วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ระวังยุคมืดของตำรวจ (๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙)

ระวังยุคมืดของตำรวจ : บทบรรณาธิการประจำวันที่ ๑๑ พ.ค.๒๕๕๙


การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบอำนาจผ่านมาตรา ๔๔ ให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใช้ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ อาจดูเหมือนเป็นเครื่องมือหรืออาวุธลับที่จะทำให้บัญชีรายชื่อต่างๆ ของทุกกองบัญชาการผ่านการกลั่นกรองและแต่งตั้งได้ง่ายขึ้น เพราะผบ.ตร.มีอำนาจอยู่ในมือ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ง่ายอย่างที่นายกฯ คิดเพราะมีอำนาจนอกเหนือจากผบ.ตร. เข้ามาแทรกแซงและคนส่งรายชื่อนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงไปถึงสารวัตรนั้นมีหลายโผ เพียงแต่ ผบ.ตร.เซ็นผ่านไปตามหน้าที่เท่านั้น ส่วนจะได้ตำแหน่งมาเลือกคนมากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เท่าที่มีข่าวผู้นำตำรวจเองก็ไม่ได้เท่าไรนัก ตำแหน่งหลักๆ ตกเป็นของศูนย์อำนาจใหญ่ในรัฐบาลเอง ปัญหาสำคัญคือ ได้คนไม่ตรงกัับงาน มีการวิ่งเต้นกันมาก กระแสเรื่องเงินซื้อตำแหน่งสะพัดไปทั่ว ทำให้องค์รวมเสียหายทั้งแง่การทำงานและภาพลักษณ์ ผลที่ตามมาตกอยู่กับประชาชน
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจผ่าทางตันการแต่งตั้งตำรวจด้วยมาตรา ๔๔ เพื่อเคลียร์ปัญหาให้ผบ.ตร. แต่กลับมีเสียงสะท้อนกลับมาทำนองกฎหมายพิเศษนี้ทำให้คนใหญ่ในรัฐบาลจัดสรรตำแหน่งระดับผู้กำกับลงไปถึงสารวัตรได้ง่าย เพราะผบ.ตร.มีอำนาจ ในขณะที่ผู้บัญชาการภาคหรือหน่วยหลักไม่ได้วางคนที่จะทำงานด้วยตัวเอง นโยบายที่มีอยู่จึงปฏิบัติไม่ได้ในทางปฏิบัติ ขณะที่นายตำรวจที่วิ่งเต้นมาลงในตำแหน่งเกรดเอ พื้นที่ทำเลทองที่มีผลประโยชน์ก็ต้องถอนทุนและเรียกรับผลประโยชน์ตามที่ตัวต้องการ นายตำรวจไม่น้อยที่มีความรู้ความสามารถต้องถอดใจและปล่อยความก้าวหน้าไปตามยถากรรม ทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมลงทุกขณะ เรื่องการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองนี้ใช่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่รู้ เพราะในยุคที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ในรัฐบาลผ่านการเลือกตั้งก็เคยโดนแทรกแซงมาแล้วยังทรงตัวแถบไม่อยู่ ดังนั้นจะว่าไม่รู้ก็คงไม่ใช่ อาจมองว่ารัฐบาลตัวเองมาจากข้าราชการทหารส่วนใหญ่คิดว่า คุณธรรมมีมากกว่านักการเมือง ในทางปฏิบัติไปถามตำรวจคนไหนก็ได้ว่ายุคนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกแทรกแซงจากใครและผู้ใดอยู่เบื้องหลังการแต่งตั้งตัวจริง
ระบบคุณธรรมยังไม่ต้องพูดถึง เอาแค่ตำแหน่งที่มีอยู่จัดสรรให้ลงตัวยังยากทำให้เสียโอกาสมากมาย โดยหลักการบัญชีโยกย้ายจะต้องเสร็จก่อนเดือนตุลาคม ปีงบประมาณ แต่หลายปีที่ผ่านมาการแต่งตั้งโยกย้ายมีความล่าช้ามาตลอด โดยเฉพาะโผระดับรองผู้บังคับการลงไปถึงสารวัตร เมื่อล่าช้าสิทธิต่างๆ ง่ายๆ เช่นเงินประจำตำแหน่งก็ไม่ได้รับตรง นายตำรวจที่ได้ขึ้นตำแหน่งผู้กำกับ เพื่อครองยศ พ.ต.อ.ก่อนเกษียณ ก็ได้แต่งเครื่องแบบสุดท้ายเพียงไม่กี่เดือน นี่คือเรื่องง่ายๆ ที่เห็นกัน ยังไม่นับสิทธิหรือโอกาสต่างๆ อีกมาก ที่สำคัญคือ การเลื่อนโผแต่งตั้งออกไปจากที่ควรเป็นจะกระทบต่อการทำงานโดยตรง ตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาต่างรู้ดี การจะใช้งานระดับรองผู้บังคับการ หรือรองผู้บังคับการจะใช้งานผู้กำกับหรือสารวัตร ก็ไม่ได้เต็มร้อยเพราะต้องใช้เวลาในการวิ่งเต้นรักษาเก้าอี้บ้าง ขอเลื่อนตำแหน่งบ้าง โยกย้ายออกนอกหน่วยบ้าง นี่คือความเป็นจริงในแวดวงนี้ กระทั่งมีเสียงที่นายกรัฐมนตรีควรรับฟังว่ายุครัฐบาลเลือกตั้งกับยุคนี้ไม่รู้อันไหนมืดกว่ากัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น