วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

ศัพท์เสียงสำเนียงร่ะยองเพื่อพี่น้องไทย : “ตบแป้ง” (๒๖ กันยายน ๒๕๕๘)

อีเจ๊ : แหม่ๆๆ น้องชายแช้น ตบแป้งซ้าหน้าขาวเชีย รู่หนะจ้ะไปจีบอีน้องจ๋อนลูกตาผ่อง ยายพรซิ่ท่า จ้ะเดินจะเหินก็ดูให้มันดีๆ หน่อยหนะเดี๋ยวพลั่ดตกกะหลุกกลางนาเป็นได้เล่อะมอกแมกแน่ๆ แบบนั้นนอกจากอีน้องจ๋อนจ้ะไม่มองแล่วควายมันยังจ้ะไล่ขวิดเอาอีก เหอๆๆๆๆ
น้องชาย : ไม่ต้องห่วงเหาะอีเจ๊ ทุ่งพังราดบ้านเราน่ะแช้นหลับตาเดินยังได้เลย อีกอย่างหนะแช้นน่ะเสกคาถาเข้าไปด้วยแล่ว คราวนี่รั่บรองอีน่องจ๋อนติดแช้นงอมแหงๆ เหอๆๆๆ

ตบแป้ง” หรือประแป้งเนี่ยผมว่าเป็นของอยู่คู่กับคนมาแต่โบร่ำโบราณเพราะคนเราไม่ว่า จะหญิงหรือชาย จะหล่อไม่หล่อ สวยไม่สวยทุกคนย่อมรักสวยรักงามเป็นธรรมดา จะทำอะไร จะไปไหนต้องให้ “ดูดี” ไว้หน่อย ที่สำคัญที่สุดที่บ่งบอกหรือแสดงให้คนอื่นรู้ก็คือ “ใบหน้า” นั่นเอง ยิ่งหนุ่มๆ สาวๆ วัยที่กำลัง “เริ่มจะ” มีความรักต่อเพศตรงข้ามด้วยแล้วต้องเน้น ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ บางคนนี่นะกว่าจะออกจากบ้านได้ต้องใช้เวลาแต่งเนื้อแต่งตัว ตบป้งตบแป้งเป็นชั่วโมงก็มี
พูดถึงการตบแป้งของหนุ่มๆ บ้านเราสมัยผมยังเป็นเด็กเนี่ยะหลายคนก็หลากลีลา ไม่มีใครเหมือนและก็ไม่เหมือนใคร ใครคิดว่าแบบไหนดีแบบไหนเข้าท่าก็ทำตามใจชอบ แต่ที่ “เหมือนกัน” ก็คือการตบแป้งนั้นนอกจากจะเอาแป้งขาวๆ มาตบหน้าตบตาที่ “ดำเป็นเหนี่ยง” แล้วถ้าจะให้ดีให้วิเศษต้องนี่ “เอาแป้งใส่มือละเลงน้ำพอหมาดๆ” พร้อมใช้หวีมาลูบๆ เสร็จแล้วเอาไปแตะที่หน้าตามจุดที่ต้องการ ประการสำคัญถ้าจะจีบสาวนอกจาก “ตบแป้ง” ให้หน้าขาวหน้านวลแล้วสิ่งที่หนุ่มๆ สมัยนั้นลืมไม่ได้เด็ดขาดก็คือ “เสกคาถา” ใส่เข้าไปด้วย คาถาที่ว่านี่ผมยังจำได้ขึ้นใจ “นะมะพะทะ จิตตะจิตตัง ราชา ปุริโส อิตถิโย มานัง เอหิ จิตตัง ปิยัง มะมะ” โดยเขาให้ท่อง ๓ จบจะได้ผลชะงัดนักแล สาวๆ นี่ติดกันงอมทั้งตำบลเลยแหละ ๕๕๕


เอ้า หนุ่ม(เหลือน่อย)บ้านเราคนไหนส้ะหมัยก่อนก่อนที่จะไปจีบสาวน่ะใครเคย “ตบแป้ง” หน้าขาวแล้วเสกคาถาแบบที่ว่ามานี่มั่ง ย่กมือขึ้นหน่อยฮิ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น