วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ตำรวจไทยครบ ๑๐๑ ปี! ผบ.ตร.วอนชาวบ้านเลิกเกลียด (๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙)

ผบ.ตร.วางพานพุ่มวันตำรวจไทยครบ101ปี เผยพอใจผลงาน วอนชาวบ้านเลิกเกลียดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เมื่อเวลา ๐๖.๔๕ น. วันที่ ๑๓ ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำ คณะรองผบ.ตร. ผู้ช่วยผบ.ตร. และข้าราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำพิธีเนื่องในวันตำรวจประจำปี ๒๕๕๙ ซึ่งปีนี้ครบรอบ ๑๐๑ ปี โดยเริ่มจากสักการะพระภูมิเจ้าที่ พระนิรันตราย พระนารายณ์ จากนั้นถวายพานพ่มสักการะหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔

จากนั้นเวลา ๐๘.๐๐ น. ผบ.ตร.นำข้าราชการตำรวจเคารพธงชาติและทำพิธีเปิดใช้เสาธงใหม่ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีความสูง ๓๖ เมตร โดยผบ.ตร.กดปุ่มเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาด้วยตนเอง จากนั้นทำพิธีสงฆ์ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ข้าราชการผู้ล่วงลับ ก่อนสักการะรูปปั้นจำลอง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ เจ้าของประโยค “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ในทางที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามและกฎหมายบ้านเมือง” 

จากนั้นตามกำหนดการเวลา ๑๒.๓๐ น. ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีสดุดีข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฎิบัติหน้าที่ ที่อนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม จากนั้นเป็นการมอบของที่ระลึกธงพิทักษ์สันติราษฎร์และรูปปั้นอนุสาวรีย์พิทักษ์รับใช้ประชาชนแก่ทายาทของข้าราชการตำรวจเสียชีวิต 

คาดว่าเวลา ๑๓.๕๐ น. ผบ.ตร.จะนำกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักเรียนในร้อยตำรวจที่บริเวณลานฝึกศรียานนท์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และในช่วงค่ำประมาณ ๑๘.๓๐ น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันตำรวจที่สโมสรตำรวจด้วย 

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจว่าทำมาต่อเนื่อง หลายครั้ง ครั้งนี้ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่อยากให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง โดยขณะนี้มอบหมาย พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รรท.รองผบ.ตร.รับผิดชอบงานด้านบริหาร ดูแลเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ต่อจาก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผบ.ตร. คาดว่าอีก ๒-๓ เดือน การศึกษาแนวทางปฏิรูปตำรวจของตร.จะแล้วเสร็จ ส่งให้คณะปฏิรูปชุดใหญ่ของรัฐบาลได้ 

“ที่ผ่านมาเราปฏิรูปมาตลอด ผมให้ความสำคัญเรื่องว่าทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนเชื่อถือศรัทธาตำรวจ ตำรวจทำงานกับประชาชนใกล้ชิด บำบัดทุกข์บำรุงสุข เราทำงาน ๒ ด้านคือการบริการอำนวยความสะดวก และบังคับใช้กฎหมาย โดยงานบริการผมเน้นการบริการบนโรงพัก พยายามทำโรงพักให้ดีที่สุด ให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย เชื่อว่ายุคนี้คงไม่มีตำรวจบนโรงพักที่ไม่ต้อนรับหรือไม่เป็นมิตรกับประชาชนแล้ว หากยังพบเห็นตำรวจที่ไม่ต้อนรับไม่บริการประชาชนผมก็จะลงโทษทางปกครอง ปรับย้าย” ผบ.ตร.กล่าว 

และว่าในอดีตที่ผ่านมาที่มักมีคำกล่าวว่าตำรวจถูกแทรกแซงทางการเมือง เป็นเรื่องอดีตที่ตนขอไม่พูดถึง แต่ยืนยันว่าทุกวันนี้ไม่มีองค์กรไหนมาแทกแซงตำรวจแล้ว ตนรับผิดชอบคนเดียว รับนโยบายรัฐบาลและคสช. ไม่มีการแทรกแซงแล้ว สำหรับการดูแลขวัญกำลังใจ และสวัสดิการตำรวจก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ ให้มาดูแลอาคารที่พัก ที่ขาดแคลนอยู่จำนวนมาก 

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ๑ ปีที่ผ่านมาตนพยายามสร้างการรับรู้ให้ประชาชน ว่าตำรวจยุคคนี้จะเป็นที่รัก ได้เปลี่ยนไปแล้วไม่ทำตัวให้ประชาชนเกลียดตำรวจ นโยบายเฉพาะของตนคือปรับภาพลักษณ์ให้ประชาชนเลิกเกลียดตำรวจ ผลโพลล์ต่างๆที่ออกมาก็ออกมาว่าประชาชนพอใจมากขึ้น แต่อะไรที่ยังบกพร่องผิดพลาดก็จะแก้ไข โดยในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ตนจะมอบนโยบายระดับผบก.ขึ้นไปทั่วประเทศ จะเน้นการดูแลประชาชนเป็นหลัก ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนให้ดีขึ้น ทำอย่างไรให้ประชาชนเลิกเกลียดตำรวจ แต่ขอให้เข้าใจว่าตำรวจจับกุมแต่คนไม่ดีคนผิดกฎหมาย เรามีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเป็นธรรมดาที่คนไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณตำรวจทุกนายในรอบ ๑ ปี ที่ผ่านมาที่ช่วยกันทำงานเพื่อประชาชน ทำผลงานเป็นที่น่าพอใจและได้รับคำชมจากพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ว่าสามารถคลี่คลายเรื่องสำคัญได้ 

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวด้วยว่า การทำงานของตำรวจหลังจากนี้จะเร่งสร้างภาพลักษณ์เพื่อเรียกศรัทธาของประชาชน พร้อมให้คำมั่นสัญญาจะร่งแก้ไขปัญหาจราจรให้ดีขึ้น ให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง ยอมรับว่าปัญหาจราจรในกทม.เป็นเรื่องที่แก้ไขยาก ถนนมีแค่นี้แต่รถมากขึ้น แต่ทุกฝ่ายกำลังแก้ปัญหา ขณะที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันเชื่อว่าจะแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนได้ ขณะเดียวกันกำชับรองผบ.ตร.ที่ดูงานปราบปรามทุกท่านให้ไปดูแลแก้ปัญหา ปราบปรามอาชญากรรม รับมืออาชญากรรมที่มาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/722713

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น