วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ถ้าอ้าย สวป.เป็นผม อ้ายจะยะจะใด (๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๔ )


บ่ายสองโมงเศษๆ ของวันหนึ่งขณะที่ผมอยู่ที่ห้องทำงานมีชายคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จักมาก่อน อายุอ่อนกว่าผมราวๆ ๒-๓ ปีเข้าไปหา หน้าตาค่อนข้างเครียดสงสัยจะมีเรื่องอะไรซักอย่าง

"สวัสดีครับ อ้าย สวป.แม่นก่อครับ" ชายคนนั้นทักผม

"ครับผม พ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา สวป.สภ.พาน มีอะไรจะให้ผมรับใช้ครับ" ผมทักตอบ

"ก็บ่มีหยังนักครับ ผมแค่อยากเอาเอกสารอย่างหนึ่้งหื้ออ้ายผ่อ(ดู)หน่อยเท่านั้น" เขาตอบ

"ได้เลยครับ เอกสารอะไรหรือน้อง" ผมถาม

เมื่อพูดเสร็จน้องคนนั้นก็ล้วงกระดาษจากกระเป๋าใส่สตางค์เอามาให้ผมแผ่นหนึ่งเป็นกระดาษขาวหม่น รูปร่า่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างประมาณ ๓ นิ้ว ยาวประมาณ ๔ นิ้่ว ผมรับมาดู

"อ๋อ ใบเสร็จเปรียบเทียบปรับคดีจราจรนี่เอง แล้วน้องมีอะไรจะให้ผมช่วยเหลือครับ" ผมพูดและดูรายละเอียดในใบเสร็จนั้นซึ่งมีลายมือชื่อพนักงานสอบสวนและผู้ต้องหาเซ็นกำกับไว้พร้อมจำนวนเงินเปรียบเทียบปรับ ๑๐๐ บาทถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย

"ก็ไม่มีหยังนักอีกแหละครับอ้าย ใบเสร็จนี้ผมโดนเอง ลายเซ็นผู้ต้องหานี่ก็ผมเอง" เขาตอบ

"เอ้อ หรือน้องอาจจะข้องใจการปฏิบัติของตำรวจ ไม่เป็นไรมีอะไรบอกมาได้เลยผมจะอธิบายให้ฟัง"

"เรื่องติดใจการปฏิบัติของตำรวจน่ะผมบ่ติดใจหรอกอ้าย ตำรวจเปิ้นก็ดี๊ดี อู้จายิ้มแย้มแจ่มใสน่าฮักอีกต่างหาก"

"แล้วไงล่ะน้อง ผมไม่เข้าใจ ตกลงน้องจะให้ช่วยอะไร" ผมซัก

"ผมแค่ใค่(อยาก)ถามอ้าย สวป.หน่อยเท่านั้่นแหละว่าถ้าอ้ายเป็นผมอ้ายจะยะจะใด(ทำแบบไหน)" เขาตอบ

"ยังไงครับ ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่ามาเลยน้องเรื่องราวมันเป็นยังไง"

"ก็อ้ายบ่หันก๊ะ(เห็นหรือ)ตรงข้อกล่าวหาน่ะผมถูกกล่าวหาว่า "เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ไม่จัดให้คนโดยสารซึ่งนั่้งที่นั่งตอนหน้าแถวเดียวกับที่นั่งผู้ขับขี่รัดร่า่งกายไว้กับที่นั่งด้วยเข็มขัดนิรภัย" น้องเขาบอกต่อ

"เอ้อน้อง ผมว่าตำรวจคนจับเขาก็ทำถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะเพราะข้อหานี้มีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๓๘ มาตรา ๑๒๓ ถ้าน้องไม่เชื่อผมจะเปิดกฎหมายให้ดู รอแป๊บนะ" ผมอธิบาย

"บ่ต้องหรอกครับอ้าย สวป.เรื่องนี้ผมบ่ติดใจ ตำรวจทำถูกต้องแล้ว" เขา่เล่าต่อ

"แล้วตกลงน้องจะให้ผมช่วยเหลืออะไรล่ะ" ผมชักงงๆ

"ก็เพียงแค่ผมใค่ถามอ้าย สวป.ว่าถ้าอ้ายเป็นผมอ้ายจะยะจะใด ก่อนขึ้นรถผมก็บอกให้คนคนนั้นคาดเข็มขัดแล้วแต่เปิ้นบ่เจื้อแล้วก็บ่ยอมฟังผม ผมว่าจะใดเปิ้นก็บ่ฟัง แถมยังทำหน้าทำตาบูดบึ้งใส่ผมอีกต่างหาก"

น้องคนนั้นพูดมาถึงตอนนี้แล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะพูดต่อไปว่า "ก็คนคนนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่้บ้านผมน่ะอ้าย เนี่ยะ ถ้าอ้ายเป็นผม อ้ายจะกล้ายะก่อ แล้วถ้ากล้า อ้ายจะยะจะใด ถามแต๊
"

************************************************************
รักตำรวจ เกลียดตำรวจ มีปัญหาอย่าลืมเรียกใช้ตำรวจนะครับ

************************************************************

ภาพบรรยากาศหลังโรงพักเวียงป่าเป้าช่วงเวลาประมาณ ๕ โมงเย็นวันนี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น