วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

โม่,ที่โม่แป้ง (๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๘)

บ้านเราสมัยก่อนนั้นพวกขนมนมเนยอย่างที่มีขายกันเกลื่อนตามท้องตลาด ตามห้างสรรพสินค้าแบบสมัยนี้แทบไม่มีหรอก จะมีอยู่บ้างก็เป็นการทำขายกันเองเล็กๆ น้อยๆ ภายในหมู่บ้านแต่ก็ไม่ค่อยมีใครนิยมซื้อกินกันเพราะส่วนใหญ่เขามักจะทำเอง ยิ่งถ้าช่วงเป็นงานบุญล่ะก็เขามักจะทำกันที่บ้านเพื่อเอาไปถวายพระ

การทำขนมนมเนยอย่างที่ว่าน่ะทำแต่ละทีลำบากลำบน ใช้เวลานานอย่างน้อยก็ครึ่งค่อนวันหรือเป็นวันเลยก็มีเพราะก่อนจะทำน่ะต้องเอาแป้งหรือข้าวไปแช่น้ำไว้ก่อนรอจนกว่าข้าวจะยุ่ยได้ที่ถึงเอาไปโม่ การโม่ก็จะใช้ “โม่” หรือ “ที่โม่แป้ง” ซึ่งทำด้วยหินที่บ้านเรือนส่วนใหญ่จะมีถ้าไม่มีก็ไปหยิบไปยืมข้างๆ บ้านนั่นแหละไม่มีใครเขาหวง

การโม่แป้งนี่ถือว่าเป็นความสามัคคีอย่างหนึ่งที่คนในครอบครัว พ่อแม่ลูกจะมาช่วยกัน พ่อเป็นคนโม่ แม่เป็นคนใช้ช้อนตักแป้งที่แช่หยอดหลุม ส่วนลูกๆ ก็ช่วยนั่นช่วยนี่ตามประสาซึ่งกว่าแป้งจะหมดใช้เวลาพอสมควรแต่ก็เป็นอะไรที่สนุก มีความสุข โม่ไปคุยกันไปกะหนุงกะหนิง

อีกอย่างหนึ่งที่ผมเคยเห็นมาตอนเป็นเด็กๆ น่ะหนุ่มๆ เขาจะใช้โอกาสนี้ “จีบสาว” ไปในตัวโดยสาวบ้านไหนที่จะทำขนมมักจะนัดหนุ่มๆ ไว้ล่วงหน้าว่าวันนั้นวันนี้ที่บ้านจะทำขนมนะถ้าว่างให้ไปช่วยโม่แป้งหน่อย แหม่ แบบนี้หนุ่มคนไหนถ้าตอบว่าไม่ว่างก็ผิดคนแล้วยิ่งถ้าตัวเองมีใจพิสวาสต่อสาวคนนั้นด้วยรับรองไปช่วยทันทีไม่ว่าการโม่แป้งครั้งนั้นจะใช้เวลานานเท่าไรก็ไม่มีการบ่น บางคนชอบซะอีกยิ่งนานยิ่งดี

สมัยนี้ “โม่” หรือ “ที่โม่แป้ง” ที่ว่าเนี่ยถ้ายังมีอยู่ก็มีเฉพาะเอาเก็บไว้ในบ้านเฉยๆ ไอ้ที่จะนำมาใช้แบบตะก่อนน่ะแทบไม่มีแล้ว อย่างว่าเนาะกาลเวลาเปลี่ยนไปทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาโลก
เอ้า พี่น่องบ้านเราคนไหนเคยช่ายโม่โม่แป้งมั่ง เป็นงา ส้ะหนุกแม้ ไหนบอกให้ฟังหน่อยฮิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น