วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ความทรงจำครั้งเยาว์วัย : ตอน “เยี่ยวรดกางเกง” (๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙)

“เอ่อ ดูเหียอู๊ดฮิ แหม่ เรื่องที่จะเขียนมีถมเถถมถืดไม่ยอมเขียน แต่มาเขียนเรื่องเยี่ยวร่ดกางเกงซะงั่น แลขลังๆ (แปลกๆ)” เนี่ยะ ผมว่านะดีไม่ดีมีพี่น้องบางคนที่พออ่านที่ผมจั่วหัวเรื่องแล้วจะต้องพูดออกมาแบบนี้แน่ๆ เอ้อ นั่นฮิ่เนาะ เรื่องที่จะเขียนมีถมเถถมถืดไม่ยอมเขียน ฮ่ะๆ ที่เขียนน่ะไม่ใช่รา (อะไรหรอก) แบบว่าอยากเขียน (พิมพ์) น่ะเพราะเหียอู๊ดเจอมากะตัวเอง เหอๆๆๆ คนอะไร “เยี่ยวรดกางเกง” แลหน้าไม่อาย
เรื่องราวนี้ผมจำได้แม่นยำว่าเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม รัตนโกสินทร์ศก ๑๘๖ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๑๐ เวลาราวใกล้ๆ ๔ โมงเย็น “แหม่ เหียอู๊ดโม้หรือปล่าว คนอะไรจะจำได้ดีขนาดนั้น” ไม่โม้หรอกครับ จริงๆ ผมจำได้แม่นยำเพราะวันนั้นเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของผมและเพื่อนๆ วัยเดียวกันอีกราวๆ ๓๐ คนในชั้น ป.๑ ที่โรงเรียนวัดพังราด (เพิ่มราษฎร์รังสรรค์) ตำบลพังราด อำเภอแกลง จังหวัดร่ะยอง โดยในยุคนั้นโรงเรียนจะเปิดเทอมวันที่ ๑๑ พฤษภาคมของทุกปีเว้นแต่ถ้าวันที่ ๑๑ ตรงกับวันหยุดก็จะเลื่อนไปเปิดในวันจันทร์ถัดไป

อย่างว่าแหละครับเด็กๆ รุ่นผมน่ะพอออกจากท้องแม่มาแล้วก็แทบไม่ได้ออกไปไหน หรือถ้าจะไปก็มักจะไปกับพ่อกับแม่เสียเป็นส่วนใหญ่รวมถึงค่อนข้างจะกลัวๆ คนแปลกหน้าที่เราไม่เคยรู้จักคุ้นเคยมาก่อนด้วย จะถามอะไรก็ไม่กล้าถาม พอถึงเวลาเขาถามมาก็ไม่อยากจะตอบแบบว่าอายน่ะ ก็ยังงงอยู่จนบัดนี้ว่าเราอายอะไรกันตอนนั้น วันแรกที่โรงเรียนเปิดได้เจอเพื่อนใหม่ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่รู้จักมาก่อนแต่อีกส่วนหนึ่งไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันทั้งๆ ที่ก็เป็นคนหมู่บ้านพังราดไทยด้วยกันนั่นแหละดังเหตุผลที่ผมว่าเมื่อตะกี๊

วันนั้นครูจอง ทองก้อน ครูใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ครูประจำชั้น ป.๑ อีกหน้าที่หนึ่งด้วยบอกให้พวกเราทำอะไรพวกเราก็ทำหมด ไม่หือไม่อือ ไม่มีปากมีเสียง ให้นั่งตรงไหน กับใครแบบไหนเราทำตามหมดโดยไม่มีใครพูดอะไรกับใครเลย และแล้วต่อมาเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น....
ใกล้ๆ ๔ โมงเย็นวันนั้นครูจองเข้ามาพูดคุยกับพวกเราพร้อมอบรมชี้แนะอะไรต่างๆ เยอะแยะเลย เช่นการเป็นนักเรียนที่ดีจะต้องทำตัวอย่างไร การทำตัวต่อพ่อแม่ผู้ปกครอง ต่อคุณครู ต่อผู้ใหญ่และสังคมรอบข้างต้องทำอย่างไรท่ามกลางฟ้าฝนที่ตกลงมาไม่หยุดหย่อนตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ พวกเราฟังครูแบบรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่งตามประสา ตอนแรกๆ ผมก็สมาธิดีหรอกครับ แต่พอตอนหลังๆ สมาธิชักไม่อยู่กะเนื้อกะตัวซะแล้ว เพราะอะไร.... อ้ะอ๊า ก็ข้าศึกน่ะซิ่ ข้าศึกมันบุกประชิดขื่อกางเกงเข้ามาทุกขณะๆ ตอนแรกๆ ก็พอจะตั้งรับมันไหวแต่ตอนหลังรับไม่ได้แล้ว ข้าศึกตีฝ่าวงล้มออกมาจนเลอะเทอะกางเกงนักเรียนตัวที่ผมนุ่งในวันแรกนั้นจนเปียกแฉะไปหมด ใช่แล้ว ใช่แล้วครับผม “เยี่ยวแตก” รดกางเกงนั่นเอง เพื่อนๆ บางคนเห็นก็ไปบอกครูจอง “ครูครับๆ เด็กตัวดำๆ คนนั้น (แล้วชี้มาทางผมเพราะเรายังไม่รู้จักชื่อกัน) เยี่ยวร่ดกางเกงครับ” เมื่อครูรู้ก็ถามผมว่าทำไมไม่บอกครูล่ะว่าปวดฉี่ ครูจะได้อนุญาต ผมก็บอกกับครูแบบอายๆ ว่า “พ้มไม่กล้าบอกครูครับ” ครูก็เลยเอา case ผมเป็นตัวอย่างบอกเพื่อนๆ ว่าต่อไปถ้ามีอะไรให้รีบบอกครูจะได้จัดการเสียให้ทันท่วงที พวกเราพูดว่า “ครับ/ค่ะ” พร้อมๆ กัน และอีกพักหนึ่งครูก็ปล่อยพวกเรากลับบ้าน
เย็นนั้นผมเดินกลับบ้านไปพร้อมกับเพื่อนๆ และรุ่นพี่ที่บ้านอยู่ทางเดียวกันโดยไม่พูดกับใครเลยซักกะคน เหอๆๆๆๆ “เยี่ยวร่ดกางเกงซะแล่วเหียอู๊ด” แลน่าสมเพด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น