ทักทายโอภาปราศัยกับเขาแล้วก็ถือโอกาสตรวจตราการทำงานไปเลยในตัว ใครมาไม่มาเรารู้ได้เลย ไม่ต้องไปจ้ำจี้จำไชหรือสอบถามอะไร ยกเว้นถ้าเห็นว่าบางคนยังไม่มาก็อาจจะถามว่าทำไม หายไปไหนเพราะบางคนเขาก็มีธุระ มีความจำเป็นของเขา เราเป็นนายเรารู้แล้วก็จัดการแก้ไขในเรื่องที่ว่าซะก็จบ ไม่ยากครับ
นอกจากนี่้ยังเป็นการตรวจเรื่องราวความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ด้วยอย่างเช่นเมื่อวานมีคดีเกิดขึ้นไหม คดีอะไร คดีที่ว่าเราในฐานะหัวหน้าสืบสวนจะต้องทำอะไรไหมอะไรประมาณนี้เพราะแม้เราจะรู้อยู่เป็นส่วนใหญ่ว่าอะไรเกิดขึ้นหรือมีขึ้นในวันนั้นๆ แต่บางอย่างเราก็อาจจะยังไม่รู้ก็อาศัยสอบถามเจ้าหน้าที่เขาในช่วงนี้นี่แหละ อย่างภาพซ้ายมือผมตรวจตราดูความเคลื่อนไหวกับเจ้าหน้าที่ประจำวันถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่บันทึกไว้ซึ่งก็สรุปได้ความดังนี้
๑. คดีอาญาตั้งแต่ต้นปีถึงวันนี้มีจำนวน ๔๘ คดี
๒. คดีจราจร ๗ คดี
๓. คดีชันสูตร ๒ คดี
โดยเมื่อวานนี้ (๑ เมษายน) มีคดีเกิดขึ้น ๒ คดีเป็นเรื่องการเผาหญ้าที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและพนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบไปรายละ ๒๐๐ บาท
หลังจากนั้นเข้าไปนั่งทำงานในห้องซึ่งเช้านี้มีเอกสารเข้ามาให้เซ็น ให้ดำเนินการสองสามเรื่อง เป็นเรื่องพื้นๆ หรือเรื่อง Routine ที่พบเห็นเจอะเจออยู่แล้วแทบจะทุกวันนั่นเอง
สำหรับกิจกรรมอื่นๆ นอกจากนี้จะนำมาบันทึกไว้ในตอนต่อไปเป็นระยะๆ ครับ
นั่งทำงานในห้องทำงานจนงานหมดแล้วเวลา ๑๐ โมงเศษๆ มีการฝึกทบทวนตำรวจประจำสัปดาห์ของโรงพักภูกามยาวเราเลยเดินลงมาดูเขาซะหน่อย ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเราหรอกแต่ก็ไม่มีปัญหาที่จะเข้าไปดูไปแล วันนี้ พ.ต.ท.นิธิศ นันตาลิต สวป. และ ร.ต.อ.ประสิทธิ์ ผัดวงศ์ รอง สวป.ทำหน้าที่ครูฝึก << ภาพการฝึก >>
อนึ่ง สำหรับนโยบายการฝึกเป็นอย่างไรคลิกดูได้ที่ภาพด้านล่างนี้เพื่อดูภาพขยายนะครับ
เวลา ๑๐.๓๐ น.เป็นต้นไปผมเข้าร่วมประชุมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผ่านระบบ Video conference ที่ห้อง ศปก.สภ.ภูกามยาว
<< รายละเอียด >>
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมแล้วเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องจากเครื่องแบบหล่อๆ มาเป็นนอกเครื่องแบบเก๋ๆ เพื่อความพร้อมและความคล่องในการปฏิบัติฐานะเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็เดินไปที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าโรงพักภูกามยาวซึ่งเป็นร้านเมียตำรวจเรานี่แหละ เมียเป็นคนปรุง ผัวซึ่งหากว่างหน้าที่การงานก็จะไปเป็นลูกมือให้เมียเขา วันนี้เป็นข้าวผัดกะเพราทะเล+ไข่เจียว อร่อยมาก จานเดียวอยู่ อิ้มแปร้เลย
<< ภาพในส่วนนี้ >>
ภาพใหญ่ด้านบนนี่เป็นบรรยากาศหน้าโรงพักภูกามยาวช่วงเที่ยงเศษๆ วันนี้ เห็นแล้วดีใจที่มีเมฆสีขาวๆ ปกคลุมท้องฟ้าสีฟ้าๆ ไม่มีอะไรโดยเฉพาะหมอกควันมาบังตาเหมือนวันอื่นๆ อยากจะให้เป็นแบบนี้ตลอดไปจังผมว่า
กินข้าวเสร็จไม่เตร่เตร็ดหรือเถลไถลไปไหนครับเดินตรงดิ่วกลับโรงพักเลยเพราะมีงานต้องให้ทำอีกเยอะ งานส่วนหนึ่งเป็นงานเอกสารที่เจ้าหน้าที่เขาเอามาให้เซ็นนั่นแหละ งานง่ายๆ สบายๆ ไม่มีอะไรยุ่งยากทำจนชินแล้ว
