


ภาพด้านล่างนี้เป็นช่วงที่ไปติดต่อประสานงานโรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้งแล้วพบเด็กๆ กลุ่มนี้ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ โรงเรียนอนุบาลเวียงเชียงรุ้งกำลังไปให้คุณหมอตรวจฟันอยู่ก็เลยโอภา่ปราศัยกันตามธรรมเนีัยมของคน(ละ)วัยเดียวกัน (ฮา)






เสร็จแล้วไปเยี่ยมเยียนเด็กโตขึ้นมาหน่อยที่โรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคมซึ่งเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ ๑-๖ ตอนนั้นโรงเรียนเลิกแล้วเด็กๆ ส่วนหนึ่งกำลังรอรถหรือพ่อแม่ผู้ปกครองมารับอยู่






การพูดคุยกับเด็กๆ นี่หลายคนอาจจะมองว่า "ยาก" เพราะคนละวัย สื่อกันคนละแบบ ทำให้มองกันคนละมุม แต่ผมว่้าไม่ใช่ จริงๆ แล้วก็คนละวัย รุ่นพ่อกัีบรุ่นลูก ไม่มีปัญหาครับ เราก็ทำตัวแบบ "คนวัียเดียวกัน" ซะก็สิ้นเรื่อง เอ้า แล้วทำยังไงล่ะ ..ขอติดไว้ก่อน เอาไว้วันหลังว่างๆ ผมจะนำกลเม็ดเคล็ดลับมาบอกให้ฟัง ไม่ยากกกกกกกกก เชื่อเถอะ ง้ายง่ายยยยยยยยยยย






การพูดคุยกันตามประสา "คนวัยเดียวกัน" วันนี้ก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป "มีการบ้านไหม , ทำเสร็จแล้วเหรอ อ้าว เสร็จแล้วแล้วทำที่ไหน , ทำที่โรงเรียนเจ๊า , ผมก็พูดว่า "แบบนี้ไม่ใช่การบ้านแล้ว เป็นการโรงเรียน การบ้านต้องทำที่บ้านถึงจะถูกใช่้ไหม" หรือไม่ก็อำเด็กบางคนที่ทำการบ้านที่โรงเรียนเสร็จแล้วว่า "รู้ไหม เมื่อกี๊น่ะเพื่อนๆ คนหนึ่งเขาก็ทำการบ้านที่โรงเรียนเสร็จแล้วเหมือนกัน ..เหตุผลที่ต้องทำการบ้านที่โรงเรียนเพราะว่าเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเก่งกว่าทำเสร็จก่อนแล้วก็ "ขอลอก" ซะเลย เล่นเอาฮากันทั้งวงเลยทีเดียว






ยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างครับที่คุยกับเด็กๆ เขารวมทั้งแทรกสิ่งละอันพันละน้อยที่น่า่จะเกิดประโยชน์เข้าไปด้วย เช่น อย่าไปยุ่งกับยาเสพติดนะ มันไม่ดี อนาคตอันสดใสของเราที่หวังไว้จะมืดมน ดีไม่ดีติดคุกติดตะรางได้ เพื่อนๆ ที่จะคบก็ควรเลือกคนแต่คนดีๆ คนไม่ดีไม่ต้องคบ แล้วก็ถ้ามีอะไรดีๆ อย่างเช่น ข่าวสารข้อมูล เบาะแสการกระทำผิดของคนร้ายอย่าลืมแจ้งตำรวจด้วยนะลูก อะไรประมาณนี้






เสร็จจากการพบปะนักเรียนโรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคมแล้วก็ไปที่โรงเรียนอนุบาลเวียงเชียงรุ้งซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของเรา (ด.ต.นเรศ สุขยิ่ง) กำลังอำนวยความสะดวกด้านการจราจรอยู่ แล้วก็เหมือนเดิมครับเข้าไปทักทายพูดคุยกับเด็กๆ สักพักหนึ่งก่อนที่จะเขาจะเดินทางกลับบ้าน









ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น