วันนี้วันอาทิตย์แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีเถาะ จุลศักราช ๑๓๗๓ ตรงกับวันที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๔ ปี วันหยุดสำหรับหลายๆ คนรวมถึงเป็นวันพระในช่วงเข้าพรรษาด้วยซึ่งพี่น้องคงใช้เวลาวันนี้เข้าวัดเข้าวาทำบุญสุนทาน ฟังเทศน์ฟังธรรมและน้อมนำคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันกันจำนวนมาก ก็ขอให้มีความสุขทุกท่านนะครับ
วันหยุดวันนี้ผมใช้เวลาช่วงเช้าเปิดดูเรื่องราวการปฏิบัติงานต่างๆ ของผมที่บันทึกไว้ในบล็อกตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ จนถึงขณะนี้ดูว่าเราทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร รายละเอียดมีอย่างไรเพื่อจะได้นำเรื่องราวที่ผ่านมาปรับปรุงการทำงานรวมถึงนำไปใช้ต่อยอดงานอื่นต่อไป งานที่ทำหรือบันทึกไว้มีเกือบทุกวัน เอ้อ ทำได้เหมือนกันหรือนี่ ใช่แล้วครับ เวลาทำงานส่วนใหญ่คนเรามักไม่ค่อยนึกว่ามันหนักหรือมากมายก่ายกองอะไร มีอะไรก็ทำไปตามหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการออกตรวจ พบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน การประชุม การตั้งจุดตรวจหรืองานอื่นๆ ที่ผู้บังคัีบบัญชามอบหมาย ทำงานเสร็จถ้าเราไม่บันทึกเรื่องราวไว้แป๊บเดียวก็ลืม หรือถึงแม้ว่าจะไม่ลืมแต่เมื่อถึงเวลาจะนำเรื่องราวมาแสดงมาเผยแพร่ก็ไม่มี บางคนนึกเสียดายเวลาที่ทำโดยไม่มีการเก็บรวบรวมหรือบันทึกไว้ ส่วนบางคนอาจคิดว่าไม่จำเป็นหรือเกิดประโยชน์อะไร เรื่องนี้นานาจิตตังครับ แล้วแต่มุมมองของใครว่าจะมองอย่างไร มองส่วนไหน แต่สำหรับผมคิดว่าจำเป็น อย่างน้อยที่สุดก็เก็บไว้ดูคนเดียวเมื่อเวลานั้นผ่านไปแล้ว ยิ่งนานเท่าไรดูจะมีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น
ในบันทึกที่ผมทำไำว้มีเป็นพันๆ เรื่องที่ขาดไม่ได้ก็คือภาพถ่ายที่ต้องนำมาลงประกอบ พี่น้องบางคนที่เคยปรากฏในภาพล้มหายตายจากไปแล้วก็มี บางคนหน้าตาเปลี่ยนไปเยอะแม้จะไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตามซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงผมด้วย (ฮา)
เมื่อเช้าพี่น้องสายตรวจอาสาอำเภอพานคนหนึ่งโทรศัพท์พูดคุยกับผมหลายเรื่องตามประสาคนรู้จักมักคุ้นกัน แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ได้อยู่ที่ สภ.พานแล้วก็ตามเนื่องจากผู้บังคับบัญชาให้ไปช่วยปฏิบัติราชการที่ สภ.เวียงป่าเป้ามีกำหนด ๓ เดือน แต่ถึงแม้จะไม่ค่้อยได้พบปะเจอะเจอกันเช่นปกติที่ผ่านมาความผูกพันที่มีอยู่ ในเรื่องความสนิทสนมและการทำงานร่วมกันยังคงเหมือนเดิม สายตรวจอาสาคนนั้นโทรบอกผมตอนหนึ่งว่าช่วงที่ผมไม่อยู่มีพี่น้องสายตรวจอาสาเสียชีวิตไป ๒-๓ คนแล้วรู้สึกใจหายเหมือนกันผมเองก็ไม่ได้ไปร่วมงานเพราะอยู่ไกลรวมถึงไม่ทราบข่าวคราว ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของพี่น้องสายตรวจอาสาย้อนหลังด้วยครับ
พูดถึงเรื่องนี้ทำให้นึกถึงพี่น้องสายตรวจอาสาทุกคนของอำเภอพาน (มีประมาณเกือบๆ ๓,๐๐๐ คน) ขึ้นมาได้ พี่น้องทุกคนล้วนแต่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับตำรวจเมืองพานมาตลอดโดยไม่นึกถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหรือยากลำบาก ทุกคนมีความคิดเหมือนกันว่า "พวกเราจะทำงานทุกอย่างเพื่อความผาสุกของพี่น้องเมืองพาน" เพราะทุกคนคือพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ของเราทั้งนั้น นี่แหละน้ำใจอันงามของพี่น้อง "สายตรวจอาสาอำเภอพาน"