ช่วงเดือนเมษายนนี่งานค่อนข้างจะเยอะเป็นพิเศษครับ ไหนจะต้องเตรียมการในเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นเทศกาลใหญ่และสำคัญที่ตำรวจเราจะหยุดไม่ได้ให้พร้อมปฏิบัติในเวลานั้น ไหนจะต้องจัดเตรียมข้อมูลด้านต่างๆ รายงานผู้บังคับบัญชา ไหนจะต้องเข้าประชุมรับนโนยบายหรือคำสั่งหน่วยเหนือและอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมายซึ่งบ่ายนี้ผมเองก็เหมือนกันทั้งนั่ง ทั้งยืน ทั้งเดินไปหางาน ไปหาเจ้าหน้าที่ ไปแนะนำ ไปแก้ไขปัญหาเพื่อให้งานมันสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สนุกดีเหมือนกัน
เรื่องการประชุมนี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วงนี้มีทุกวันและถี่ด้วย บางวันมีประชุมตั้ง ๓ ครั้งแต่ดีอย่างที่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเดินทางไปประชุมนอกที่ตั้งเพราะเราประชุมกันที่หน่วยหรือโรงพักเราเลยโดยประชุมด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพหรือ Video conference ทำให้เกิดความสะดวก ประหยัด ไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งเมื่อเช้าผมก็เข้าประชุมไปเรื่องหนึ่งแล้วและตอนบ่ายวันนี้เวลา ๑๔.๐๐ น.ก็มีประชุมอีกเรื่องหนึ่งแต่เป็นงานในหน้าที่ความรับผิดชอบของสายงานป้องกันปราบปรามเขาดังภาพด้านซ้ายที่ พ.ต.ท.เกียรติพงศ์ คำปินไชย รอง ผกก.ป.และเจ้าหน้าที่จราจรประชุมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ห้อง ศปก.สภ.เรานี่เอง พรุ่งนี้มะรืนนี้และอีกหลายวันก็จะมีประชุมแบบนี้ตลอดเพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนจึงต้องเตรียมการไว้ให้พร้อมเสมอ
สำหรับการปฏิบัติด้านอื่นๆ นอกที่ตั้งในวันนี้พวกเราก็ยังคงมีเช่นเคย ในภาพใหญ่ด้านบนเป็นภาพการตั้งจุดตรวจของเจ้าหน้าที่จราจรและการออกตรวจของสายตรวจเราที่ส่งภาพรายงานเข้ามาในไลน์กลุ่มโรงพักผมจึงขออนุญาตนำมาเสนอไว้ประกอบด้วยอีกที่หนึ่ง
หลายคนอาจจะงงและมีคำถามว่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผมบันทึกไว้เป็นหลักฐานการทำงานในบล็อกนี้ผมเอาเวลาที่ไหนไปทำ ไม่ใช่นั่งแช่อยู่แต่หน้าจอทั้งวันเรอะ ไม่ใช่หรอกครับ นั่งแช่อยู่หน้าจอทั้งวันน่ะไม่มีหรอกเพราะผมต้องไปนั่นไปนี่อยู่ตลอด วิธีการของผมก็แบบนี้ครับคือเวลาจะทำอะไรผมจะถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเสมอเพราะยุคนี้พูดปากเปล่าโดยไม่มีภาพประกอบไม่ได้แล้ว ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก ผมเองยังไม่เชื่อก็เลยถ่ายภาพไว้ การถ่ายก็ให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวตอนนั้นนั่นแหละถ่ายให้ไม่ได้มีช่างภาพส่วนตัวอะไร เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ถ่ายเป็น พอถ่ายเสร็จก็เก็บไว้ในกล้องและหลังจากพอมีเวลาเดินกลับเข้าห้องทำงานหรือที่ไหนก็ตามที่มีคอมพิวเตอร์และต่ออินเตอร์เน็ตได้รวมทั้งไม่มีงานอื่นที่ต้องทำผมก็จะเอาภาพที่ว่านั้นทยอยลงในบล็อกที่เห็นนี้พร้อมบันทึกเรื่องราวต่างๆ ลงไป ใช้เวลาไม่นานครับ ผมคิดอะไรได้เร็วรวมถึงพิมพ์ดีดได้เร็วด้วย คิดอะไรปั๊บมือก็พิมพ์ปุ๊บเสร็จแล้วก็เอานำเสนอทางโลกไซเบอร์ในทันที วันหนึ่งๆ ทำหลายครั้งเหมือนกันแล้วแต่เวลาและโอกาสอำนวยอย่างที่พี่น้องเห็นนี่แหละ << ภาพทั้งหมด >>
ขอปิดท้ายการเขียนบล็อกประจำวันนี้ด้วยการนำประกาศวาระจังหวัดพะเยามาบันทึกไว้เป็นหลักฐานหน่อยครับ รายละเอียดปรากฏตามภาพด้านล่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น