บ้านเราสมัยก่อนนั้นถนนหนทางก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นยังไง ไปไหนมาไหนทีลำบ๊ากลำบาก “กะหลุก” นี่เบิกบานหมด ยิ่งถ้าฝนตกลงมาด้วยรั่บรองว่า “เล่อะม่อกแม่ก” ตั้งแต่หัวถึงเท้ากันทุ่กคน เรื่องรถราที่จะใช้น่ะน้อยคนที่จะมีรถเครื่องหรือรถยนต์อย่างเก่งก็แค่ “จักรยาน” ที่เวลาไปไหนมาไหนพอเจอกะหลุกแล้วขี่ต่อไม่ไหวจำเป็นต้องลง “สุย”
พูดถึงเรื่องจักรยานนี่สมัยนั้นถือว่าเป็นยานพาหนะสำคัญที่แทบทุกบ้านทุกเรือนต้องมี ส่วนใหญ่จะเป็นแบบคันใหญ่ๆ ที่เอาไว้ “กะทุ่ก” ของที่ตะแกรงหลังเพราะตะแกรงค่อนข้างใหญ่กะทุ่กของทีได้เบิกบาน อีกอย่างก็ใช้เดินทางไปไหนมาทุ่นเวลาได้มากกว่าการเดินเยอะ แต่สำหรับคนที่พอจะมีสตางค์สักหน่อยโดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่วัยกำลังเริ่มมีความรักมักจะหาซื้อจักรยานคันไม่ใหญ่แบบที่ว่ามานั้นมาใช้มาขี่กัน ยิ่งคันไหนมีเกียร์ด้วยนี่โอ้โฮไปไหนมีแต่คนจ้องคนมองตาเป็นมัน (ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะยี่ห้อ “ราเล่ย์” หรือยังไงเนี่ยที่ผมเคยเห็นในหมู่บ้านพังราดไทยตอนเป็นเด็ก)
จักรยานแทบทุกคันมักจะมีอุปกรณ์อย่างหนึ่งติดอยู่เพื่อใช้เป็นสัญญาณเตือนคนที่อยู่ข้างหน้าหรือใกล้เคียงให้รู้ว่ามาจะได้เดินหลบ แต่ถ้าเป็น “ราเล่ย์” แล้วเจ้าหนุ่มคนขี่มักจะใช้อุปกรณ์ที่ว่านี้เป็นสัญญาณบอกให้สาวๆ รู้ว่า “ฉันมาแล้วนะ เห็นแม้จัก-ก้ะ-ยานฉันสวยเชีย เอ้าเร้วหันมาดูกันเร้ว” เล่นเอาสาวๆ จ้องมองกันตาเป็นมัน ผิดกับเจ้าหนุ่มคนอื่นที่หันมามองด้วยความหมั่นไส้ ซึ่งอุปกรณ์ที่ผมว่านี้ก็คือ “ลูกกิ่ง” นั่นเองครับ
เอ้า พี่น่องบ้านเราคนไหนรู่จัก “ลูกกิ่ง” มั่งว่ามันคือไอ้ไร ไหนบอกมาหน่อยฮิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น