้ไขปัญหาเพื่อให้งานมันสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สนุกดีเหมือนกัน

เรื่องการประชุมนี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วงนี้มีทุกวันและถี่ด้วย บางวันมีประชุมตั้ง ๓ ครั้งแต่ดีอย่างที่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเดินทางไปประชุมนอกที่ตั้งเพราะเราประชุมกันที่หน่วยหรือโรงพักเราเลยโดยประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference ทำให้เกิดความสะดวก ประหยัด ไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งเมื่อเช้าผมก็เข้าประชุมไปเรื่องหนึ่งแล้วและตอนบ่ายวันนี้เวลา ๑๔.๐๐ น.ก็มีประชุมอีกเรื่องหนึ่งแต่เป็นงานในหน้าที่ความรับผิดชอบของสายงานป้องกันปราบปรามเขาดังภาพด้านซ้ายที่ พ.ต.ท.เกียรติพงศ์ คำปินไชย รอง ผกก.ป.และเจ้าหน้าที่จราจรประชุมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ห้อง ศปก.สภ.เรานี่เอง พรุ่งนี้มะรืนนี้และอีกหลายวันก็จะมีประชุมแบบนี้ตลอดเพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนจึงต้องเตรียมการไว้ให้พร้อมเสมอ

สำหรับการปฏิบัติด้านอื่นๆ นอกที่ตั้งในวันนี้พวกเราก็ยังคงมีเช่นเคย ในภาพใหญ่ด้านบนเป็นภาพการตั้งจุดตรวจของเจ้าหน้าที่จราจรและการออกตรวจของสายตรวจเราที่ส่งภาพรายงานเข้ามาในไลน์กลุ่มโรงพักผมจึงขออนุญาตนำมาเสนอไว้ประกอบด้วยอีกที่หนึ่ง

หลายคนอาจจะงงและมีคำถามว่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผมบันทึกไว้เป็นหลักฐานการทำงานในบล็อกนี้ผมเอาเวลาที่ไหนไปทำ ไม่ใช่นั่งแช่อยู่แต่หน้าจอทั้งวันเรอะ ไม่ใช่หรอกครับ นั่งแช่อยู่หน้าจอทั้งวันน่ะไม่มีหรอกเพราะผมต้องไปนั่นไปนี่อยู่ตลอด วิธีการของผมก็แบบนี้ครับคือเวลาจะทำอะไรผมจะถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเสมอเพราะยุคนี้พูดปากเปล่าโดยไม่มีภาพประกอบไม่ได้แล้ว ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก ผมเองยังไม่เชื่อก็เลยถ่ายภาพไว้ การถ่ายก็ให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวตอนนั้นนั่นแหละถ่ายให้ไม่ได้มีช่างภาพส่วนตัวอะไร เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ถ่ายเป็น พอถ่ายเสร็จก็เก็บไว้ในกล้องและหลังจากพอมีเวลาเดินกลับเข้าห้องทำงานหรือที่ไหนก็ตามที่มีคอมพิวเตอร์และต่ออินเตอร์เน็ตได้รวมทั้งไม่มีงานอื่นที่ต้องทำผมก็จะเอาภาพที่ว่านั้นทยอยลงในบล็อกที่เห็นนี้พร้อมบันทึกเรื่องราวต่างๆ ลงไป ใช้เวลาไม่นานครับ ผมคิดอะไรได้เร็วรวมถึงพิมพ์ดีดได้เร็วด้วย คิดอะไรปั๊บมือก็พิมพ์ปุ๊บเสร็จแล้วก็เอานำเสนอทางโลกไซเบอร์ในทันที วันหนึ่งๆ ทำหลายครั้งเหมือนกันแล้วแต่เวลาและโอกาสอำนวยอย่างที่พี่น้องเห็นนี่แหละ << ภาพทั้งหมด >>

ขอปิดท้ายการเขียนบล็อกประจำวันนี้ด้วยการนำประกาศวาระจังหวัดพะเยามาบันทึกไว้เป็นหลักฐานหน่อยครับ รายละเอียดปรากฏตามภาพด้านล่าง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น