คำว่า "สายตรวจอาสา" นี้เป็นคำที่พวกเราเรียกกันติดปากจนคุ้นเคยและชอบที่ให้ใครเรียกคำนี้ คำอย่างเป็นทางการขณะนี้ก็คือ "สมาชิกอาสาสมัครตำรวจบ้าน" แต่ฟังยังไงก็ไม่ค่อยกินใจเท่ากับคำว่า "สายตรวจอาสา" รวมทั้งผมเองด้วยที่จะใช้คำคำนี้จนติดปากและไม่ยอมใช้คำอื่นเลยแม้ว่าจะถูกต้องตามที่เขากำหนดให้ก็ตาม (ได้รับประสานจากพี่น้องสายตรวจอาสามาว่าใครที่ชอบพูดศัพท์อย่างเป็นทางการน่ะขอให้เปลี่ยนเป็นคำที่พวกเราคุ้นเคยได้หรือเปล่าเพราะฟังแล้วเป็นกันเองและรู้สึกว่าไม่ห่างเหินกันดี) สำหรับ "สายตรวจอาสาำอำเภอพาน" มีประวัติความเป็นมาอย่างไรผมเคยเขียนเผยแพร่ไว้แล้ว ท่านใดสนใจใคร่รู้กรุณาคลิกดูได้ที่ี่นี่
เรื่องราวที่จะนำมาบอกเล่าเก้าสิบให้ทราบกันอีกเรื่องในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสายตรวจอาสานั่้นแหละ โดยผมจะนำมาเฉพาะเรื่องการร่วมงานฌาปนกิจศพสายตรวจอาสาของเราที่ผมเคยบันทึกไว้ในบล็อกของผมซึ่งมีหลายงาน งานแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกเพราะพวกเราทำงานเคียงบ่าเีคียงไหล่กันมาตลอดแล้ววันหนึ่งมีอันต้องล้มหายตายจากกันมันเศร้าใจยังไงบอกไม่ถูก แต่ทุกคนก็ต้องมีวันนี้เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น แล้วการที่พวกเราทำงานร่วมกันมา เหน็ดเหนื่อยด้วยกัน หิวด้วยกัน อิ่มด้วยกัน สุขเศร้าด้วยกันมีหมด ทีนี้มีหรือในเมื่อพวกเราสักคนต้องมีอันจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วจะนิ่งดูดาย เป็นไปไม่ได้หรอก อย่างน้อยที่สุดก็ต้องร่วมงานร่วมกิจกรรมด้วย สำคัญที่สุดก็คือวันเสียศพซึ่งเป็นคำถิ่นทางภาคเหนือที่ภาษากลางเรียกว่า "ฌาปนกิจศพ" นั่นพวกเราซึ่งหมายถึงตำรวจ,พี่น้องสายตรวจอาสาและพี่น้องประชาชนที่รู้จักมักคุ้นจะต้องเ้ข้าร่วมด้วยเสมอ ในส่วนของผมเองนับแต่วันมารับราชการที่ สภ.พานเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ จนถึงบัดนี้ถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ จะไม่ขาดเลย หากจะถามว่าแล้วช่วยอะไรได้บ้างไหม แน่นอนคนที่ตายไปแล้วเขาไม่รู้อะไรหรอกแต่คนที่ยังอยู่ข้างหลังนี่ซิ่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกเมีย(สามี)และญาติมิตร อย่างน้อยก็กำลังใจที่มีให้ต่อกันนั่้นแหละสำคัญยิ่ง พวกเราทุกคนคิดและปฏิบัติแบบนี้มาตลอด
เอาล่ะเข้าเรื่องกันซะทีในการร่วมงานฌาปนกิจศพสายตรวจอาสาอำเภอพานที่ผมขอนำมาเฉพาะเท่าที่ผมเริ่มบันทึกข้อมูลและเผยแพร่ทางโลกไซเบอร์ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ (ก่อนหน้านั้นไม่ได้บันทึกไว้แบบนี้) มีงานใด ใครบ้าง ตามมาเลยครับ
๓๐ เมษายน ๒๕๕๑ นายจันทร์ สาฟุ่มเฟย สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๓ ตำบลเจริญเมือง
๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ นายมี เชียงคำ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๗ ตำบลทานตะวัน
๑๒ มกราคม ๒๕๕๒ นางจันทร์สม จันทร์พะยับ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๘ ตำบลเจริญเืมือง
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ นายไพฑูรย์ พญาราช สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๔ ตำบลดอยงาม
๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒ นายนิคม ใจอ้าย สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๑๕ ตำบลทรายขาว
