วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สวัสดีวันศุกร์ (๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙)

ศุกร์สิบเก้าย่างแล้ว กุมภา
มีสุขไร้ทุกข์มา ลอบกล้ำ
คิดหวังสิ่งใดนา ประสบ สำเร็จ
จิตประเสริฐเลิศล้ำ ตอกย้ำ ตนตัว
.........
โคลงสี่สุภาพ

สวัสดีทุกท่าน วันนี้วันศุกร์ขึ้น ๑๒ เดือน ๓ ปีมะแม จุลศักราช ๑๓๗๗ ตรงกับวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๒๕๕๙ ขอให้มีความสุข คิดสิ่งใดสมความมุ่งมาดปรารถนาทุกประการ

คืนที่ผ่านมาผมนอนบ้านที่อำเภอเมืองพะเยาพร้อมครอบครัวหลังจากคืนก่อนไปนอนบ้านคุณยายที่เชียงรายเพราะต้องไปพบหมอเมื่อวาน เช้านี้ผมตื่นมาราวตี ๕ กว่านิดหน่อยเพราะอาจจะติดมาจากช่วงป่วยและนอนโรงพยาบาลก็ไดที่นอนไม่ค่อยจะหลับและตื่นเช้าเลยติดมาถึงที่บ้านทั้งๆ ยามปกติถ้าไม่มีอะไรเป็นพิเศษก็แทบไม่เคยตื่นแบบนี้ แต่ก็ดีไปอย่างครับทำอะไรช่วงนั้นได้พอสมควรอย่างน้อยก็ไลน์เล่นเฟสบุ๊ค ๕๕๕

เช้านี้ที่พะเยาอากาศอุ่นสบายๆ นอนแทบไม่ต้องห่มผ้าเลยยังได้ในช่วงหัวค่ำ ส่วนช่วงดึก็เย็นมานิดหน่อยแต่ไม่มากมายอะไรจนถึงรุ่งเช้า
อาหารเช้าวันนี้มีข้าวต้ม+ผัดผักบุ้ง+ต้มยำตับไก่,ไข่อ่อน+ไข่ดาวครับ
.......
...ในผักบุ้ง ๑๐๐ กรัมจะให้พลังงาน ๒๒ กิโลแคลอรี่ และประกอบด้วยเส้นใย วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆอีกด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี ๒ วิตามินบี ๓ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น ผักบุ้งไทยนั้นจะมีวิตามินซีสูงและสรรพคุณทางยามากกว่าผักบุ้งผักบุ้งจีน แต่จะมีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีน (วิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา) น้อยกว่าผักบุ้งจีน หากรับประทานสด ๆได้ จะทำให้คุณค่าของวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ไม่เสียไปกับความร้อนอีกด้วย...http://goo.gl/cRbG0v

หลังกินข้าวเสร็จก็นั่งๆ นอนๆ พักๆ ผ่อนๆ ในบ้านนั่นแหละครับ ว่างมากนักก็หาหนังสือมาอ่านบ้างเป็นการฆ่าเวลา

เวลาราว ๙ โมงเช้าลูกสาวซึ่งเดินทางมาเยี่ยมเมื่อ ๒ วันที่ผ่านมานั่งรถกลับไปเรียนหนังสือที่ ม.แม่โจ้โดยแม่เธอเป็นคนขับรถไปส่งที่ท่ารถพะเยาโดยตอนนี้ลูกสาวเรียนอยู่ปี ๓ เทอมที่ ๒

เวลา ๑๑.๓๐ น.หลานซึ่งเป็นพยาบาลโรงพยาบาลพะเยามีฉีดยาให้ที่บ้านเหมือนเดิมซึ่งวันนี้หลานคนนั้นไม่ได้เข้าเวร เป็นเวรพักแต่ก็ยังมีน้ำใจมาฉีดให้ทุกคน ขอบคุณมากนะครับ

อาหารกลางวันวันนี้ : ก๋วยเตี๋ยวหมูเส้นหมี่ครับ อร้อยอร่อย

...คนจีนเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวมาปรุงเป็นอาหารกินกันอย่างธรรมดาแต่เมื่อคนไทยเห็น เข้าก็แปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นเอง คนจีนนี่เองที่เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่เรือสำเภามาจากเมืองจีน เอามาต้มเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำกันอย่างเอร็ดอร่อย เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวมาต้มกับน้ำซุป ใส่หมู ใส่ผักบางอย่าง ซึ่งน่าจะยังไม่เหมือนกันอย่างในทุกวันนี้…http://goo.gl/KnYWhW

