วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เครือข่าย "เหยื่อเมาแล้วขับ" ร่วมรณรงค์ช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๔ (๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๓)

สวัสดีทุกท่านครับ

วันนี้วันเสาร์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล รัตนโกสินทรศก ๒๒๙ ตรงกับวันที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๓ ปี อีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๔ กันแล้ว

ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้เจ้่าหน้าที่ตำรวจเรารวมถึงหน่วยงานที่เ้กี่ยวข้องจะดำเนินการช่วงปฏิบัติการเข้มข้นหรือที่มักจะเรียกกันติดปากว่า "๗ วันอันตราย" ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งในส่วนการปฏิบัติของ สภ.พานนั้นผมได้นำข้อมูลบางส่วนมารายงานให้ทราบแล้วเมื่อวานนี้ว่าเราจะทำอะุไรกันบ้าง

เป็นที่น่ายินดีว่าการปฏิบัติของเรานั้นได้รับความร่วมมือจากพี่น้องเป็นอย่างดีรวมไปถึงพี่น้องอีกส่วนหนึ่งที่ต้องประสบเคราะห์กรรมหรือได้รับผลร้ายจากอุบัติเหตุจนต้องพิกลพิการ ทุพพลภาพ แต่พี่น้องเหล่านั้นก็ยังมีน้ำใจที่จะมาบอกมารายงานให้พวกเรารวมถึงพี่น้องที่เดินทางผ่านไปมาได้รับรู้รับทราบถึงผลร้ายเหล่านั้นว่าเกิดมาจากสิ่งใดและควรจะแก้ไขหลีกเลี่ยงหรือปฏิืบัติอย่างไรจึงจะได้ไม่ต้องเป็นเหมือนพวกเขา พี่น้องเหล่านี้ก็คือเครือข่าย "เหยื่อเมาแล้วขับ" ซึ่งมีภูมิลำเนาในเขตท้องที่อำเภอพานของเรานั่นเอง

พี่น้องเครือข่าย "เหยื่อเมาแล้วขับ" นี้มาร่วมรณรงค์กับพวกเราตั้งแต่เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ประจำปี ๒๕๕๓ ที่ผ่่านมาและปีนี้ก็ได้รับแจ้งว่าจะมาร่วมรณรงค์กับพวกเราอีกเหมือนเดิม ซึ่งในวันนี้ผมขออนุญาตนำเรื่องราวและภาพประกอบบางส่วนที่ผมจัดทำไว้เมื่อครั้งการณรงค์ช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๓ ที่หน่วยบริการประชาชนตำบลแม่เย็นมารายงานให้ทราบซึ่งมีดังนี้ครับ



"เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ ผมปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าจุดตรวจประจำหน่วยบริการประชาชนหรือตู้ยามตำบลแม่เย็นซึ่งเป็น ๑ ใน ๓ จุดตรวจหลักช่วงเทศกาลนี้ของ สภ.พานเรา เท่าที่สังเกตตั้งแต่เช้าที่มารับเวรเวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น.รถราเริ่มมากขึ้นแล้วโดยเฉพาะช่วงขาขึ้นที่พี่น้องเดินทางเข้าเชียงรายกัน การปฏิบัติของพวกเรา ณ จุดนี้จะเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกเสียมากกว่า เราจัดทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ,พี่น้องสายตรวจอาสาและเจ้าหน้าที่ อปพร.ร่วมปฏิบัติ และที่สำคัญครับเช้าวันนี้มีพี่น้องเครือข่าย เหยื่อเมาแล้วขับ จำนวนหนึ่งมาร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกับพวกเรา


การรณรงค์ของเครือข่ายนั้นนอกจากจะพบปะพูดคุยกับพี่น้องที่สัญจรไปมาผ่านจุดตรวจของเราแล้วยังแจกจ่ายแผ่นปลิว แผ่นพับ รวมถึงภาพอันเป็นมงคลขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยอีกด้วย



ผมได้สัมภาษณ์เครือข่ายที่มาร่วมรณรงค์กับเราช่วงเที่ยงเศษๆ ซึ่งทุกคนต่างเต็มใจและมีความยินดียิ่งที่จะได้นำอุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองให้คนอื่นรับรู้รับทราบ สำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ผมขอสรุปเป็นข้อๆ เพื่อความเข้าใจง่ายๆ ดังนี้
๑. ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครือข่ายมีทั้งต้องพิการไม่สามารถเดินได้โดยต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดชีวิต
๒. สูญเสียอวัยวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งขาข้างหนึ่งและใส่ขาเทียมตลอดไป



สาเหตุของการพิการในครั้งนี้สรุปได้ว่า

๑. เกิดจากตัวของเครือข่ายเอง ซึ่งบางคนบอกว่าก่อนที่จะเกิดเหตุนั้นตัวเองเป็นคนดื่มเหล้าเมายาเหมือนคนอื่นๆ จำนวนหนึ่งนั่นแหละ ทีนี้เมื่อดื่มได้ที่จนเมาแล้วก็ขับรถ ขับไปขับมาด้วยความเมาครองสติไม่ได้เลยเกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้นทำให้ถึงขนาดต้องสูญเสียอวัยวะที่สำคัญคือขาไปข้างหนึ่ง จนต้องใส่ขาเทียมไปตลอดชีวิต
๒. เกิดจากการกระทำของคนอื่นที่เมาแล้วขับรถโดยที่เหยื่อหรือผู้ได้รับความเสียหายนั้นไม่มีส่วนร่วมก่อด้วย ซึ่งท่านหนึ่งนั้นบอกว่าตอนก่อนจะเกิดเหตุตัวเองอยู่ระหว่างขับขี่รถมอเตอร์ไซค์จะกลับบ้าน สักพักหนึ่งมีรถซึ่งขับตามหลังมาชนเข้าอย่างจังทำให้ต้องพิการเป็นอัมพาตและนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตโดยคนขับรถที่ชนนั้นมีอาการเมาสุราจนครองสติไม่ได้
๓. ทุกคนในเครือข่ายที่ให้สัมภาษณ์วันนี้บอกตรงกันว่าจะต้องมีภาระเลี้ยงดูลูกดูครอบครัวอีกมากแต่ตัวเองต้องมาได้รับความเสียหายบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจ แทนที่จะเป็นตัวหลักในการเลี้ยงดูคนอื่นแต่ต้องเป็นภาระคนอื่นที่ต้องมาเลี้ยงดูแลเช่นนี้จึงทำให้จิตใจหดหู่และท้อแท้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน



ในตอนท้ายพี่น้องที่ให้สัมภาษณ์ฝากข้อคิดไว้ว่าเหตุที่เกิดกับตัวเองนั้นมาจากสุราหรือการเมาเหล้าเมายาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตนเองก่อขึ้นหรือคนอื่นเป็นคนก่อ จึงอยากจะวิงวอนพี่น้องทุกคนว่าในเวลาขับรถขับราขอให้งดการดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เสียจะดีกว่า หรือหากทำไม่ได้ก็ควรให้คนอื่นเป็นคนขับแทนเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ก็ขอฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่านในวันก่อนสิ้นปี ๒๕๕๓ นี้ด้วย

สวัสดีครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น