ไร้ซึ่งแสงสี ไม่มีสีสัน ตกย่ำค่ำพลัน เข้าฐานบ้านช่อง
ไร้คนสนใจ มาหมายเมียงมอง หมดสิทธิ์เรียกร้อง ขอความเมตตา
ไร้ซึ่งเส้นสาย ไร้ใครมองเห็น เช้าย่ำค่ำเย็น ไร้คนเห็นหน้า
ไร้ซึ่งชื่อเสียง เพียงเอ่ยวาจา เขาคงถามว่า สูเจ้าเป็นใคร
มีเส้นมีสาย เขาย้ายหนีกัน คงเหลือเพียงฉัน และมิตรสหาย
อยู่เหย้าเฝ้าแม่ จริมเดียวดาย ตะโกนให้ตาย ก็ไม่ได้ยิน
ช่างเถอะช่างเขา เราทำหน้าที่ ที่ตัวเรามี ให้ดีพร้อมสิ้น
จะสนใจไย ใครเขาได้ยิน เชื่อว่าฟ้าดิน คงเป็นพยาน
ไร้ซึ่งแสงสี ไร้ซึ่งเส้นสาย ใช่ตายที่ไหน ใช่ไหมล่ะท่าน
สู้สู้สู้สู้ จงสู้กับมัน จนกว่าเรานั้น วายปราณสิ้นลม
...นายทั้งหลายต้องตั้งคำถามว่า ต้องการให้ลูกน้องมาใกล้ชิดเพื่อดูแลนาย และสุดท้ายก็วิ่งเต้นขอยกเว้นกฎเกณฑ์ หรือใช้ช่องว่างข้อจำกัดของกฎเกณฑ์เพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์ด้วยลีลาทั้งอ้อนวอน ทั้งกดดันนาย หรือว่าต้องการให้ลูกน้องไปมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน เพื่อให้ประชาชนรัก...
...ถ้านายผู้มีอำนาจของตำรวจไม่แข็งแกร่งพอ ต้องการการดูแล ก็จงปล่อยทิ้งประชาชนไปเถอะ หากแต่ก่อนที่จะทิ้งภารกิจหน้าที่เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกน้องที่ใกล้ชิดนั้น นายก็ต้องไม่ลืมสัจธรรมความจริงข้อหนึ่งที่ว่า อำนาจมิได้อยู่ค้ำฟ้า คงทน ถาวร หากแต่แปรเปลี่ยนไปตามบริบทแห่งเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาด้วยเช่นกัน...
... เมื่อท่านหมดอำนาจ บุคคลที่คาดหวังและกดดันท่าน รวมถึงหลอกล่อดูแลปรนเปรอจนทำให้ท่านหลงลืมหน้าที่ของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดีก็จะหายวับไปกับตาด้วย...
...ความสัมพันธ์ที่สนิทเสน่หาแบบเทียมๆ เป็นแค่เพียงภาพลวงตา สู้หันกลับมาพัฒนาระบบงาน กำหนดกฎเกณฑ์กติกาในการบริหารงานบุคคลให้มีช่องว่างช่องโหว่น้อยที่สุดเพื่อให้ตำรวจผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่มีความสุขก่อนที่จะพ้นจากวาระหน้าที่ไป ไม่ว่าจะด้วยเกษียณอายุ หรือด้วยเหตุใดก็ตามที...
ส่วนหนึ่งในบทความ "ย้ายตำรวจหรือว่าตำรวจทิ้งประชาชน? : โลกตำรวจ โดยผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข" http://www.komchadluek.net/detail/20150603/207374.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น