...สันนิษฐานกันว่าก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยมีมาเมื่่อประมาณสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยมีการติดต่อกับชาวต่างชาติมากมาย และชาวจีนก็ได้นำเอาก๋วยเตี๋ยวเข้ามากินกันในเรือ โดยต้มในน้ำซุป มีการใส่หมู ใส่ผักและเครื่องปรุงเพื่อความอร่อย แต่สำหรับคนไทยแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในยุคนั้น และได้นำมาประกอบเป็นอาหารอื่นๆ บริโภคกันจนมีความเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และเริ่มมีการทำเส้นก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทย..http://goo.gl/KnYWhW

...ก๋วยเตี๋ยวเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่ปรากฏ แต่ในประเทศจีนสมัย กุบไรขาน (พ.ศ.๑๘๒๒-๑๘๓๗) มาโค โปโล เดินทางจากอิตาลีโดยเส้นทางสายไหมสู่เมืองจีน มาโคโปโลกล่าวถึงกองเรือสินค้าที่มากมายของจีน และสิ่งมีค่ามหาสานสองสิ่งคือดินปืนและบะหมี่ จึงเป็นเหตุให้แนวความคิดของคนในโลกเข้าใจถึงกำเนิดและที่มาของเส้นสปาเกตตี ว่าเกิดมาได้อย่างไร

ส่วนในเมืองไทยมีการค้าขายกับชนชาติจีนมาแต่ยุคสุโขทัยเช่นเครื่องสังขโลกโดยการค้าทางเรือแต่ก็ไม่ปรากฏการกล่าวถึงก๋วยเตี๋ยว จนมาในสมัยอยุธยา ถ้าจะกล่าวถึงยุคทองแห่งอาหารก็หน้าจะเป็นสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ (พ.ศ.2199-2231) ซึ่งมีการเปิดการค้ากับอารยะประเทศ อาหารสารพัดชนิดไหลเข้ามาในเมืองไทยและก็มีการดัดแปลงให้เข้ากับท้องถิ่นและวัสดุในท้องที่ที่มี ชาวจีนที่มาค้าขายก็นำก๋วยเตี๋ยวมาทำกินกันและก็แบ่งให้ผู้ร่วมค้ากินก็เป็นของใหม่และแปลกสิ่งสำคัญก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารจานเดี่ยว ก็แค่ลวกเส้นใส่หมูเติมน้ำซุปก็กินได้แล้ว...http://goo.gl/QTxFdJ

ช่วงบ่ายฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับธรรมะครับ วันนี้อ่านของท่าน ว.วชิรเมธีซึ่งที่บ้านมีหลายเล่มแต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านในช่วงที่ผ่านมา

'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๑)สันติภาพคือหนทาง : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี

พระนิพพานที่เราถือกันว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนานั้น มีคำไวพจน์อีกอย่างหนึ่งว่า 'สันติ' (ความสงบ) สอดคล้องกับที่มีพระพุทธพจน์ตรัสไว้ว่า “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ” แปลว่า “ไม่มีสุขใดยิ่งไปกว่าสันติสุข” ความสุขที่เกิดแต่สันติภาพภายในคือ พระนิพพาน เป็นยอดแห่งความสุข เพราะความสุขชนิดนี้เป็นความสุขที่เกิดจากการกำจัดเหตุแห่งความเร่าร้อน ทุรนทุราย ดิ้นรน ทะเยอทะยาน เบียดเบียนบีฑาฆ่าเข่น ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ผู้บรรลุพระนิพพาน จึงเป็นผู้บรรลุถึงสันติภาพที่แท้ ถาวร ยั่งยืน เป็นผู้สงบเย็น เป็นบุคคลแห่งสันติภาพอย่างแท้จริง โดยเหตุที่พระนิพพานหรือสันติภาพภายในเป็นเป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนาอย่าง ที่กล่าวมานี้เอง ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ…http://goo.gl/ymdxNM

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น