วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ติดต่อประสานงานกับ อบต.หมอเมือง (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗)

วันนี้เวลาประมาณ ๑๑.๒๐ น.ผมในฐานะรักษาราชการแทน ผกก.สภ.แม่จริมเดินทางไปติดต่อประสานงานกับปลัดและ จนท.อบต.หมอเมืองตามนโยบายการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับตำรวจ ณ อบต.หมอเมืองซึ่งได้รับการต้อนรับรวมถึงให้ความร่วมมือต่างๆ เป็นอย่างดียิ่ง จึงขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกท่านมา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูงครับ
สำหรับนโยบายส่วนหนึ่งของ ผบ.ตร.ท่านปัจจุบัน (พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง) ที่เกี่ยวกับเรื่องที่พูดถึงและผมนำไปปฏิบัติในครั้งนี้มีดังนี้

๕.๕ ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน เครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน มีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการท้องถิ่นและชุมชน โดยสถานีตำรวจต้องพร้อมรับฟังความคิดเห็นและสนองตอบต่อความต้องการของประชาชน






















หมายเหตุ : พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำหนดวิสัยทัศน์ "พิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นที่รักของประชาชน" พร้อมทั้งมอบนโยบาย ๘ ข้อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศยึดถือปฏิบัติ ในโอกาสขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ดังนี้

๑.ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์
๑.๑ รณรงค์ เทิดทูนและเสริมสร้างความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณให้คนในชาติมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
๑.๒ เฝ้าระวัง ตรวจสอบ ดำเนินการเกี่ยวกับการกระทำความผิดในการละเมิดสถาบันทุกด้านและดำเนินคดีโดยเด็ดขาด
๑.๓.พัฒนากลไกการถวายความปลอดภัยของสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้มีมาตรฐานและประสิทธิภาพสูงสุด
๑.๔ กำหนดมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะเนื้อหาไม่เหมาะสมและส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และ
๑.๕ ส่งเสริมและสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ


๒.รักษาความมั่นคงของชาติและแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
๒.๑ เร่งรัด ติดตามจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดต่อสถาบัน ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตลอดจนความผิดที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งการสืบสวนขยายผลกลุ่มเครือข่ายในคดีความผิดที่มีการใช้อาวุธปืนสงคราม วัตถุระเบิดอย่างเฉียบขาดและจริงจัง
๒.๒ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสถานการณ์ในภาวะวิกฤต การรักษาความสงบเรียบร้อย การชุมนุมเรียกร้องหรือต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยผลักดันให้มีกฎหมายที่เกี่ยวกับการชุมนุมในที่สาธารณะ เพื่อลดผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น

๒.๓ รณรงค์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ร่วมกับศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปให้เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อประเทศเพื่อนบ้านทุกระดับ เพื่อสร้างพันธมิตรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง
๒.๔ เร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยน้อมนำกระแสพระราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นหลักปฏิบัติ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ขยายกลุ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และ
๒.๕ ควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กระทบต่อการดำรงชีวิตตามปกติของประชาชนน้อยที่สุด



๓.ป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในทุกระดับ
๓.๑ กำหนดมาตรการแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในทุกหน่วยงาน โดยมุ่งเน้นการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารงานที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
๓.๒ ปลูกฝังค่านิยมให้แก่ข้าราชการตำรวจทุกระดับดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาต้องเป็นต้นแบบในการประพฤติปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
๓.๓ ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับติดตามเอาใจใส่ มิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุจริตประพฤติมิชอบโดยสังเกตการณ์ขจัดเหตุที่อาจก่อให้เกิดการกระทำผิด และต้องกวดขัน ควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ เป็นผลดีต่อทางราชการ
๓.๔ แต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจทั้งในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการ กองบังคับการและกองกำกับการ เพื่อให้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบติดตามความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาในหน่วยงานตามลำดับชั้น 

๓.๕ ดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 

๔.ป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด
๔.๑ ปราบปรามจับกุมผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้ลำเลียงยาเสพติดในทุกระดับอย่างจริงจัง เน้นการสกัดกั้นจุดเสี่ยงและจุดผ่านแนวชายแดน เพิ่มประสิทธิภาพสกัดกั้นป้องกันมิให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นใน สืบสวนปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทั้งในและต่างประเทศ ยกระดับมาตรฐานด้านการข่าวเชื่อมโยงข้อมูลเครือข่ายยาเสพติดต่างประเทศกับกลุ่มผู้ค้าภายในประเทศ
๔.๒ เร่งรัดมาตรการยึดทรัพย์ มาตรการสมคบ และการฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามกฎหมาย โดยรวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อทำลายสถานภาพทางเศรษฐกิจของผู้ผลิต ผู้ค้าและผู้ที่เกี่ยวข้อง
๔.๓ แสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน โรงเรียน และสถานประกอบการต่างๆ และกำหนดมาตรการในการป้องกันกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยง จัดระเบียบสังคม และเข้มงวดกวดขันอบายมุขในพื้นที่อย่างจริงจังไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุมและแพร่ระบาดของยาเสพติด
๔.๔ เร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับยาเสพติด ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสพรายงานตัวเข้ารับการบำบัดโดยสมัครใจ มีกลไกติดตามช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ และ
๔.๕ ควบคุม ดูแลความประพฤติของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้นและป้องกันไม่ให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อขบวนการค้ายาเสพติดหรือกระทำผิดเสียเอง