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ นายอิ่นแก้ว กันจินะ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๑๙ ตำบลแม่อ้อ
๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓ นายบุญ กันทา สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๒๐ ตำบลเมืองพาน
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ นายศรีมูล สินธุการ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๗ ตำบลสันมะเค็ด
๗ มิถุนายน ๒๕๕๓ นายติ๊๋บ อ้ายน้อย สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๖ ตำบลป่าหุ่ง
๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ นายประเสริฐ ตุลายศ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๗ ตำบลแม่เย็น
๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๓ นายชูชาติ ใจมูลมั่ง สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๒ ตำบลทานตะวัน
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ นายสุนทร เทพวงศ์ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๑๒ ตำบลหัวง้ม
๖ กันยายน ๒๕๕๓ นายนายพุฒิ เขื่อนห้าว สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๑๓ ตำบลทรายขาว
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ นายเฉลิมพล ศรีธิเมืองใจ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๗ ตำบลม่วงคำ
๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ นายสมชัย ปุกแก้ว สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๗ ตำบลเวียงห้าว
๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ นายประจวบ เชื้อเมืองพาน สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๓ ตำบลป่าหุ่ง
๒๙ มกราคม ๒๕๕๔ นายมานพ แสนศิริ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๓ ตำบลม่วงคำ
๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ วางหรีดเคารพศพสายตำรวจอาสาตำบลดอย
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นายสมชาติ โรจะนะ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๑๐ ตำบลดอยงาม
๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ วางหรีดเคารพศพนายศิวเนตร ทองฑีฆา สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๑๒ ตำบลดอยงาม
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ ร่วมงานฌาปนกิจศพนายสมจิตร เกียรติคำ สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๖ ตำบลสันกลาง
๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ นายฤทธิ์ น้อยคำตัน สายตรวจอาสาหมู่ที่ ๑๔ ตำบลสันมะเค็ด
ครับ นั่นก็คือการร่วมงานฌาปนกิจศพสายตรวจอาสาที่บันทึกไว้ในบล็อกของผมตั้งแต่เริ่มจัดทำมาจนถึงวันนี้
ขอแสดงความเสียใจมายังครอบครัวและญาติมิตรของพี่น้องสายตรวจอาสาที่ต้องสูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับมา ณ ที่นี้ ในส่วนของตำรวจและพี่น้องประชาชนทุกคนรู้ดีว่าทุกท่านเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่นั้นต่างทุ่มเทเสียสละเพียงใด ท่านจากไปเพียงร่างกายเท่านั้นแต่คุณงามความดีจะยังคงอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป
สุขเถิดประชา สายตรวจอาสาจะคุ้มภัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น