วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันนี้ที่เวียงป่าเป้า (๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔)

วันนี้ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ วันทำงานวันสุดท้ายของพี่น้องหลายๆ คนก่อนที่จะหยุดยาวช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้แล้วมาทำงานกันอีกทีวันอังคารที่ ๑๙ หนึ่งในนั้นรวมถึงผมด้วยเพราะทำงานธุรการที่เป็นไปตามวันและเวลาราชการถ้าไม่เสาะหางานอื่นมาทำ

เช้าวันนี้งานที่ผมทำมีอยู่ชิ้นเดียวครับคือเรื่องบำเหน็จของตำรวจใช้เวลาทำไม่เกิน ๑๐ นาทีก็นำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงนามหรือสั่งการตามอำนาจหน้าที่นอกจากนี้ไม่มีอะไรอีกจึงออกจากห้องทำงานไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตำรวจนอกห้อง คุยกันไปสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยแต่ก็ได้อะไรหลายอย่าง สำคัญคือได้แนวคิดจากตำรวจชั้้นประทวนเขาว่าเขามีมุมมองหรือแนวคิดอย่างไร ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องตำรวจเรานี่แหละ การพูดคุยแบบเป็นกันเองกับผู้ใต้บังคับบัญชานี่ดีอย่างคือเขาสามารถพูด สามารถระบายอะไรออกมาได้จากใจจริงโดยไม่ต้องมียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นเครื่องกีดขวาง ยศที่อยู่บนบ่าบนแขนเป็นเพียงแค่สังกะสีชุบเงินหรือโครเมี่ยมไม่มีอะไรยั่งยืน พอเกษียณ ลาออกหรือออกจากราชการด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่พวกเราทุกคนก็เท่่ากันหมด จะเอาอะไรนักหนากับเรื่องพวกนี้ ไม่รู้นะผมคิดของผมแบบนี้ส่วนคนอื่นจะคิดอย่างไรเรื่องของเขาผมไม่เกี่ยว

นอกจากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตำรวจแล้วผมยังใช้โอกาสนี้เป็นประชาสัมพันธ์โรงพักไปในตัวเสียเลยแม้ัว่าช่วงเช้าจะมีพี่น้องมาติดต่อราชการไม่กี่คนก็ตาม ผมนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามมักจะสอนตำรวจเสมอว่าถ้าพี่น้องมาติดต่อโรงพักจะด้วยเรื่องอะไรก็ตามอันดับแรกที่ต้องทำและขาดไม่ได้่คือเข้าไปต้อนรับขับสู้พูดคุยสอบถามความจำนงห้ามให้่พี่่น้องต้องนั่งคอยโดยไม่มีใครเข้าไปต้อนรับหรือพูดคุยเด็ดขาด พอรู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรก็ให้พาไปพบผู้เกี่ยวข้อง การพูดก็ต้องพูดจากใจ พูดด้วยใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส กระตือรือร้น พร้อมให้บริการดังคำขวัญของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ว่าบริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว

เวียงป่าเป้านี่เท่าที่ผมเห็นและสัมผัสตั้งแต่เขาให้มาช่วยงานที่นี่ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาตำรวจที่ทำงานบนโรงพักส่วนใหญ่่จะให้ความสำคัญและทำแบบนี้เสมอต้นเสมอปลาย เห็นแล้วก็ดีใจ พี่น้องก็ดีใจ ต่างคนต่างมีน้ำจิตน้ำใจให้กันและกัน งานที่ว่ายากก็จะกลายเป็นง่าย ที่มีปัญหาก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมหวังเหมือนกันว่าตำรวจเราทุกคนน่าจะทำแบบนี้ด้วยเพราะไม่ใช่ยากอะไร ดีเสียอีกได้เพื่อน ได้พี่ ได้น้องเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร

การพูดคุยทักทายพี่น้องเช้านี้ผมเจอเรื่องเรื่องหนึ่ง แหม คนอะไรจะช่างมีมุกเด็ดได้ขนาดนั้น ได้ยินแล้วอดที่จะเก็บไว้หัวเราะคนเดียวไม่ได้จึงขออนุญาตนำมาเล่าให้ฟังอีกต่อหนึ่ง เรื่องราวเป็นอย่างไรติดตามได้เลยขอรับ

ขณะที่ผมยืนอยู่หน้าโรงพัก มีสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาจึงเข้าไปต้อนรับและสอบถามว่ามีอ​ะไรจะให้ตำรวจไทยช่วยเหลือบ้าง สาวคนนั้นบอกว่าจะ​มาแจ้งเอกสารหายผมจึงพาไปที่โต๊ะประจำวันเพื่อลงบันทึกการแจ้งให้เธอ
ช่วงหนึ่งระหว่างพูดคุยกันผมถามน้องคนนั้นว่า "สุมาเต๊อะน้อง น้องทำงานที่ไหนครับ"
"ส.ป.ก.เจ๊า" เธอตอบผม
"อ๋อ ส.ป.ก. สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือครับ" ผมถามย้ำ
"บ่ใจ้เจ๊าอ้าย" เธอพูดพร้อมยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งก่อนจะบอกต่อไปว่า "น้องเป็นสาวขายประกันเจ๊า"

นี่คือวันนี้ที่เวียงป่าเป้าช่วงเช้า

เพิ่มเติมช่วงบ่าย

วันนี้เงียบเหงาวังเวง พี่น้องไม่มีใครมาติดต่ออะไรเลยสักคน มีเพียงพวกเราตำรวจ ๔-๕ อยู่เฝ้าโรงพักคุยกันไปโม้กันไปดูทีวีกันไป บางคนก็เอาเรื่องการทำบล็อกใหม่ของโรงพักมาฝึกหัดฆ่าเวลากันไปแต่ก็ได้ประโยชน์นะผมว่า เลยใช้เวลานี้แนะนำให้เขาด้วย เท่าที่สังเกตดูก็เข้าท่าดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร คิดว่าพอถึงวันทำงานหลังจากหยุดยาวคราวนี้น่าจะมีอะไรดีๆ ในโรงพักเวียงป่าเป้าออกสู่สายตาพี่น้องอย่างแน่นอน




พวกเราอยู่ที่โรงพักจนถึงเวลาเลิกงานก็แยกย้ายกันกลับบ้านรอวันพรุ่งนี้ไปทำบุญวันอาสาฬหบูชาและมะรืนนี้ทำบุญเข้าพรรษาอย่างใจจดใจจ่อ

เพิ่มเติม (อีกครั้ง)

วันนี้ผมนำเรื่องราวสนุกๆ เกี่ยวกับแวดวงตำรวจลงนิตยสาร "คู่สร้างคู่สม" ของคุณพี่ดำรง พุฒตาล ซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ตามที่ให้สัญญามิตรรักนักอ่านว่าทุกวันอังคาร,พฤหัสบดีและวันเสาร์จะเขียนเรื่องราวสนุกๆ ให้อ่านกัน วันนี้เสนอเรื่อง "ถูกหวยสามตัวแต่ไม่ได้สตางค์" รายละเอียดเป็นอย่างไรคลิกดูที่นี่นะครับ

สวัสดีเวียงป่าเป้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น