

ถึงแม้ว่า "นาย" จะเหลืออายุราชการเพียง ๕ เดือนหรืออาจเรียกได้ว่าไม่มีอำนาจวาสนาจะให้พระเดชพระคุณกับใครได้อย่างเต็มที่ หากแต่เหล่าบรรดานายตำรวจที่เข้าร่วมสัมมนาในวันนั้นก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงวินัยที่เข้มแข็งของตำรวจภูธรภาค ๖ได้อย่างชัดเจน...นับแต่นี้ไปตำรวจจราจรจะไม่ทำหน้าที่เพียงโบกรถและจับ ...จับ...และจับเท่านั้น

“อุบัติเหตุทางถนนคือทุกข์ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าก่อนที่จะดับทุกข์ได้ต้องเข้าใจเหตุแห่งทุกข์ก่อน...” นายตำรวจใหญ่โน้มน้าวสร้างแรงบันดาลใจน้องๆ ตำรวจ หากแต่มิใช่เป็นการชวนให้ทุกคนร่วมทำบุญเท่านั้น แต่ปิดท้ายด้วยการขู่ดักทางตำรวจบางคนที่อาจจะยังไม่อยากทำบุญด้วยท่าทีและน้ำเสียงจริงจังว่า “มันเป็นการทำบุญโดยหน้าที่ เราเป็นตำรวจเรามีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข ถ้าเราไม่ทำมันก็เท่ากับเราทำบาป หากเรายังปล่อยให้คนไทยต้องตายกลางถนนปีละ ๑.๒ หมื่นศพ ไม่ต้องรอให้ใครมาสั่ง เราทำได้เราทำเลย”
นอกเหนือจากภาพความตั้งใจของเหล่าบรรดาหัวหน้าสถานีตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๖ และตำรวจทุกนายที่เข้าร่วมประชุมทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายจะสร้างความประทับใจอย่างมากแล้วนั้น มีแต่สิ่งที่น่าประทับใจมากกว่านั่นคือคำพูดของ พล.ต.ต.ชัยณรงค์ ที่ว่า
“ผมตัดสินใจแล้ว เมื่อผมเกษียณอายุราชการแล้วผมจะช่วยงานด้านอุบัติเหตุอย่างเต็มตัว จริงจัง มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลย ผมว่ามันเป็นงานที่เรามาร่วมกันทำบุญ”

“ตำรวจไทยเก่งที่สุดในโลก และตำรวจไทยก็เก่งที่จะไม่แสดงความเก่งออกมา” ดิฉันในฐานะวิทยากรร่วมเริ่มเกริ่นนำความรู้สึกจากประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากการทำการศึกษาวิจัยวัฒนธรรมการทำงานในโลกของตำรวจ

การแสดงความเก่งออกมาให้ปรากฏต่อสาธารณชนและนายมิได้หมายความว่าจะทำให้ตำรวจผู้นั้นได้ดิบได้ดีเสมอไป อาจมีบ้างที่ได้ดีเพราะความเก่ง แต่ตำรวจเหล่านั้นจำเป็นต้องมีความเฮงและมีผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการหรือที่นิยมเรียกกันว่ามีตั๋วที่แข็งปั๋งและยั่งยืนพอสมควรรวมถึงต้องมีตังค์ด้วย หากมิเช่นนั้นแล้วการแสดงความเก่งออกมาอาจจะทำให้เกิดผลย้อนกลับเชิงลบได้มากกว่าการเกิดผลกระทบเชิงบวก ดังตัวอย่างคำบอกเล่าที่มาของเหตุผลการซุกความเก่งของตำรวจไทย
“นายเขาไม่ชอบให้อวดเก่งเหนือเขา ขืนไปทำอวดเก่งโดนนายหมั่นไส้ทีนี้งานเข้า อยู่เฉยๆ ดีแล้ว”
“เก่งมากก็ต้องทำมาก แต่ตำรวจทุกคนเขาก็รู้ว่างานและความก้าวหน้ามันคนละเรื่องกันในโลกของตำรวจ”

ที่มา : http://bit.ly/L6OV8L
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น