“จำไว่หนะลูก
ตอนนี่น่ะเถ้าคำร่ะยองบ้านเราเค้าก็เรียกว่าลูกเป็นเจ้าคนนายคนแล่ว
แต่ไม่ใช่นายของป้ะชาชนหนะ ต่อไปลูกอาจจะโตเป็นนายพันนายพลแต่ก็ไม่ใช่นายป้ะชาชนอยู่ดีแหนะ
จ้ะใหญ่ก็ฉ่ะเพ่าะ(เฉพาะ)ก๊ะตำรวจด้วยกันเท่านั่น จ้ะใหญ่กว่าป้ะชาชนไม่ได้
อย่าเก้ก (เก๊ก:ประมาณคำว่าแอ๊กอ๊าด,วางมาดครับ) ก๊ะป้ะชาชน ไม่มีใครเค้าชอบเหาะ แล่วมันก็ไม่ดีด้วย
จำไว่หนะลูก”
ข้อความที่เพาะเหียน
แมะเผือน มัจฉา พูดกับผมจนผมจำติดหูถึงเดี๋ยวนี้ในวันรับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๖
กลางวันไป กลางคืนมา หาอีกหน,หมุนเวียนวน เช่นนี้ ชั่วปีชาติ
เฉกเช่นกัน ยามนี้ ที่แน่ชัด,ต้องราตรี- สวัสดิ์ กันละนะ
ขอน้องพี่ ฝันดี คืนนี้ครับ,รุ่งเช้ากลับ มาพบ กันใหม่จ้ะ
แต่อย่าลืม ฝันถึงกัน บ้างนะจ๊ะ,บ๊ายบายจ้ะ หลับนะ จ.จ.จ.(จากใจจริง)
กลางวันไป กลางคืนมา หาอีกหน,หมุนเวียนวน เช่นนี้ ชั่วปีชาติ
เฉกเช่นกัน ยามนี้ ที่แน่ชัด,ต้องราตรี- สวัสดิ์ กันละนะ
ขอน้องพี่ ฝันดี คืนนี้ครับ,รุ่งเช้ากลับ มาพบ กันใหม่จ้ะ
แต่อย่าลืม ฝันถึงกัน บ้างนะจ๊ะ,บ๊ายบายจ้ะ หลับนะ จ.จ.จ.(จากใจจริง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น