วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันนี้ที่เวียงป่าเป้า (๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔)

วันนี้วันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นสัปดาห์ที่ ๒ ที่ผมมาทำงานที่โรงพักเวียงป่าเป้าซึ่งนายให้ทำหน้าที่งานอำนวยการที่ผมไม่ค่อยถนัดนักเพราะแทบทั้งชีวิตตำรวจที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นงานด้านสอบสวนและงานป้องกันปราบปรามแต่ ๒ อาทิตย์ก็ปรับตัวได้แล้วครับลูกผู้ชายตำรวจไทยทำได้หมดเขาไม่ได้ให้มาตายซะหน่อยคิดยังงี้ก็สบายใจไปอีกแบบ ๑

อย่างที่เคยบันทึกการทำงานที่ผ่านมานั่นแหละว่างานที่ให้ทำแทบไม่มีอะไรเลยผมเลยฉีกแนวแนะนำให้ัความรู้แก่น้องๆ ตำรวจในเรื่องที่ผมพอจะรู้อยู่บ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องคอมพิวเตอร์นั่นแหละ วันนี้ก็เหมือนกันผมแนะนำอะไรที่เขาไม่รู้ให้รู้หลายเรื่องเช่นการใช้และเขียนสูตรขึ้นใช้เองของโปรแกรม Excel สนุกดีครับถือเป็นวิทยาทานที่แม้ต่อมาจะแยกย้ายจากกันไปแต่ความรู้ที่ได้รับก็จะยังคงอยู่ีกับเขา ผมคิดว่าคงจะทำแบบนี้ตลอดเรื่อยไปตราบใดที่ยังมาทำหน้าที่ตรงนี้อยู่เพราะจะไปงานอื่นที่ไม่ใช่งานนี้ก็๋คงไม่ได้ งานแต่ละงานมีผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้าอยู่แล้ว มันไม่ดี

ผมอยู่ที่เวียงป่าเป้าโดยไม่รู้ตัวแต่ก็ต้องมาด้วยความเต็มใจเพราะผมเชื่อและเคารพในคำสั่งผู้บังคับบัญชา การอยู่การกินก็สบายๆ ครับเพราะเป็นคนง่ายๆ กับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว การอยู่ผมเช่าหอพักอยู่ห่างจากโรงพักราวๆ ๒ กิโลเมตรเศษๆ ไปทางด้านเชียงราย ในห้องไม่ได้เอาเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรมาซักอย่าง ทีวี ตู้เย็น ไม่มีทั้งนั้นเพราะคิดว่าไม่จำเป็น เสื่อผืนหมอนใบก็พอแล้วสำหรับชีวิตไม่ต้องคิดอะไรมากด้วย ตื่นเช้ามาก็ออกมาทำงาน ทำงานให้เต็มที่ ทำให้สนุกแม้ว่างานนั้่นจะไม่ค่อยถนัดนักก็ตาม ไม่เป็นไรครับชีวิตคนเรามันสั้นนักแต่ละคนอยู่ไม่ถึง ๑๐๐ กันทั้งนั้น คุณพ่อคุณแม่ผมท่านสอนผมมาตลอดว่าคนเราเลือกที่เกิดไม่ได้แต่ที่เลือกได้คือการทำดี จงทำดีนะลูกแม้ใครไม่เห็นหรือใครจะคิดยังไงก็ช่างเขา คนที่เห็นคือตัวเรานั่ีนเอง ผมปฏิบัติตามคำสั่งสอนของคุณพ่อของคุณมาตลอด เจอมรสุมการทำงานมากมาย ช่างมัน ไม่เป็นไร ในเมื่อคนเราทำแล้วไม่ได้ดีก็ไม่เป็นไร เพราะการทำดีได้ีดีนั้นมันไม่ใช่ว่าจะต้องได้ยศถาบรรดาศักดิ์อะไร ไม่ใช่เลย ที่ได้คือจิตใจเราดี ไม่ผูกอาฆาตพยาบาทใครก็ทำให้เราได้ดีคือคิดดี พูดดี ทำดีไปในตัว ส่วนคนที่เขาคิืดไม่ดีกับเขาก็เรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว ยิ่งเขาคิดอาฆาตพยาบาทเราเพียงใดกรรมไม่ดีก็จะตกอยู่เขาซึ่งนั่นก็คือความมัวความหมองในใจนั่นเอง นี่ก็คืออีกส่วนหนึ่งในคำสอนจากคุณพ่อคุณแม่ีของผม สำหรับการเดินทางไปมาระหว่างที่พักกับโรงพักวันนี้ผมเอามอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ มาจากบ้านที่พะเยาสำหรับใช้งานคัน ๑ สบายๆ ครับไม่ต้องเสียค่ารถค่ารา ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยให้ใครไปรับไปส่ง มันไม่เหมาะ และก็ไม่ควรไปรบกวนใคร เราอยู่ของเราแบบนี้สบายเสียอีกไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใครด้วย


วันนี้ พ.ต.ต.กิตติศาสตร์ ทองมา สารวัตรอำนวยการ(ตัวจริง) ของโรงพัีกเวียงป่าเป้าซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นน้องผมมาทำหน้าที่ของเขาแล้วเพราะช่วงที่ผ่านมาน้องเขาได้รับคำสั่งให้่ไปช่วยงานเรื่องการเลือกตั้งที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายตอนนี้เสร็จภารกิจแล้วก็กลับที่เดิม ทีนี้ทำไงดีล่ะ โรงพักๆ เดียวมีคนทำหน้าที่เดียวกันถึง ๒ คน งานก็อย่างที่รู้กันนั่นแหละว่าแทบไม่มีอะไรเลย ผมก็เลยตกลงกับสารวัตรรุ่นน้องคนนี้ว่าผมมาช่วยและจะไม่ีก้าวก่่ายงานในหน้าที่ การช่วยก็จะเป็นเรื่องอื่นๆ อย่างที่ผมบอกตอนต้้นนั่นแหละคือการเสริมความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ผมพอจะรู้ให้น้องๆ เขาต่อ ส่วนงานในหน้าที่ก็ให้น้องกิตติศาสตร์รับไปเต็มๆ เลยก็แล้วกัน เราตกลงกันแบบนี้ จึงขออนุญาตบันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์การทำงานวันนี้ของผมไว้หน่อย

ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น