วันนี้วันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ วันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์นี้สำหรับหลายๆ ท่านซึ่งรวมถึงผมด้วยเพราะเขาให้มาทำงานธุรการประเภทตามวัีนและเวลาราชการ พรุ่งนี้และวันมะรืนได้หยุดพักผ่อน ๒ วันสบายดีเหมือนกันแม้ไม่ชอบงานแบบนี้นักแต่ก็ต้องทำ การทำก็ต้องให้เต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ สิ่งไหนไม่รู้ก็ต้องขวนขวายศึกษาให้รู้ให้ได้ไม่ว่าจะสอบถามผู้รู้ ดู อ่านหนังสือหรืออะไรก็ตามเพื่อให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น
งานวันนี้เหมือนเดิมอีักนั่นแหละ สบายๆ ง่ายๆ ใช้เวลาไม่นานเลยไม่มีอะไรต้องบันทึกไว้เพราะถ้าจะบันทึกก็เหมือนเดิม ไม่เหมือนงานที่เคยทำก่อนที่เขาจะให้มาช่วยงานนี้ ๓ เดือนคืองานป้องกันปราบปราม แต่ละวันแต่ละห้วงเวลาไม่มีซ้ำกัน วันนั้นเจอนั่น วันนี้เจอนี่ พรุ่งนี้มะรืนนี้เจอไปอีกอย่าง สนุกมาก สำคัญคือได้พบปะพี่น้องประชาชน ได้พูดคุย ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องป้องกันอาชญากรรม ยาเสพติด จราจรหรือเรื่องอื่นๆ ตามโอกาสและสภาพที่จะอำนวยหรือเหมาะสม ซึ่งเมื่องานพวกนั้นเสร็จแล้วผมก็จะบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นไว้อย่างน้อยก็เก็บไว้ดูตอนหลังรวมถึงพี่น้องจำนวนหนึ่งได้ดูพร้อมกันไปด้วย แต่งานธุรการทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องอยู่ประจำที่ทำงาน เจอแต่ตำรวจในห้องทำงาน ๕-๖ คนแบบนั้นทั้งอาทิตย์เลยต้องหาเรื่องราวมาคุยมาชี้มาแนะมาบอกหรือสอนกันตามที่จะคิดได้หลังจากงานประจำเสร็จแล้ว
วันนี้งานเรียบร้อยแล้วเวลาก็ยังเหลืออีกมากกว่าจะเลิกงานกับบ้าน ทำไงดี? เหมือนเดิมแหละท่านผมให้เวลานั้นกับหน้าจอสี่เหลี่ยมเปิดอะไรต่อมิอะไรในโลกไซเบอร์ดู ตอนหนึ่งเปิดไปที่บล็อกเก่าของตัวเอง http-://mrsp2503.blogspot.com ดูข้อมูลในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ ซึ่งช่วงนั้น พ.ต.อ.มาโนช มีสกุลคุณ เป็น ผกก.สภ.พาน (ขณะนี้ท่านดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.เชียงคำ จังหวัดพะเยา) ผมเป็น สวป.(จนถึงบัดนี้) ในบล็อกนั้นผมบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไว้จำนวนมากแต่ที่อยากจะนำมาเล่า มาบอกกล่าวให้ทุกท่านรับทราบในบล็อกนี้อีกครั้งหนึ่งก็คือโครงการดีๆ โครงการหนึ่งซึ่งผมประทับใจมากนั่นคือ "โครงการตำรวจเยี่ยมวัด" ที่ผมได้ร่วมกับท่านมาโนชคิดขึ้นมา เรื่องเป็นอย่างไรติดตามได้เลยครับ
***********
สภ.พา่นกับโครงการ "ตำรวจเยี่ยมวัด" (๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๑)
เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ระหว่างเวลาประมาณ ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. พ.ต.อ.มาโนช มีสกุลคุณ ผกก.สภ.พาน พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัดจำนวนประมาณ ๘๐ คนเดินทางไปร่วมฟังพระธรรมเทศนาเพื่อน้อมนำหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตทั้งด้านหน้าที่ราชการและส่วนตัวที่วัดปิงเมือง หมู่ ๙ ตำบลป่าหุ่ง อำเภอพาน ตามโครงการ "ตำรวจเยี่ยมวัด" ของ สภ.พาน โดยโครงการนี้กำหนดให้ดำเนินการอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง
เมื่อคณะข้าราชการตำรวจของเราเดินทางไปถึงแล้วท่านพระครูวิสิฐธรรมธัช เจ้าอาวาสวัดปิงเมืองและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลป่าหุ่งเขต ๒ อีกตำแหน่งหนึ่งให้การต้อนรับ คณะข้าราชการตำรวจของเราอาราธนาศีล จากนั้นท่านเจ้าอาวาสได้กล่าวชื่นชมโครงการนี้ว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องพบและเสี่ยงต่ออันตรายหรือสิ่งเย้ายวนต่างๆ มากมาย หากผู้ใดไม่สามารถยับยั้งกิเลสหรือสิ่งเย้ายวนได้อาจทำให้ผู้นั้นพบกับความวิบัติหรือสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัว นอกจากนี้ท่านเจ้าอาวาสยังได้เมตตาแสดงธรรมแก่พวกเราซึ่งมีใจความสำคัญอย่างหนึ่งในเรื่องของความสมัครสมานสามัคคี การเป็นและผูกมิตรไมตรีกับพี่น้องประชาชน และขอให้พวกเรานำหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้รับนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้นต่อไป
วัดปิงเมืองตั้งอยู่ที่เลขที่ ๑๓๗ หมู่ที่ ๙ บ้านเหมืองหลวง ตำบลป่าหุ่ง มีเนื้อที่ ๔ ไร่ ๒ งาน ๖๔ ตารางวา ปัจจุบันมีพระภิกษุจำพรรษาจำนวน ๒ รูปโดยมีประวัติคร่าวๆ ดังนี้คือเริ่มก่อสร้างเป็นที่พักสงฆ์เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๐ ต่อมาได้สร้างพระพุทธองค์ใหญ่ในปีกาบสัน (ปีระกา) เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ ผู้ก่อสร้างคือพ่อหน้อยมอญมาจากจังหวัดลำพูน พระพุทธรูปองค์ที่ ๒ ซ้าย-ขวา ผู้สร้างคือผู้หน้อยลาศ มาจากบ้านห้วยน้ำฮาก อำเภอเชียงแสน ต่อมาสร้างพระพุทธรูปองค์ที่ ๔-๕ ผู้สร้างคือพ่อหน้อยชุม สุธรรมา บ้านป่าบงหลวง
วัดปิงเมืองเดิมอาศัยวัดพื้นเมืองเป็นหลักฐาน ที่ชื่อว่าปิงเมืองนั้นได้มาจากพระภิกษุรูปหนึ่งที่เดินทางมาจากวัดศรีปิงเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสและก่อสร้างวัดในสมัยนั้น จึงได้ชื่อว่าวัดปิงเมือง โดยก่อสร้างเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๔๓๐ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๘ และทำพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๐
ครับ นี่คือโครงการที่ผมประทับใจที่นำมาฝากทุกท่านในวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น