๕.พิทักษ์รับใช้ให้บริการประชาชนในทุกมิติ ทั้งการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการอำนวยความยุติธรรมเพื่อให้ตำรวจเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้อย่างแท้จริง
๕.๑ ระดมสรรพกำลังให้สถานีตำรวจเพิ่มมาตรฐานการปฏิบัติงาน 
โดยเฉพาะการบริการรับใช้ประชาชนให้สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม ตามหลักธรรมาภิบาล ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจเป็นมิตร มีความพึงพอใจ รักและศรัทธาตำรวจ
๕.๒ ยกระดับมาตรฐานการรักษาความสงบเรียบร้อยและการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมเฉพาะทาง เช่น การโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ การค้ามนุษย์ ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ เช่นกล้องวงจรปิด (CCTV) ระบบบอกตำแหน่งพิกัด (GPS) กล้องติดรถยนต์สายตรวจ ฯลฯ
๕.๓ บังคับใช้กฎหมายและ
การอำนวยความยุติธรรมทางคดีอาญาด้วยความเสมอภาค เป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติ พนักงานสอบสวนต้องทำสำนวนยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรม สร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธาในกระบวนการสอบสวนดำเนินคดีอาญา กำหนดมาตรฐานการสอบสวนให้เป็นที่ยอมรับ
๕.๔ เพิ่มประสิทธิภาพระบบงานสายตรวจพร้อมระงับเหตุ และเพิ่มความถี่การตรวจ ทำให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย พัฒนาระบบศูนย์รับแจ้งเหตุให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รับแจ้งเหตุ ๒๔ ชั่วโมง ถึงที่เกิดเหตุเร็วที่สุด สถานีตำรวจต้องปรับปรุงภูมิทัศน์และที่พักสายตรวจหรือหน่วยบริการประชาชน (ป้อมตำรวจ) ให้เอื้อต่อการบริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service) และ
๕.๕ ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน เครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน มีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการท้องถิ่นและชุมชน โดยสถานีตำรวจต้องพร้อมรับฟังความคิดเห็นและสนองตอบต่อความต้องการของประชาชน


๖.อำนวยการจัดการจราจรอย่างเป็นระบบ ทันสมัยซื่อสัตย์สุจริต 
๖.๑ บริหารจัดการจราจรอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทุกโครงข่ายจราจรและบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
๖.๒ ศึกษา วิเคราะห์ วางแผนป้องกันและลดอุบัติเหตุทางการจราจรอย่างเป็นระบบ
๖.๓ ยกระดับมาตรฐานการจัดการจราจร นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ เช่น กล้องตรวจจับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟ หรือสัญญาณจราจรต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพระบบใบสั่งจราจรออนไลน์ เพื่อความคล่องตัว
๖.๔ ปลูกจิต
สำนึกตำรวจจราจรปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สุภาพและยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ และ
๖.๕ ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร เมื่อกระทำผิดต้องยอมรับการดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่เสนอสินบนให้ตำรวจจราจร


๗.บริหารจัดการให้ตำรวจดำรงชีพได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีและเป็นที่รักของประชาชน
๗.๑ ยกระดับสวัสดิการด้านความเป็นอยู่ของตำรวจให้อยู่ดีมีสุขแบบพอเพียง สร้างที่พักอาศัยให้ตำรวจและครอบครัวอย่างเพียงพอเหมาะสมตามแนวทาง "อยู่พอดี มีพอใช้ ใจเป็นสุข"
๗.๒ จัดหาอุปกรณ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ พาหนะ เครื่องมือที่จำเป็นในการปฏิบัติงานให้เพียงพอและเหมาะสมกับจำนวนกำลังพลตามสัดส่วนความหนาแน่นของประชากรและสภาพปัญหาอาชญากรรม
๗.๓ บริหารงานกำลังพลทั้งการแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนเงินเดือน การปูนบำเหน็จความชอบ การลงโทษทางวินัยโดยยึดหลักคุณธรรม โปร่งใส สร้างหลักเกณฑ์เป็นที่ยอมรับ
๗.๔ ส่งเสริม แนะนำ ฝึกอบรมให้ความรู้ทักษะทางด้านวิชาชีพและการดำรงชีวิตเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเกษียณอายุราชการ และ
๗.๕ ส่งเสริมภาพลักษณ์ กระบวนงาน มาตรการในการดำเนินงานบริการรับใช้ประชาชนและผลการปฏิบัติงานให้ประชาชนได้รับรู้ตามช่องทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างศรัทธาต่อองค์กรตำรวจ


๘.เตรียมความพร้อมสูงสุดเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
๘.๑ เร่งรัด ติดตาม การปฏิบัติของทุกหน่วยงาน และประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานภายนอกเพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
๘.๒ พัฒนาหน่วยฝึกอบรมต่างๆ ให้มีความพร้อม มีมาตรฐาน มีขีดความสามารถรองรับการฝึกอบรมตำรวจให้มีความเชี่ยวชาญ ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล
๘.๓ ส่งเสริมให้ตำรวจทุกระดับ มีความรู้ ทักษะโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ รวมทั้งภาษาของประเทศในกลุ่มอาเซียน 8.4 ปรับปรุงสถานีตำรวจเส้นทางหลวงแผ่นดินซึ่งเชื่อมโยงโครงข่ายประเทศอาเซียน (Asian Highway Route) ให้พร้อมบริการแก่ประชากรอาเซียน 
และ
๘.๕ เตรียมความพร้อมบังคับใช้กฎหมาย แก้ไขปรับปรุงกฎหมายระหว่างประเทศอาเซียน เพื่อทำความตกลงในการปฏิบัติร่วมกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งประชาชนทุกประเทศสมาชิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น